Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

ชัยชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ผู้ชนะที่แท้จริงไม่ใช่เบอร์ 16

บทชี้นำ RED POWER ฉบับที่ 34 เดือน มีนาคม  2556

หัวข้อเดิม ขอแสดงความยินดีกับเบอร์ 9 ล่วงหน้าแต่ผู้ชนะแท้จริงไม่ใช่เบอร์ 9

 

ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ไม่ว่าใครจะชนะ แต่ผู้ที่ชนะที่แท้จริง คือ ประชาชนเพราะช่วงเวลา 42 วันของการหาเสียงเลือกตั้งเป็น 42 วันที่ทำให้ประชาชนคนกรุงเทพฯตาสว่างมากยิ่งขึ้น

1.เป็นภาวะตาสว่างที่ส่องสว่างมาจากองกรค์อิสระ: กกต. ที่แสดงบทบาทควบคุมการเลือกตั้งได้แสดงบทบาทควบคุ้ม(ครอง)การเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์จนหมดความสงสัยดังเช่นกรณีคน ปชป.จัดทำรูปภาพใส่ร้ายป้ายสี พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าเผาบ้านเผาเมือง กกต. เห็นตำตาแต่ก็ยังว่าไม่ผิด แต่กรณีหลายมหาวิทยาลัยทำโพลล์ตามหลักวิชาการวิจัยและทุกผลโพลล์ พงศพัศ เบอร์ 9 นำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เบอร์ 16 มาตลอด ปชป.เกิดรำคาญใจจึงแจ้งความว่าเป็นโพลล์ชี้นำช่วยเบอร์ 9, กกต.กลับให้สัมภาษณ์ปรามคนทำโพลล์ว่าอาจจะผิดกฎหมายได้ฟังดูแล้วทำให้คิดถึงผลคำพิพากษายุบพรรคที่ยุบพรรคได้ยุบพรรคดีโดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายทักษิณรวมทั้งพรรคต่างๆที่เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายทักษิณจึงเกิดกรณีตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการพรรคทั้ง 111 คน, 109 คน , โดนกันถ้วนหน้าไม่ว่าพรรคไทยรักไทย, พรรคพลังประชาชน , พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย แต่แม้ใครจะฟ้องพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรศาลก็ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่อ่านบทชี้นำนี้ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ออกมาแล้วถ้าพรรคเพื่อไทยชนะจริงตามโพลล์ก็ขอให้ฝ่ายชนะอย่าพึ่งดีใจอย่ามองข้ามฤทธิ์เดชของ กกต.ที่อำมาตย์วางกลไกองค์กรอำนาจตามรัฐธรรมนูญไว้ตั้งแต่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อใช้ลูกสมุนเฝ้าคอยฆ่าพรรคการเมืองที่ไม่เชื่อฟังระบอบอำมาตย์ เพราะอาจจะเจอลูกดอกอาบยาพิษเพิกถอนเบอร์ 9 หลุดจากตำแหน่งได้อีก, ตำแหน่งนายกฯระดับประเทศก็เคยล้มมาแล้วแค่ระดับผู้ว่าฯจะมีอะไร แต่ถ้าเบอร์ 9 แพ้ก็เป็นไปตามความอาฆาตหมายของอิทธิฤทธิ์ของอำมาตย์ที่มีฤทธิ์เหนือโพลล์และเหนือประชาชน

 2.เป็นภาวะตาสว่างที่ส่องสว่างมาจากตัวอำมาตย์ผู้ใกล้ชิด : พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร  อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำและเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยยุครัฐประหาร 19 กันยา 49 และศิลปินแห่งชาติ ประวัติจากวิกิพีเดียบอกชัดถึงฐานะความเป็นอำมาตย์ตัวเอ้ได้แสดงความเห็นชี้ชัดว่าการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.มิใช่การเลือกตั้งทั่วไปในระบอบประชาธิปไตยแต่เป็น สงครามระหว่างไทยกับพม่า โดยเขียนบทความเผยแพร่ในเฟชบุคชื่อเรื่องว่า สงครามชิงกรุงเทพ : สงครามชิงเมืองไทยด้วยเนื้อความว่า ถ้าเลือกเบอร์ 9 เท่ากับเสียกรุงเทพฯให้แก่ข้าศึกศัตรู ก็เท่ากับเสียเมืองไทยทั้งประเทศให้แก่ข้าศึกศัตรู

โอ้...วจีสัจจะของท่านสว่างไสวจริงๆท่านแกนนำอำมาตย์!!!

3.เป็นภาวะตาสว่างที่ส่องสว่างมาจากพรรคประชาธิปัตย์เอง : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ      มีทัศนะที่แสดงออกต่อสาธารณะหลายครั้งหลายหนคล้ายกับทัศนะตัวแทนอำมาตย์ใหญ่อย่าง       พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร และที่เด่นชัดที่สุดจากกระบอกเสียง ปชป.คือจะเลือกผู้ว่าเมืองหลวงหรือจะเลือกผู้ว่าเมืองขึ้น

แค่นี้ก็สว่างไสวชัดเจนแล้วว่าฝ่ายอำมาตย์ทั้งขบวนเขามองระบอบประชาธิปไตยเป็นภาวะสงครามที่สร้างเงื่อนไขให้กลุ่มศัตรูคือพรรคเพื่อไพร่บุกเข้าเมืองได้เขาจึงประสานเสียงระดมยิงฝ่ายประชาไพร่จากป้อมปืนต่างๆของเขาอย่างไม่อายโลก

คงไม่ต้องถามว่าอนาคตประเทศไทยจะจบลงด้วยการปรองดอง หรือ ปองร้าย หลังการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร

นี้คือเหตุผลสนับสนุนว่าผู้ชนะที่แท้จริงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นประชาชนเพราะภาวะตาสว่างของประชาชนคือภาวะที่ประชาชนได้ชัยชนะต่อการครอบงำความคิดของระบอบเผด็จการอำมาตย์ที่ใช้การเลือกตั้งเป็นเพียงโรงละครประชาธิปไตยที่เคยใช้ตบตาประชาชนอย่างได้ผลในอดีต.....แต่วันนี้อำมาตย์เกิดภาวะ วีนแตกเก็บอาการไม่อยู่ 555555555

ยิ่งเลือกตั้งประชาชนยิ่งชนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น