จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 14 ฉบับที่ 3491 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2013
การหาเสียงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. สุดสัปดาห์นี้จะพ้นโค้งสุดท้ายเข้าสู่ทางตรง
ความเหน็ดเหนื่อย
ความทุ่มเททั้งหมดผลจะปรากฏอย่างไรจะประกาศออกมาในสุดสัปดาห์หน้า
และก็เป็นไปตามคาด การหาเสียงโค้งสุดท้ายเริ่มมีความแปลกประหลาดให้เห็น
โดยเฉพาะการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น
การตัดต่อภาพดารา นักร้อง นักกีฬาดัง ถือป้ายเชียร์ผู้สมัคร
เป็นการกระทำที่หวังผล 2 ทางคือ ตัดคะแนนความนิยม
และปูทางให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อจับแพ้ฟาวล์
แม้ยังไม่มีใครเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) ก็เด้งรับ
นายสุเทพ พรหมวาศ รองเลขาธิการ กกต.ด้านการมีส่วนร่วม บอกชัด
กำลังตรวจสอบว่าการตัดต่อรูปดาราเป็นการทำเพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครรายใดหรือไม่
และกำลังประสานกับตำรวจเพื่อตรวจสอบหาผู้ที่โพสต์ภาพตัดต่อที่ว่านั้น
อีกประเด็นคือ
จับเอาเรื่องที่มีการแจกแบบฟอร์มของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ประชาชนระบุชื่อ
และความต้องการ ไปร้องเรียนให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ
พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า คนแจกแบบฟอร์มเป็นคนของพรรคเพื่อไทย
เลยสงสัยว่าจะมีการซื้อเสียงทางอ้อม
ยังไม่รวมสติ๊กเกอร์เผาบ้านเผาเมืองที่มีการจัดพิมพ์จำนวนมากเตรียมเอาไปติดตามสถานที่ต่างๆที่ตำรวจตรวจยึดไว้ได้
นอกจากนี้ยังมีป้ายผ้าขนาดใหญ่ติดหรากลางเมืองหลวง มีข้อความโจมตี พล.ต.อ.พงศพัศ
พงษ์เจริญ ผู้สมัครเบอร์ 9 พรรคเพื่อไทย อย่างชัดเจน
แม้จะทั้งโดนชกใต้เข็มขัด โดนเกมใต้ดินสกัดอย่างเต็มที่ แต่
พล.ต.อ.พงศพัศและพรรคเพื่อไทยยังนิ่งไม่ตอบโต้
เล่นบทสุภาพบุรุษทางการเมืองต่อไป
ยุทธศาสตร์นี้ใช้ได้ผลดีมาแล้วกับการเมืองระดับชาติ
ที่เขียนบทให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เล่นบทนางเอกไม่ตอบโต้ทางการเมือง มุ่งทำแต่งาน
ทำตัวติดดินให้ประชาชนเข้าถึงและสัมผัสได้
ส่งผลให้รัฐบาลยืนโต้กระแสพายุการเมืองมาได้จนถึงวันนี้
และทำท่าจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ
ยุทธศาสตร์นี้จึงถูกนำมาใช้กับการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ
กทม. ตอกย้ำยุทธศาสตร์สุภาพบุรุษทางการเมือง
ด้วยการเรียกร้องฝ่ายตรงข้ามให้หาเสียงในเชิงบวก อย่าคำนึงถึงผลแพ้ชนะมากเกินไป
อย่าปล่อยให้อคติหรือความกลัวแพ้ ความอยากชนะ
มาทำลายบรรยากาศจนเกิดผลกระทบในบ้านเมือง
อย่าปล่อยให้อคติ หรือความกลัวแพ้ ความอยากชนะมาครอบงำจนทำอะไรก็ได้
เป็นประโยคที่กระแทกใจคนกลางที่ยังไม่ได้ตัดสินใจได้ดี
ยิ่งพรรคเพื่อไทยนิ่งได้มากเท่าไร
ภาพของคู่แข่งก็จะยิ่งเป็นนักเลงหัวไม้เกกมะเหรกเกเร เอาแต่สาดโคลนหาเรื่อง
ไม่ยอมแข่งกันตามกติกา ทำลายบรรยากาศสมานฉันท์ปรองดองมากเท่านั้น
เป็นการตอกย้ำให้คนกลางเบื่อหน่ายที่จะสนับสนุนและหันมาเทคะแนนให้
พล.ต.อ.พงศพัศอย่างเต็มใจ
สอดคล้องกับการสำรวจของสำนักโพลที่ชี้ชัดว่า
ประชาชนกำลังเบื่อหน่ายความขัดแย้งถึงขีดสุด
เพื่อไทยจำเป็นต้องเล่นบทนี้ เพราะคะแนนพื้นฐานยังตามหลังคู่แข่งอยู่กว่า
200,000 แต้ม
จึงต้องการดึงเสียงจากคนกลางที่เบื่อการเมืองที่เอาแต่มุ่งสร้างความขัดแย้งแตกแยกให้หันมาเทเสียงให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยังเหลืออีก 1 สัปดาห์สำหรับการหาเสียง พรรคเพื่อไทยและ
พล.ต.อ.พงศพัศยังต้องเจอลูกยุลูกยั่วและการสาดโคลนอีกมาก
ก็อยู่ที่ว่าจะนิ่งได้ถึงวันเลือกตั้ง 3 มี.ค. หรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น