คนเสื้อแดงต่างรู้สึกเหมือนได้รับความยุติธรรมบ้างแล้ว
จากกรณีศาลแพ่งพิพากษาให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมกรณีห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างเซน และโรงหนังสยาม ที่โดนเผาในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเสื้อแดงเมื่อเดือนพ.ค.2553
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเหตุการณ์เผาห้างทั้ง 3 คดี ไม่ใช่การก่อการร้าย
คำประกาศของแกนนำเสื้อแดงขู่เผาห้างนั้น เป็นเพียงการเตือนไม่ให้รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุม
แต่เหตุการณ์ "เผาห้าง" จริงๆ เกิดขึ้นหลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุมแล้ว
ที่สำคัญการ "เผาห้าง" ในห้วงเวลานั้นไม่มีผลกดดันรัฐบาลให้ยุบสภา และไม่มีผลกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกนายกฯ
จึงเห็นว่าการเผาห้างทั้ง 3 คดีไม่ใช่การก่อวินาศ กรรม ไม่ใช่การกระทำของผู้ร่วมชุมนุม
คำพิพากษาครั้งนี้มีผลพวงตามมาแน่นอน
ในส่วนของแกนนำนปช. คงต้องนำคำพิพากษาคดีแพ่งทั้ง 3 คดีไปเป็นข้อมูลในการต่อสู้คดีก่อการร้าย
เพื่อยืนยันว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี "53 เป็นเพียงการเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย
และตอกย้ำกรณีศอฉ.สั่งสลายการชุมนุมเสื้อแดง 99 ศพ เจ็บอีกกว่า 2 พันคน !?
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งใช้วาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง" เป็นกลยุทธ์หลักในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มาตลอด
เห็นคำพิพากษานี้ก็ต้องสะดุ้งไปตามๆ กัน
ล่าสุดกกต.มีมติให้ขยายเวลารับรองผลการเลือกตั้ง 3 มี.ค.ออกไปอีก 30 วัน
เท่ากับว่ายังไม่รับรองให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่
เนื่องจากถูกร้องเรียนว่าทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง มาตรา 57 (5) รวม 3 เรื่อง ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นประเด็นการโพสต์ข้อความโจมตีผู้สมัครรายอื่นว่าเผาบ้านเผาเมือง
เข้าข่ายใส่ร้ายป้ายสี
กกต.ควรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ควรนำคำพิพากษาศาลแพ่งทั้ง 3 คดีมาประกอบการด้วย เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรม
และถ้าสุดท้ายเกิดมีการแจกใบเหลือง-ใบแดงขึ้นมาจริงๆ
จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นผลพวงจากแคมเปญเผาบ้านเผาเมือง หากินกับความหวาดกลัว !?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น