โดย เรืองยศ จันทรคีรี
นำเสนอโดย Sunai FanClub
ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ ปชป.ในศึกชิงดำผู้ว่าฯ กทม.
เหลือเวลาอีกเพียง 11 วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 10 จะได้รู้กันสักทีว่าใครจะเป็นผู้ได้ครอบครองตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 16 จะเป็นพงศพัศจากพรรคเพื่อไทย หรือสุขุมพันธ์แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ช่วงเวลานี้จึงน่าจับตายิ่งนัก เพราะทุกคนต่างเทหมดหน้าตักไม่มีกั๊กมุขกันแล้ว
ผู้ช่ำชองการเลือกตั้งต่างรู้กันดีว่าในช่วงใกล้วันเลือกตั้งเกมยิ่งมันเข้มข้น กลยุทธ์ต่างๆถูกนำมาใช้กันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครนั้นยังมีตัวเลขที่น่าสนใจ และมักจะน้อยลงจนสามารถตัดสินใจได้เพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งจะมีขึ้น ดังนั้น ยุทธวิธีทุกอย่างจึงถูกงัดมาใช้ให้เห็น ใครเป็นอย่างไรสังเกตกันได้เลย ใครชกใต้เข้มขัด ใครใช้วิธีสกปรก ใครชอบสาดโคลนใส่คนอื่น หรือใครที่ชอบวัฒนธรรมตอแหลปลิ้นปล้อน จะปรากฏให้เห็นในช่วงนี้เอง
คาดหมายได้ไม่ยากว่าศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ประชาธิปัตย์ไม่ยอมแพ้ได้ง่ายๆแน่นอน โดยเฉพาะแอบลุ้นว่ายังมีเสียงอีก 40% ที่ยังไม่เลือกใครอยู่ในใจ ฉะนั้นถ้าหากตัวเองสามารถพลิกสถานการณ์ตรงนี้ได้ก็จะเท่ากับเป็นการพลิกเกมเลือกตั้ง ได้ผู้ว่าฯที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องทำให้ได้คือ เก็บเม็ดคะแนนเสียงให้ได้ 900,000 คะแนนเท่าเดิมที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เคยทำไว้เมื่อครั้งที่แล้ว และบวกเพิ่มเป้าหมายผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจอีก 40% จึงจะเพียงพอต่อการคว้าชัยชิงดำมาได้!
จึงมีคำถามสำคัญว่าอะไรคือยุทธวิธีที่ประชาธิปัตย์จะใช้ในการดึงเสียงเหล่านี้มาเป็นคะแนนของตัวเอง?
ในประเด็นแรกก็คือ การฟ้องหรือเล่นบทบาทเป็นลูกอีช่างฟ้องนั่นเอง เริ่มจากการฟ้อง กกต. เรื่องโพล และโยงมาถึง พล.ต.อ.พงศพัศ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยนั้นจัดทำโพลเพื่อชี้นำการเลือกตั้ง แต่เข้าใจว่าเกมนี้คงไม่มีผลอะไร และ กกต. คงจะไม่เล่นตามบทที่ ปชป. ชี้ รวมทั้งล่าสุดนั้นนิด้ายังทำโพลตบท้ายย้ำหนักแน่นว่า พล.ต.อ.พงศพัศมีคะแนนเสียงเหนือ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์!
เมื่อเกมฟ้องเรื่องโพลไม่ได้ผล ประชาธิปัตย์ก็เริ่มฟ้องเรื่องต่อมา นั่นก็คือเรื่องของ พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้ร้องขอกำลังตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามารักษาการณ์ในพื้นที่ กทม. สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในครั้งนี้ แต่ กกต. บอกแล้วว่าไม่มีอะไรชี้ชัดได้ว่าเป็นการโกงเลือกตั้ง นี่เป็นเกมหนึ่งที่ประชาธิปัตย์พยายามโยงไปสู่วาทกรรมว่ารัฐบาลพยายามปล้นตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ไปจากประชาธิปัตย์ตามการให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ดังนั้น เมื่อเกมบทลูกอีช่างฟ้องไม่ได้ผล จึงมีคำถามสำคัญว่าประชาธิปัตย์จะพลิกเล่นบทอะไรต่อไป หรืออาจจะเล่นเกมนอกกติกาที่นึกคาดไม่ถึงก็ได้ เหมือนอย่างวันก่อนที่แนวร่วมของประชาธิปัตย์เล่นเกมแบบที่คนอ้าปากค้างนั่นคือ การฟ้องว่า พล.ต.อ.พงศพัศไม่มีใบขับขี่ขนส่ง และไปโชว์การขับรถเมล์จึงถือเป็นการผิดกฎหมาย แต่นี่คงเป็นการชกลมอีกเช่นเคย ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น
หรือว่าอาจคิดแบบสิ้นคิดว่า พล.ต.อ.พงศพัศไปทอดปาท่องโก๋เป็นเลข 9 เป็นการใบ้หวย และยิ่งหมายเลขที่ออกคือ 57 และ 09 เป็นอายุ และหมายเลขผู้สมัครประจำตัวของ พล.ต.อ.พงศพัศ แถมนายกฯยิ่งลักษณ์ยังชู 9 นิ้วอีก ยังคิดกันไปได้อีกว่ารัฐบาล “ล็อกหวย”
ถึงตอนนี้มีอะไรก็ต้องนำออกมาใช้ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องโหราศาสตร์ ล่าสุดนั้นโหร ส.ว. ของ ปชป. บอกว่า ตามการพยากรณ์ตัวเลขแล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธ์จะชนะ ก็ว่ากันไปตามนิสัยการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ทุกอย่างทำได้ทั้งหมด ที่ดูจะเข้มข้นขึ้นจนเสี่ยงจะเป็นการใส่ร้ายได้นั่นก็คือ การนำเหตุการณ์การเมืองเมื่อปี 2553 เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยวาทกรรม “เผาบ้านเผาเมือง” เหมือนเดิมกับในอดีตที่เคยใช้วาทกรรม “ปรีดีฆ่าในหลวง” เมื่อปี 2489
แม้แต่การปราศรัยครั้งล่าสุดที่หัวหน้าพรรคอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวในทำนองปลุกระดมและโยงทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยว่า “จะให้กรุงเทพฯเป็นเมืองขึ้น หรือจะให้กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวง สุขุมพันธุ์กับประชาธิปัตย์ปกป้องทุกอย่างให้กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวง ไม่เป็นเมืองขึ้นใครทั้งสิ้น...”
ขนาดแค่เห็นเครื่องบินเช่าเหมาลำลงจอดที่เชียงรายก็เหมาเอาว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่เชียงราย
จึงมีความเป็นไปได้มากว่า ปชป. จะดิ้นไม่ออก คิดอะไรไม่ได้มากกับการพลิกเกมเฮือกสุดท้ายแล้ว และหมากสุดท้ายที่จะแถไปได้นั่นก็คือ เตรียมไม่ยอมรับผลเลือกตั้งและเตรียมประท้วง ขึ้นชื่อว่าประชาธิปัตย์อะไรก็ทำได้ทั้งนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น