โดย ส.ส.ดร.สุนัย จุลพงศธร
6. ประวัติทูตไทยบอกความในการเมืองไทยผูกติดกับอเมริกา
สถานทูตไทยในวอชิงตัน
ดี.ซี. เป็นประเด็นที่ต้องกล่าวถึงในการไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้
เพราะไม่เพียงแต่คณะของผมที่ได้รับบริการข้อมูลการเมืองอเมริกันเป็นอย่างดีจากสถานทูตแล้วยังมีผลพลอยได้ทำให้รู้ถึงการเมืองไทยที่ผูกติดกับอเมริกามายาวนาน
รวมถึงการรัฐประหารที่เป็นหนามยอกอกสังคมไทยในอดีตกว่า 50 ปีที่ผ่านมา (ในอนาคตยังไม่แน่จะต้องมีรัฐประหารอีก)
ล้วนแล้วแต่มีนัยสำคัญบอกว่ารัฐบาลอเมริกันให้ความเห็นชอบด้วยทุกครั้ง
หมอบรัดเลย์
หรือ แดน บีช แบรดลีย์
|
เมื่อครั้งที่ผมมีโอกาสเดินทางไป
วอชิงตัน ดี.ซี. กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ท่านอดิศัย โพธารามิก
ในคณะของท่านนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ในปี 2545
ได้มีโอกาสไปพักบ้านพักรัฐบาลที่อยู่ข้างทำเนียบรัฐบาลของอเมริกาที่ชื่อไวท์เฮ้าส์
ได้ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์และได้เห็นหลักฐานเอกสารทางการทูตแล้วยังตกใจว่าวิเทโศบายด้านต่างประเทศของราชสำนักไทยมีความลึกซึ้งและเอาใจอเมริกามานานแล้ว
ดังนั้นเมื่อท่านผู้อ่านได้ทราบเรื่องที่จะเล่านี้ก็จะรู้ซึ้งว่า
ทำไมการเมืองไทยจึงผูกพันกับอเมริกามายาวนานถึงวันนี้
เมื่อครั้งสหรัฐอเมริกาประกาศเอกราชจากอังกฤษแล้ว
ต่อมาในสมัยประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น
ก็เกิดสงครามกลางเมืองปลดปล่อยทาสระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ซึ่งขณะนั้นอเมริกาแตกเป็น
2 ฟาก ลินคอล์นเป็นประธานาธิบดีอยู่ในกลุ่มรัฐฝ่ายเหนือ
(ซึ่งเป็นกลุ่มทุนอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้แรงงานคนเพื่อภาคอุตสาหกรรม) เป็นฝ่ายออกกฎหมายเลิกทาส
ซึ่งกลุ่มรัฐฝ่ายใต้ซึ่งทุนส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการเกษตรและใช้แรงงานทาสติดที่ดินเก็บเกี่ยวพืชผล
เสียประโยชน์ไม่ยินยอมจึงเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น
ซึ่งขณะนั้นตรงกับรัชสมัยของไทยในรัชกาลที่ 4
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวของเราก็ทันสมัยทั้งๆ ที่มีระบบทาสสมบูรณ์แบบในไทยแต่กลับมีนโยบายช่วยรัฐบาลของท่านลินคอล์น
ทำสงครามปลดปล่อยทาสโดยส่งช้างศึกไปช่วยรัฐบาลอเมริการบโดยบรรทุกเรือสำเภาไป 1
เชือกพร้อมควานช้าง
พอท่านประธานาธิบดีลินคอล์นได้รับเท่านั้นก็ตกกะใจไม่รู้จะนำรถถังที่มีชีวิตตัวนี้ไปใช้อย่างไร
เพราะลำพังจะเลี้ยงดูก็ยากเต็มทีจึงทำหนังสือขอบคุณขึ้นฉบับหนึ่งแล้วก็ส่งรถถังตัวนี้กลับส่งคืนประเทศสยาม
ซึ่งผมยังเห็นหนังสือขอบคุณของท่านประธานาธิบดีลินคอล์นที่มีมาถึงราชสำนักด้วย
เมื่อไปถึงสถานทูตไทยในวอชิงตัน
ดี.ซี.ปัจจุบันนี้ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองจอร์ชทาวน์ ท่านเอกอัครราชทูตชัยยงค์
สัจจิพานนท์ ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่คณะรัฐศาสตร์จุฬา
ก็ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีนำชมสถานทูตและเล่าประวัติศาสตร์ให้ผมและคณะที่ประกอบด้วย
ส.ส.อลงกรณ์ พลบุตร และอดีต ส.ส.กทม.คนดัง นางลลิตา ฤกษ์สำราญ ฟัง
จากซ้ายไปขวา
ผู้เขียน ส.ส.ดร.
ส.ส.อลงกรณ์ พลบุตร,
นาง
และท่านทูตชัยยงค์ สัจจิพานนท์
|
ท่านทูตชัยยงค์
ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของสถานทูตไทยในอเมริกาซึ่งถือว่าเป็นสถานทูตไทยแห่งแรกในต่างประเทศก็ว่าได้ที่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงมือนับหนึ่งก่อสร้างที่ทำการเองก็ประทับใจ
เพราะสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 (พ.ศ.2463) ตามรูปที่นำมาแสดงนี้ และเมื่อสร้างเสร็จแล้วเขาก็ถ่ายรูปไว้อีกและที่อัศจรรย์ใจก็คือ
เวลาผ่านไปเกือบร้อยปีแล้วรูปสถานทูตแห่งแรกกับตัวอาคารจริงๆ ที่ท่านทูตชัยยงค์พาไปดูโครงสร้างภายนอกของอาคารยังเหมือนกันแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยเพียงแต่สถานทูตเก่าแห่งนี้ยังไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไร
ได้แต่เก็บรักษาอยู่และดูแลซ่อมแซมไม่ให้ทรุดโทรมเท่านั้น
เพราะพื้นที่ใช้สอยเล็กไปที่จะรองรับกับงานที่ขยายตัวไปมาก
เริ่มขุดดินก่อนสร้างอาคารสถานทูตไทยในปี
ค.ศ.1920
ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่
2300 ถนนคาโลรามา (Kalorama)
ในกรุงวอชิงตัน
ดี.ซี.
|
ภาพสถานทูตที่สร้างเสร็จเปิดใช้ในปี
ค.ศ. 1921 และใช้จนถึงปี ค.ศ.1994
เปรียบเทียบกับตัวอาคารสถานทูตเก่าที่ผมได้ถ่ายรูปไว้ในปัจจุบันภายนอกตัวอาคารเหมือนกันเปี๊ยบ
|
แต่ที่อัศจรรย์ใจและทำให้ตาสว่างกับการเมืองไทยมากก็รูปของบรรดาเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน
ดี.ซี.ที่ติดไว้ยาวเหยียดแต่ละคนนั้นล้วนแล้วแต่ถูกเรียกตัวกลับเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลและบางคนก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยเฉพาะในช่วงของการรัฐประหารของไทยเกือบทั้งสิ้น เช่น นายถนัด คอมันตร์
ก็เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในยุคเผด็จการสมบูรณ์แบบที่สุดคือสมัยจอมพลสฤษดิ์
ธนะรัชต์ ตั้งแต่ปี 2501 ก็เป็นอดีตทูตที่อเมริกามาก่อน, นายอานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรีไม่ต้องเลือกตั้งในยุคเผด็จการ รสช.เมื่อปี 2534 ที่ พลเอกสุจินดา คราประยูร ล้มรัฐบาลประชาธิปไตยของพลเอกชาติชาย
ชุณหะวัณ ก็ใช่ แถมยังได้รับบำเหน็จพิเศษได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นนายกฯ รอบสองในปี
2535 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีการฆ่าประชาชนกลางท้องถนนและล่าสุดสดๆ ร้อนๆ รัฐบาลรัฐประหารพลเอกสุรยุทธ์
จุลานนท์ ,นายนิตย์
พิบูลสงคราม ก็มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสมือนหนึ่งว่าเพื่อใช้เป็นคนติดต่อทำความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาเพื่อให้เห็นชอบกับการรัฐประหาร
และนอกจากนี้ท่านทูตอเมริกาอีกหลายคนก็ถูกเรียกมารับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทในราชสำนักทุกวันนี้ในตำแหน่งสำคัญๆ
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมทูตอเมริกาจึงเป็นเสื้อเหลืองและทำไมการเมืองแบบรัฐประหารในประเทศไทยจึงผูกติดกับการเมืองอเมริกัน
ก็เพราะประวัติศาสตร์การเมืองเขาผูกพันกันมาเช่นนี้แล
ดูรูปเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกาเห็นหน้าเกือบทุกท่านคุ้นๆกับคนที่เป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลรัฐประหารหลายคณะ
|
(ฉบับหน้ามาคุยกันต่อเรื่องสถานทูตไทยในอเมริกา
นะครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น