หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว/มุกดา สุวรรณชาติ
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 2- 8 สิงหาคม 2556
สําหรับกลุ่มอำนาจเก่า
มีเหตุผลที่จำเป็นต้องโค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทุกรัฐบาล หลังจากโค่นรัฐบาล
ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2549 และตั้งรัฐบาลจากการรัฐประหารปี 2550
พอมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งปี 2551 นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ก็ถูกโค่นลงในปีนั้น
แม้เปลี่ยนตัวนายกฯ เป็น สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ก็ยังถูกตุลาการภิวัฒน์โค่นอีกครั้งในปลายปี 2551
และมีการตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเมื่อปี 2552 จนมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ปี 2554
ก็ได้รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งก็ยังมีคนพยายามล้มด้วยสารพัดวิธี
อะไรเป็นแรงจูงใจ
ที่จะต้องออกมาโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้ได้?
1.เป็นการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ตามปกติ
ของการต่อสู้ทางชนชั้น
แม้ในรอบ 80 ปีที่ผ่านมา
มีการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
แต่อำนาจและผลประโยชน์ก็กระจายลงมาอยู่กับชนชั้นปกครองใหม่ซึ่งเป็นทหาร นักการเมือง
และข้าราชการ ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
ยังสลับสับเปลี่ยนกับอำนาจการปกครองของเผด็จการทหารตลอดทั้ง 80
ปี
ในช่วงสิบปีหลัง
ประชาชนชั้นล่างจึงได้สัมผัสกับประชาธิปไตยที่กินได้ใช้ได้ ซึ่งแน่นอนว่า
ผลประโยชน์ที่กระจายสู่คนชั้นล่างย่อมทำให้กลุ่มผู้ปกครองซึ่งเคยอยู่ข้างบนสูญเสียประโยชน์ไปบ้าง
มากน้อย ตามแต่ฐานะและอาชีพของแต่ละกลุ่ม
ซึ่งขณะนี้บางคนมองว่า
ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ประชาชนจะเรียกร้องมากขึ้น
แต่มันสายไปแล้วประชาชนได้ลิ้มรสเสรีภาพ ได้อำนาจในการปกครองท้องถิ่น
และผลประโยชน์จากส่วนกลางที่ถูกถ่ายเทมาสู่ทุกท้องถิ่นมากขึ้น
ไม่มีใครอยากไปหาบน้ำไกลเป็นกิโล ชาวบ้านอยากได้ประปาหมู่บ้าน อยากได้ถนน
พวกเขาดูโทรทัศน์ ใช้โทรศัพท์ ใช้รถไถนา มีมอเตอร์ไซค์ รถกระบะ
ไม่มีใครอยากย้อนกลับไปอยู่แบบ 30 ปีที่แล้ว
แม้ไม่คิดถึงเรื่องชนชั้น
การต่อสู้ก็จะขยายไปเรื่อยๆ
2.กลัวถูกลงโทษ เพราะ...ยิ่งทำ
ยิ่งผิด
เรื่องนี้เปรียบเหมือนกลุ่มโจรที่อยากได้ทรัพย์
จึงเข้าปล้นบ้าน ให้เจ้าของบ้านเงียบ ห้ามต่อสู้ จับขัง จับมัด พอมีคนสู้ก็ฆ่าตาย
มีพยานรู้เห็นก็จะฆ่าพยาน ตอนนี้คิดฆ่าเจ้าหน้าที่
กลุ่มอำนาจเก่ากลัวความผิดที่ทำซ้ำซากหลายครั้ง คือความผิดจากการทำรัฐประหารในปี
2549 ทำตุลาการภิวัฒน์โค่นสองนายกฯ ในปี 2551 ปราบประชาชนจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายในปี
2553 ซึ่งข้อหาต่างๆ ร้ายแรงถึงขั้นติดคุกหรือประหารชีวิต ถ้าปล่อยให้ประชาธิปไตย
พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นแบบสากล คดีต่างๆ จะถูกนำมาสะสางย้อนหลัง ทั้งคดีการเมือง
เช่น การปราบประชาชนหรือรัฐประหาร คดีเศรษฐกิจที่มีลักษณะคอร์รัปชั่น เช่น คดี ปรส.
โครงการไทยเข้มแข็ง สร้างโรงพัก ซื้อรถดับเพลิง ฯลฯ และคดีส่วนตัว เช่น กรณีที่ดิน
กรณีหนีทหาร
ถ้าสามารถยึดอำนาจรัฐมาได้ และตั้งกลุ่มตนเองเป็นผู้ปกครอง
ก็จะสามารถดึงหรือเป่าคดีเหล่านั้นให้หายไปได้
ตรงกันข้าม
ถ้าปล่อยให้ระบอบประชาธิปไตยจนกล้าแข็ง ไม่เพียงจำเลยจะถูกดำเนินคดี
แต่คนที่คอยช่วยเหลือและปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องทั้งที่อยู่ในระบบยุติธรรมและองค์กรอิสระก็จะโดนเล่นงานไปด้วย
แต่วันนี้คนทั่วไปต่างก็มองเห็นว่าคนกลุ่มนี้ยิ่งดิ้นยิ่งติด
ยิ่งทำยิ่งผิดถลำลึกลงไป และพยายามลากพาคนอื่นๆ
เข้าไปสู่วังวนของวงจรอุบาทว์
3.ไม่เชื่อมั่นระบบรัฐสภาอีกแล้ว...
เลือกตั้งไม่ชนะ
จำเป็นต้องใช้วิธีแย่งชิง
จากการเลือกตั้งหลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์ว่า
กลุ่มอำนาจเก่าไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ เพราะประชาชน
เลือกแต่พรรคที่มีนโยบายกระจายผลประโยชน์ลงสู่ชั้นล่าง
แนวทางการเลือกตั้งจึงเป็นเพียงยุทธวิธีที่ใช้ในการต่อสู้ทางการเมือง
เลือกเข้าไปเพื่อเป็นฝ่ายค้านในสภา และใช้โจมตีคัดค้านรัฐบาล
ความมุ่งหวังที่จะได้เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่มีแล้ว
จึงมองรัฐสภาเป็นแค่ฉาก
ในทางยุทธศาสตร์ต้องทำให้รัฐบาลบริหารยากที่สุด
และเก็บความได้เปรียบในรัฐธรรมนูญ 2550 ไว้
ในทางยุทธวิธี
ต้องป่าวร้องว่าทุกเรื่องทำเพื่อทักษิณ หรือทุจริต
จึงต้องหยุดนำกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภา เดี๋ยวจะวุ่นวาย หยุดแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทนอยู่อย่างอยุติธรรมไปก่อน จะได้ไม่ทะเลาะกัน หยุดโครงการจัดการน้ำ
หยุดโครงการรถไฟรางคู่ เดี๋ยวมีทุจริต
แต่คนที่ติดตามข่าวก็พอเข้าใจ
ทั้งเหตุและผลว่า...ถ้าไม่มีรัฐประหาร ชาวบ้านก็ไม่ออกมาต่อต้าน
ถ้าไม่มาจับชาวบ้านไปขัง โดยไม่ให้ประกัน ก็ไม่ต้องนิรโทษกรรม
ถ้าไม่รัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 แล้วร่างรัฐธรรมนูญ 2550
ฉบับสืบทอดอำนาจเผด็จการมาใช้ ก็ไม่ต้องแก้ไข
ดังนั้น การอ้างเหตุต่างๆ
ต่อประชาชน แล้วหาเรื่องมาล้มรัฐบาลจึงไม่ใช่เรื่องง่าย คงทำได้ผลเฉพาะคนบางกลุ่ม
บางองค์กรที่เป็นพวกเดียวกัน
การแย่งชิง ไม่ใช่ยุบสภาแล้วเลือกตั้ง
แต่ต้องโค่นรัฐบาลเก่าแล้วตั้งใหม่ ซึ่งคือการปล้นอำนาจ
เพียงแต่ผู้ปล้นตัวจริงวันนี้จะใช้อะไรปล้น และไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องสร้างเรื่อง
สร้างฉากนอกสภา
กลุ่มคนที่จ้องโค่นรัฐบาล
พัดลมหลายยี่ห้อ
ที่จริงแล้ว
การล้มรัฐบาลแบบมาตรฐานก็คือการใช้เหตุผลและข้อเท็จจริงอย่างถูกต้อง
โจมตีตามระบอบประชาธิปไตย ถ้ารัฐบาลทำงานไม่ดี
และประชาชนเห็นด้วยกับเหตุผลของฝ่ายต่อต้าน รัฐบาลก็จะถูกโค่นล้มไปตามระบบ
แต่ปัจจุบัน ยุทธวิธียอดนิยมก็คือจัดตั้งกลุ่มพลังมวลชนขึ้นมากดดันหาประเด็นต่างๆ
เข้ามาโจมตี
คนที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล
พอแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือ
กลุ่มแรก ระดับผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับ
ซึ่งจำเป็นต้องทำเพื่อพิทักษ์อำนาจทางการเมืองและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ซึ่งมีมากมายมหาศาล จึงต้องลงทุน ทั้งเงิน สมอง หาคนที่เป็นแกน
ใช้คนที่มีอำนาจหน้าที่เป็นแขนขา
กลุ่มที่สอง มีผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย
บางส่วนได้โดยอ้อม ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่หลายปีมานี้ถูกทำให้เชื่อว่า
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตั้งแต่สมัยนายกฯ ทักษิณ จนถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์
กำลังทำให้ประเทศชาติเสียหาย เศรษฐกิจพินาศ ความเป็นชาติไทยต้องเสื่อมลง
จึงยอมเข้าร่วมตามแห่ไปด้วย แต่ในกลุ่มนี้ บางคนมาเอง
บางพวกมาตามบท
แต่ผลที่ปรากฏยิ่งนานวันเข้า
กลุ่มมวลชนที่เข้าต่อต้านรัฐบาลกลับน้อยลง
แม้จะพยายามตั้งชื่อองค์กรให้มีลักษณะหลากหลายแต่ก็ปรากฏว่ายังเป็นคนกลุ่มเดิมที่เรียกว่าเป็นขาประจำเจ้าเก่า
ล่าสุด
มีการใช้สัญลักษณ์ที่ทำให้ดูน่าสนใจขึ้น เช่น เพิ่มสีเสื้อ ใส่หน้ากาก
หรือจัดตั้งมาแบบมี story
ในช่วงหลังล้วนแล้วแต่มีชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มีแนวทางที่เคยใช้ความรุนแรง
เช่น
กลุ่ม พคท. เก่าใส่ที่หมวกดาวแดง ในอดีต ก็เคยร้องเพลง ...เราคือทหารของประชา
...จับอาวุธขึ้นมาปลดปล่อยไทย...
คล้ายกับว่าคนกลุ่มนี้เป็นพวกมีอุดมการณ์ยังมาค้านรัฐบาล
แต่ความเป็นจริงก็มาเปิดเผยว่าในร้อยคนจะมีอยู่เพียงสองสามคนเท่านั้นที่เคยอยู่กับ
พคท. นอกนั้นเป็นเด็กเกิดใหม่ที่รับจ้างเข้ามาพิทักษ์ระบอบเก่า ถูกหลอกให้เชื่อว่า
ถ้าชนะจะได้เงินหลายแสน
ส่วนพวกสวมหน้ากากขาวแถวราชประสงค์
เป็นคนขี้อายที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่า เป็นพวกสนับสนุนการรัฐประหาร
ถือเป็นการเปลี่ยนรูปโฉมของฝ่ายต่อต้านให้มีสีสันมากขึ้นเท่านั้น
การตีหัวกันแย่งเบี้ยเลี้ยงก็เป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อกระแสไม่สามารถยกระดับขึ้นได้
ล่าสุดก็มีการปล่อยคลิป เวอร์ชั่น นกกรงหัวจุกของกลุ่มที่อ้างว่า เป็น อัลกอ อิดะฮ์
3 คนที่ประกาศตามล่าทักษิณซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างยินดีในหมู่คนเกลียดทักษิณ
โดยไม่ได้คิดต่อไปว่าจะมีผลเสียหายใดๆ
ต่อประเทศหรือต่อกลุ่มของตนเอง
ทำให้คนทั่วไปคิดว่าคนพวกนี้เรียกทหารมาเป็นพวก
เมื่อทหารไม่เอาด้วย จึงสร้าง พคท. และ อัลกอ อิดะฮ์ ปลอม มาเป็นพวก ...ใครกำกับ
ใครเขียนบทแบบนี้ คิดได้ซับซ้อน แต่ฉลาดน้อย
การสร้างกลุ่มแปลกๆ
ออกมาต่อต้านหรือโค่นล้มรัฐบาล โดยที่ชาวบ้านธรรมดาร่วมน้อยลง
เป็นการบอกอาการถดถอยของเหตุผล และความชอบธรรม
อีกไม่นานคงขอให้มนุษย์ต่างดาวมาร่วม
ประเมินการชุมนุม
ของกลุ่มที่ต้องการโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทีมวิเคราะห์ประเมินว่าการชุมนุมจะมีอีกหลายครั้ง
ถ้านับจากการชุมนุมในวันที่ 4 หรือวันที่ 7 ถ้าจะต้านทุกเรื่อง
คงต้องขยันมาบ่อยๆ
1.เป็นไปได้ที่จะมีคนมาร่วมหลายพัน
ถ้าจะให้ภาพที่ออกมาดูแล้วไม่น่าเกลียด ก็ต้องมีคนชุมนุมมาประมาณ 5,000-10,000 คน
ถ้าประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระดมคนจริง ตามที่อดีตเลขาฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ เป่านกหวีด
สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่คงจะต้องเป่าอีกหลายครั้ง กลุ่มเสื้อแดงคงไม่มาปะทะโดยตรง
แต่อาจมีจุดคุมเชิงทางยุทธศาสตร์
หรืออาจมีจุดสำแดงพลัง
2.คนสองกลุ่มที่ไม่ค้าน อยู่ในข่ายนิรโทษโดยตรง
กลุ่มแรกคือ คนเสื้อแดงที่ไม่ได้เป็นแกนนำ ประมาณ 1,800 คน ที่ถูกดำเนินคดีแล้ว
และยังมีหมายจับอีกนับร้อย (เช่น
พวกที่มีรูปยืนดูไฟไหม้อยู่หน้าศาลากลาง)
กลุ่มที่สองคือคนเสื้อเหลือง
ที่ไม่ใช่แกนนำ แต่อาจถูกดำเนินคดี มีหลายพันคน เพราะไปยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ
สถานีโทรทัศน์ ถ้านำคลิปที่ถ่ายไว้ตามสถานที่ต่างๆ มาเป็นหลักฐาน
คนขายก๋วยเตี๋ยวที่จันทบุรี คนที่กรีดยางอยู่ชุมพร คนขายเสื้ออยู่ในตลาดเพชรบุรี
อาจได้รับหมายจับ ล่าสุด ศาลเลื่อนคดีไปถึงปลายปี ถ้าการนิรโทษกรรมสำเร็จ
จำนวนคดีจะไม่เพิ่มขึ้น และไม่ต้องนอนสะดุ้งไปอีก 20
ปี
3.ตำรวจจะไม่ให้ผู้ชุมนุมขัดขวางการประชุมสภา
และคงกันให้ห่างจากทางเข้าออกเพื่อป้องกัน เหตุสุดวิสัย
กำลังตำรวจน่าจะมีมากกว่าผู้ชุมนุมในอัตรา 2 ต่อ 1 และเพื่อมิให้ถูกกล่าวหาว่าทำผิด
ตำรวจคงใช้กล้องจำนวนมากเป็นพยานและเป็นหลักฐานในการออกหมายจับคนที่กระทำผิดกฎหมายในภายหลัง
4.การนิรโทษกรรม เป็นเรื่องที่พอทำได้
เพราะยังไม่มีผลให้เกิดการแพ้ชนะแบบเด็ดขาด
แต่บางคนอาจหวังต่อรองกับการยืดเวลาแก้รัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ ส.ส.วรชัย
เหมะ นี้อาจเป็นผลงานทางการเมืองชิ้นแรกของ ส.ส.เพื่อไทย
แต่การแก้รัฐธรรมนูญคงยากกว่าหลายเท่า
ถ้า พ.ร.บ. ฉบับนี้ ทำไม่สำเร็จ
เรื่องอื่นก็จะเป็นเพียงดีแต่พูดเช่นกัน
อย่าเอาพัดลม
มาต้านลมมรสุม
การต่อต้านกระแสการพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยและเสรีภาพ
รวมทั้งระบบการเชื่อมโยงของโลก ไม่ใช่เรื่องที่ฝืนได้
เพราะสิ่งเหล่านี้พัฒนาไปตามธรรมชาติ ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในโลก
ตามการพัฒนาความรู้และการสื่อสารซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลก
ปรากฏการณ์เหล่านี้เหมือนลมมรสุมที่พัดพาเมฆฝนให้เข้ามาตามฤดูกาลให้แผ่นดินได้รับความชุ่มชื้นจากสายฝน
ซึ่งต้องมีเปียกกันบ้าง แต่บางคนไปยกพัดลมในบ้านมาสามตัว
เปิดพัดลมเพื่อให้ต้านกับพายุฝน
เมื่อรู้สึกว่าไม่พอก็ไปหาพัดลมตัวที่สี่ตัวที่ห้ามาตั้งอีก
เวลาตนเองไปยืนอยู่หน้าพัดลมก็รู้สึกว่าลมแรงดีมาก
แต่แท้จริงแล้ว พื้นที่ของพายุในท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล
พัดลมห้าตัวเป็นเพียงจุดเล็กๆ
ที่ไม่อาจต้านพายุฝนตามธรรมชาติได้
หน้ากากขาวและคนคลุมหน้าถือปืนที่อ้างว่าเป็น
อัลกอ อิดะฮ์
ก็เป็นเพียงพัดลมอีกสองยี่ห้อที่ไม่อาจยกมาต้านลมมรสุมในฤดูฝนนี้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น