:บทความจากผู้ใช้นาม RED USA
กสม. คือคำย่อของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
แต่จากรายงานผลการตรวจสอบกรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
คณะกรรมการกสม. ชุดนี้ทุกคนตั้งแต่ตัวประธานยันกรรมการทุกคนได้สูญเสียสิทธิความเป็นมนุษย์ไปแล้วโดยสิ้นเชิง ปุถุชนคนทั่วไปไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสความเป็นคนของ กสม. ชุดนี้ได้แม้เพียงเงา
RED USA จึงขอประกาศปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของกสม.ให้ทราบโดยทั่วกันคือ
1. ขอปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของนางอมรา พงศาพิชญ์
อมรา พงศาพิชญ์ |
3. ขอปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของนายนิรันดร์ พิทักษ์วัชระ
4. ขอปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของนายปริญญา ศิริสารการ
5. ขอปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของนายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์
6. ขอปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของนายวันชัย ศรีนวลนัด
7. ขอปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของนางวิสา เบ็ญจะมโน
ปริญญา ศิริสารการ |
ไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ |
เอกสารที่มีความหนา 92 หน้ารายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย อัพเดทล่าสุดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมาเป็นเอกสารที่แสดงตัวตนแท้จริงของ กสม.ที่สังคมโลกและสังคมของผู้รักความเป็นธรรมเห็นความสำคัญของสิทธิมนุษยชนรับไม่ได้
วิสา เบญจะมโน |
ต่างวิพากษ์วิจารณ์ก่นด่ากันไปทั้งโลกว่าไม่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ลำเอียงเข้าข้างอภิสิทธิ์ชน ให้ร้ายประชาชนที่ถูกเข่นฆ่าบาดเจ็บต้องคดี และถูกคุมขังจากการชุมนุมทางการเมือง อย่างไร้ยางอายไร้จิตวิญญาณของความเป็นคน
แต่กลับสร้างความชอบธรรมอย่างไร้มโนธรรม และไร้จิตสำนึกของความผิดชอบชั่วดีให้กับฆาตกร และรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนกลางเมืองหลวงของประเทศระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
กสม. ไม่ยี่หระต่อเสียงสาปแช่งที่นำความอัปยศเสื่อมเสียมาสู่ตนเอง ครอบครัว และวงศ์ตระกูลเพียงเพื่อให้ไอ้หน้าหล่อฟันเกย์ได้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา และคดีความเท่านั้นเป็นพอ โดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และไม่ติดตามคำพิพากษาของศาลต่อคดีความต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์สังหารหมู่กลางกรุงครั้งนี้แต่ประการใด
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดที่มีนางอมรา พงศาพิชญ์ เป็นประธาน เป็นกสม. ชุดที่ 2 มีอายุการทำงานตั้งแต่ปีพศ.2552 ไปสิ้นสุดในปีพศ. 2558 ได้รับการสรรหาในสมัยของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2552
ในรายงานของกสม. หน้าที่ 13 อ้างว่าในวันที่ 29 เมษายน 2553 นปช. ข่มขู่คุกคามบุกรุกสถานพยาบาลปิดล้อมทางเข้า-ออก พร้อมประนามนปช. อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า
"คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยธรรมอันเป็นกติกาสากลที่สังคมอารยะพึงยึดถือ เพราะแม้แต่ในภาวะสงครามทุกฝ่ายยังต้องเคารพเครื่องหมายกาชาดซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากล อันหมายถึงการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ และมนุษยธรรมอย่างเป็นกลางโดยไม่เลือกปฏิบัติ"
แต่กสม.กลับกลืนน้ำลายตนเองแก้ต่างให้ศอฉ. และรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ที่สังหาร "น้องเกด" พยาบาลอาสาที่ติดเครื่องหมายกาชาดขณะช่วยปฐมพยาบาลเพื่อนร่วมชาติในเขตอภัยทาน โดยกสม. บิดความเหี้ยมโหดของศอฉ.ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้กลายเป็นความชอบธรรม
จากรายงานตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย กสม. บรรยายราวกับว่า นปช. คือคนร้ายที่ละเมิดสิทธิของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ด้วยรายงานที่มีลีลาประหนึ่ง กสม. เป็นผู้ร่วมสมคบคิด ที่ต้องการหลุดรอดจากคดีการสังหารหมู่ประชาชนมือเปล่ากลางเมืองหลวงของประเทศไทยเสียเอง
กสม. กล่าวไว้ในบทสรุปที่ยืดยาวตั้งแต่หน้า 77 - 88 ว่า นปช.ใช้สิทธิการชุมนุมเกินขอบเขตของกฎหมายผิดกับที่ระบุไว้ในหน้าที่ 38 ว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ "ใช้อำนาจตามกฎหมายภายใต้ขอบเขตที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้ทำได้"
การใช้อำนาจตามกฎหมายในขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนดแต่ทำให้คนตายนับร้อยบาดเจ็บหลายพันคนยังเป็นที่ยอมรับของคณะที่เรียกตนเองว่า "กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ" ได้อีกหรือ
การฆ่าเพื่อนร่วมชาติเป็นร้อยศพกลางเมืองหลวงของประเทศ กสม. ระบุว่าเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายไดัละหรือ
การปราบปรามผู้ชุมนุมทางการเมืองอย่างสันติทำให้มีผู้พิการบาดเจ็บนับพันคน กสม. ระบุว่าเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายได้ละหรือ
หากเป็นเช่นนั้น RED USA ขอประกาศย้ำตรงนี้อีกครั้ง ขอปฏิเสธความเป็นคนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั้ง 7
เพราะพวกคุณก็คืออมนุษย์ที่พลีร่างกายจิตวิญญาญรับใช้ผีห่าซาตานกระหายเลือด
......หรือว่าไม่จริง
August 15, 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น