Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

ถึงเวลาที่ศาลไทยต้องเลือก...อดีตผู้นำกับความยุติธรรม


จากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน 21 มีนาคม 2556
โดย เรืองยศ  จันทรคีรี
 
 
 เป็นคดีแรกที่เปิดเผยโฉมหน้าของจอมฆาตกรที่แท้จริงซึ่งศาลไทยควรจะไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีว่าจะยืนข้างผู้ตายหรือยืนข้างนายอภิสิทธิ์
 
การปราบปรามผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 นอกจากจะมีคนไทยเสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศเสียชีวิตอีกด้วย
และศาลได้มีคำพิพากษามาแล้วหลายคดี ซึ่งคดีของนายฟาบิโอ โป-เลงกี ช่างภาพชาวอิตาเลียน เสียชีวิตในวันที่ 19 .. 53 บริเวณศาลาแดงถึงราชประสงค์โดยก่อนหน้านี้ ศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งทำนองเดียวกันว่าผู้เสียชีวิตมีสาเหตุมาจากกระสุนที่มาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ
 
คดีนี้น่าสนใจในหลายเหตุผล ประการแรกนั้นเขาเป็นชาวต่างชาติ ทั้งยังเป็นสื่อสารมวลชนด้วยและคดีนี้มีการหาข้อมูลหาพยานสวบสวนมาตามลำดับ กระทั่งมีพยานที่ยืนยันได้ว่า ช่างภาพชาวอิ-ตาเลียนคนดังกล่าวเสียชีวิตเพราะอาวุธที่ยิงมาจากฝั่งทหาร แม้ศาลจะเบิกพยานไม่ครบก็ตาม เพราะยังมีพยานคนสำคัญที่เป็นผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันไม่อาจให้การให้ได้ในฐานะพยาน แม้เขาจะเป็นผู้เห็นเหตุการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด! แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าศาลมีข้อมูลเพียงพอที่จะมีคำสั่งออกมา
 
การไต่สวนของศาลในคดีนี้ศาลเพียงต้องการมีคำสั่งออกมาว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใดถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
 
คนหนึ่งชื่อนายมิเชลมาส์ส ผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ NOS เรดิโอแอนด์เทเลวิช ประจำกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียได้ให้การว่า เขาอยู่ในเหตุการณ์และอยู่ในกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างประเทศเห็นกระสุนมาจากฝั่งเดียวคือ ฝั่งทหาร และไม่เห็นชายชุดดำแต่อย่างใด? และหลักฐานสำคัญก็คือหัวกระสุน M16 ที่ผ่าตัดมาจากร่างกายของเขาเอง...
 
ส่วนพยานอีกคนก็คือ นายมาคิด คำนัน ช่างภาพสถานีโทร-ทัศน์ไทยพีบีเอส ของประเทศไทยเขาก็ให้การเช่นเดียวกับนายมิเชลมาส์ส คือกระสุนมาจากฝั่งทหารและที่สำคัญนายมาคิดได้บันทึกภาพไว้อย่างใกล้ชิดเพราะว่าเขาเป็นคนวิ่งตามหลังนายฟาบิโอไป
 
ส่วนพยานปากสำคัญอย่างนายเจฟฟี่ ซี จาร์บลอนสกี้ นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่อยู่ในเหตุการณ์และได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้มากมายและสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษก็ใช้นำไปทำเป็นสารคดีนั้นไม่ได้เบิกความต่อศาลในฐานะพยานแต่อย่างใด? 
 
..อลิซาเบธ โปเลงกี น้องสาวนายฟาบิโอ ที่ต่อสู้คดีมาถึงที่สุดก็ให้ความเห็นว่า ถ้าศาลไทยไม่อาจพิพากษาให้ความเป็นธรรมกับนายฟาบิโอได้ ก็จะมีการต่อสู้ในเรื่องนี้ต่อไปด้วยการฟ้องร้องในศาลอิตาลีเนื่องจากมีพยานบางปากที่ศาลไม่ให้เบิกความ
 
ดังนั้น คดีนี้คำพิพากษาของไทยจึงเป็นดัชนีชี้ว่า คำพิพากษาของศาลไทยจะเป็นไปในทิศทางใดหากไม่อาจให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตได้ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่คดีนี้อาจจะถูกขยายผลไปสู่ศาลต่างประเทศอีกวาระ ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่แตกต่างไปจากการขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ จึงเป็นไปได้มากที่คดีช่างภาพชาวอาตาลีนี้จะเป็นเรื่องที่ย้อนกลับมาหาผู้สั่งการอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขอให้ติดตามดูคดีนี้ให้ดีอย่างใกล้ชิดเพราะอย่างน้อยที่สุดแล้ว มันก็มีโอกาสที่จะถูกขยายผลสู่การรับรู้ของนานาชาติว่า ระบบความยุติ-ธรรมของศาลไทยนั้นเป็นเช่นไร?
 
..อลิซาเบธยังหวังว่าคดีของพี่ชายตนที่เสียชีวิตนั้น จะทำให้คนไทยได้ทราบว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นจริงๆ และควรจะได้มีการเผยแพร่ความจริงนั้นไปทั่วโลกด้วยโดยปัญหาเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกนั้นเกิดขึ้นทั่วโลก การใช้วิธีปราบปรามผู้ชุมนุมโดยวิธีการใช้กระสุนจริงเช่นนี้ควรจะเป็นบทเรียนสะท้อนไปถึงผู้นำในประเทศต่างๆว่า ไม่ควรที่จะเสี่ยงใช้เป็นทางเลือกในการปฏิบัติกับประชาชน
 
ดังนั้น ศาลจึงควรจะพิพากษาคดีอย่างตรงไปตรงมาและยุติ-ธรรมกับผู้เสียชีวิตมากที่สุด มิฉะนั้นแล้วมีโอกาสที่ตุลาการศาลไทยจะถูกเปิดโฉมหน้าไปสู่สังคมทั่วโลกแล้วสังคมทั่วโลกก็จะรู้ว่าใครเป็นคนสั่งปราบปรามประชาชน และใครเป็นคนสั่งการนายอภิสิทธิ์อีกทีหนึ่ง เป็นไปได้ว่าคดีนี้เป็นคดีแรกที่เปิดเผยโฉมหน้าของจอมฆาตกรที่แท้จริงออกมา ซึ่งศาลไทยควรจะไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีว่าจะยืนข้างผู้ตายหรือยืนข้างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อไป
 
เช่นนี้ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งออกมาเช่นไร เห็นทีเรื่องการชุมนุมและการปราบปรามด้วยเหตุผลกระชับพื้นที่ของรัฐบาลในสมัยนั้นคงถูกทำเป็นสารคดีออกฉายทั่วโลกและเป็นกรณีตัวอย่างแน่นอน คำสั่งศาลในแต่ละคดีจึงสะท้อนได้ทั้งผู้นำประเทศในขณะนั้นและตัวของศาลเอง
 
ถึงเวลาที่ศาลจะต้องเลือกพิสูจน์ตัวเองก่อนที่จะขายหน้าไปทั่วโลก!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น