Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

เรื่องของคนเก่งในบ้านเมืองเรา


จาก หนังสือพิมพ์ RED Power ฉบับที่ 28 เดือน สิงหาคม 2555
โดย  ลุงชาญ
ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา  เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีความรู้ ความสามารถเสนอตัวเข้ามาให้คัดเลือกเป็นตัวแทน  เพื่อเข้ามาบริหารประเทศ  โดยใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้  เป้าหมายก็เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่  มีชีวิตที่ดีขึ้น  อีกทั้งพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้นตามลำดับ
                   แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  เรามีผู้นำเก่ง ๆ ที่จะมาบริหารประเทศน้อยมาก  คนแรกที่เก่ง ต้องยกให้ อาจารย์ปรีดี  พนมยงค์  ซึ่งเป็นผู้ที่เรียนจบจากเมืองนอกมา  ได้เริ่มนำพาประเทศไทยได้ก้าวหน้ามาระดับหนึ่ง  แต่สุดท้ายก็ถูกใครไม่รู้เขี่ยกระเด็นจนไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ แต่ความเก่งของอาจารย์ปรีดี ก็ได้แค่แสดงความสามารถการบริหารด้านปกครอง ด้านการเมือง  และพยายามสร้างไทยให้เป็นไทจริง ๆ โดยไม่ยอมอยู่ภายใต้คนฝรั่ง  ซึ่งสมัยนั้นฝรั่งได้เข้ามาเอารัดเอาเปรียบคนไทยหลาย ๆ ด้าน  เช่น ขอสัมปทานการค้าทรัพยากรต่าง ๆ ของไทย  และที่ร้ายไปกว่านั้นคือไม่ยอมรับอำนาจศาลไทย เมื่อทำการค้าเกิดความผิดก็จะไปขึ้นศาล ณ ประเทศของเขา  อาจารย์ปรีดี  ก็ได้ต่อสู้จนฝรั่งต้องยอมรับบนความเสมอภาค
                    คนต่อมาเป็นทหารทำการรัฐประหาร  ตั้งตัวเองเป็นผู้บริหารประเทศโดยประชาชนมิได้เลือกมา  เขาเข้ามาบริหารประเทศโดยอาศัยอำนาจจากปลายกระบอกปืน  ซึ่งผมจะไม่นำมาเอ่ยถึง  เพราะสร้างผลงานตามระบบราชการ คือ คอยฟังแต่ข้อเสนอของข้าราชการ และพ่อค้าคนจีนสมัยก่อน  ที่เข้าหา และเสนอผลประโยชน์ร่วมกัน
                   คนที่ทำผลงาน พอมีอยู่บ้างก็คงจะเป็น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช  ที่ยังพอเหลียวมองประชาชน คนรากหญ้าอยู่บ้าง  แต่สุดท้ายก็ยังคงรักษาผลประโยชน์ของพวกชนชั้นสูงอยู่นั่นเอง
                   ถัดมาก็เห็นจะเป็นนายก พล.อ.ชาติชาย  ชุณหะวัณ  ซึ่งแม้ว่าจะมาจากทหาร  แต่ก็มาจากการเลือกของประชาชน  อีกทั้งเป็นนักเรียนนอก  และครอบครัวก็เป็นนักธุรกิจกับเขาเช่นกัน  จึงทำให้นอกจากเป็นผู้บริหารประเทศแล้ว  ยังค้าขายให้กับประเทศได้ด้วย  คำพูดอมตะของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ คือ “จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า”  แต่พอจะฉายแววคนเก่งของประเทศก็ถูกโค่นลงเหมือนคนก่อน
                   ต่อมาไม่นาน เราก็ได้คนเก่งที่ชื่อ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ไปเรียนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศ  ผ่านการทำธุรกิจมาหลายอย่าง  ล้มลุกคลุกคลานบ้าง  ประสบความสำเร็จบ้าง  จนมีประสบการณ์มากมาย  ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จใหญ่หลวงจากธุรกิจดาวเทียม และการสื่อสาร  เติบใหญ่เป็นมหาเศรษฐีรุ่นใหม่  จนเป็นที่อิจฉาของนักธุรกิจด้วยกันเอง
                   พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ  ชินวัตร  เมื่อประสบความสำเร็จด้านธุรกิจแล้ว  ก็ตั้งใจจะมอบความสามารถทั้งหมดเพื่อให้กับประเทศของเรา  จนเป็นที่ยอมรับของประชาชน คนรากหญ้า  และเป็นที่ยอมรับจากนักการเมืองอีกจำนวนมาก  จนเป็นที่อิจฉาของนักธุรกิจคนอื่น ๆ จนกลายเป็นศัตรูของนักการเมืองเก่าเป็นอย่างมาก  ความเก่ง และความสามารถของท่าน  ผมต้องขอกล่าวว่า เก่งแบบไม่มีบันยะ บันยัง  เก่งเกินหน้า เกินตาคนอื่น ๆ  เขาเก่งจนล้น  เก่งจนเกินพอดี  จึงเป็นเหตุให้ นายกทักษิณ ชินวัตร  ต้องอยู่ด้วยกันไม่ได้  จนเป็นที่มาของคำว่า “ไม่เอานะ  ระบบทักษิณ”
                   สุดท้าย นายกทักษิณ ชินวัตร  ก็ต้องตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกันกับคนเก่งคนก่อน ๆ ที่แล้ว ๆ มา

 
                   ต่อมาปัจจุบันนี้  เราได้นายกหญิง ชื่อ นายกยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  ตอนโดดลงมาในสนามการเมืองใหม่ ๆ ก็ไม่เก่งสมบูรณ์  แต่พอเป็นนายกรัฐมนตรี  ประสบการณ์จากการเป็นนักบริหารที่เคยบริหารธุรกิจระดับพัน ๆ ล้าน  และได้รับการเติมเต็มจากอดีตนายกทักษิณ  ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย  และทีมงานการเมือง  ตลอดจนทีมงานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย  ขณะนี้จึงพูดได้ว่า เป็นนายกหญิงที่มีสติปัญญาเต็มสมบูรณ์ทีเดียว  มีภาวะผู้นำ  ชัดเจนเด็ดขาด  เห็นได้จากการแต่งตั้ง ผบ.ตร. มาแล้ว 2 คน  ไม่มีติดขัดอันใดเลย  เสร็จสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็วโดยไม่มีปัญหา
                   ถ้าหากนายกยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  รักษาความเก่ง  ความอ่อนน้อมถ่อมตน  ความอ่อนโยน  ความสุภาพ ให้คงเส้นคงวา  ไม่ให้ขาด  ไม่ให้เกิน  คนอื่น ๆ ก็จะทำอะไรไม่ค่อยได้  ได้แต่ค่อนแคะ และทำตาปริบ ๆ  นั่งดู ยืนดู นอนดู นายกหญิงคนเก่งคนนี้บริหารประเทศไปเรื่อย ๆ
                   ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง  ผมก็จะขอภาวนาให้นายกหญิง คนดี คนเก่งของผม  จงอยู่ยงคงกระพันตลอดไป  ให้ครบเทอม และต่ออีกเทอม อีกเทอม ไปเรื่อย ๆ เทอญ....... 
                  
สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น