Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ส.ส.สุนัย พาทัวร์ทุ่งนิวเคลียร์“คูชาท๊อฟ” ประเทศคาซัคสถาน


โดยทีมข่าว Sunai Fan Club


คนไทยน้อยคนนักที่จะมีโอกาสไปเยือนประเทศคาซัคสถานและเกือบจะเป็นศูนย์ที่จะเคยไปเที่ยวเมือง คูชาท๊อฟ (Kurchatov) ดินแดนทุ่งระเบิดนิวเคลียร์ หลังจากยุติสงครามเย็นเมืองนี้แทบจะเป็นเมืองร้าง เพราะโครงการทดลองระเบิดนิวเคลียร์อาวุธมหาประลัยของรัสเซียได้ยุติลง คงเหลือไว้แต่ความหลัง ความเจ็บป่วย และอันตรายของกัมมันตภาพรังสีอันเป็นผลจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในพื้นที่ของเมืองนี้ แม้จะอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองแต่ไม่มีใครอยากเสี่ยงไป

 

คาซัคสถานใช้วิกฤตินิวเคลียร์เป็นโอกาส

          หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี คศ.1989 รัฐต่างๆที่เคยอยู่ในจักรวรรดิของรัสเซียก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเอกราช คาซัคสถานเป็นหนึ่งใน 15 รัฐที่แตกตัวออกมาโลกจึงได้รู้ความจริงว่ารัฐคาซัคสถานคือพื้นที่ที่ถูกใช้ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ โดยเริ่มก่อตั้งศูนย์วิจัยตั้งแต่ปี คศ.1949 โดย คูชาทอฟ อิกอร์ วาซิลิวิช  (Kurchatov Iqor Vasilicevich) เป็นผู้อำนวยการศูนย์คนแรกซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียและเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ วิศวกรมือเอกในฐานะผู้นำกรรมกรได้ทำการก่อสร้างศูนย์วิจัยนี้ขึ้น  ท่านผู้อ่านก็คงจะถึงบางอ้อว่าชื่อ คูชาท๊อฟ ที่เป็นศูนย์วิจัยทดลองอาวุธนิวเคลียร์ก็มาจากชื่อของนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ โดยนำชื่อสกุลของท่านมาเป็นชื่อเมืองและชื่อศูนย์วิจัย


รูปปั้นของท่านผู้ก่อตั้ง คูชาท๊อฟ อิกอร์ วาซิลิวิช  (Kurchatov Iqor Vasilicevich) ที่ตั้งอยู่ที่หน้าศูนย์วิจัยนิวเคลียร์


จากปี คศ.1949 ประมาณ 40 ปีหลังจากนั้นได้มีการทดลองระเบิดนิวเคลียร์รวมกันแล้วประมาณเกือบ 500 ครั้ง ในช่วงสงครามเย็น คือนับแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี คศ.1945 และจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยหลังจากอำนาจเผด็จการของระบอบโซเวียตที่เผชิญกับสหรัฐอเมริกามายาวนานถึง 50 ปี ในวันนี้ได้ล่มสลาย ความลับทั้งหลายก็ถูกเปิดเผยขึ้นว่าผลจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของสหภาพโซเวียตในครั้งแรกๆเป็นการทดลองแบบดิบๆ คือทดลองบนผืนดินในรัฐแห่งนี้ที่มีประชากรอยู่อาศัยเบาบางเมื่อ 60 ปีก่อนก็ลองคิดดูเถอะครับว่าก็ขนาดญี่ปุ่นเจอไป 2 ลูกก่อนจะยอมแพ้และเป็นอันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กัมมันตภาพรังสีปรมาณูได้ส่งผลให้เกิดคนเจ็บคนป่วยยาวนานมาจนถึงวันนี้ แล้วชาวคาซัคสถานโดยเฉพาะในพื้นที่ของเมืองคูชาท๊อฟและพื้นที่ใกล้เคียงจะเจอเข้าไปขนาดไหน หลักฐานทางทะเบียนคนเสียชีวิตที่ถูกเปิดเผยหลังจากที่ปิดลับมาเป็นเวลายาวนานจึงมีนับแสนคนและที่บาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างรวมแล้วมีเป็นล้านคน ในการเดินทางของ ส.ส.สุนัย ตามคำเชิญรัฐสภาคาซัคสถานครั้งนี้ได้นำคณะไปเยี่ยมโรงพยาบาลในเมืองเซเม่ (Semey) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่คลุมพื้นที่ของเมืองคูชาท๊อฟ เจ้าหน้าที่ก็ได้นำสมุดบุญชีคนป่วยมาให้ชมซึ่งในอดีตแม้แต่ทะเบียนผู้ป่วยก็เป็นความลับ ท่านผู้อ่านฟังถึงตรงนี้แล้วคงย้อนนึกถึงเมืองไทยเราวันนี้นะครับว่าเราก็อยู่ในยุคเผด็จการเหมือนกันแต่ไม่รู้สึกตัวเพราะอะไรๆก็เป็นความลับแม้แต่คนถูกฆ่าตายกลางราชประสงค์ยังพูดความจริงไม่ได้ว่าใครสั่งฆ่าดูๆไปก็คล้ายกับคนในเมืองเซเม่และคูชาท๊อฟ ประเทศรัสเซียในเวลานั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีอยู่กับความตายทุกลมหายใจเข้าออก ดังนั้นท่านประธานาธิบดี นาซาบาเยฟ (Nazabayev) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศขึ้นใหม่เมื่อ 16 ธันวาคม คศ.1991 จึงใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสโดยเสนอนโยบายที่ชาวโลกเรียกร้องต้องการมาเป็นเวลานานแล้วคือ เป็นผู้นำเรียกร้องให้ยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์เพื่อให้โลกปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์โดยมีชื่อโครงการระดับโลกนี้ว่า จากการห้ามการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ไปสู่โลกที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ (From the Nuclear Test Ban to a Nuclear Weapons-Free World ) โดยจัดประชุมประจานความโหดร้ายของยุคสงครามเย็นโดยเชิญตัวแทนจากประเทศต่างๆเข้าร่วมการประชุมรณรงค์มายาวนาน นับแต่ก่อตั้งประเทศโดยใช้ข้อมูลพื้นที่จริงที่เป็นศูนย์วิจัยและทดลองอาวุธนิวเคลียร์ที่เมือง คูชาท๊อฟ และ เซเม่ จัดแสดงนิทรรศการและรณรงค์

การเดินทางไปเมืองคูชาทอฟและเซเม่ของ ส.ส.สุนัย ระหว่างวันที่    26-31 สิงหาคม 2555 ก็เป็นไปตามคำเชิญของรัฐสภาคาซัคสถานเพื่อเข้าร่วมรณรงค์ยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์เป็นปีที่ 21 ก็จากแปรวิกฤติเป็นโอกาสฯพณฯ นาซาบาเยฟ จึงเป็นประธานาธิบดีคนแรกและคนเดียวที่ครองใจประชาชนคาซัคสถานมาติดต่อกันตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมาจนถึงวันนี้ โดยไม่มีการกล่าวหาใส่ร้ายว่าผูกขาดอำนาจหรือเผด็จการรัฐสภาเหมือนอย่างบ้านเรา

สุนัยแฟนคลับขอนำเพื่อนๆชมภาพการเดินทางสู่ทุ่งนิวเคลียร์คูชาท๊อฟเสมือนหนึ่งเดินทางไปเอง
 
เนื่องจากเมืองคูชาท๊อฟอยู่การทุ่งทะเลทรายไม่สะดวกกับการเดินด้วยทางรถยนต์จึงต้องเครื่องบินจากเมืองหลวง Astana ไปลงที่สนามบิน Semey ก่อนแล้วจึงนั่ง ฮ. ไปอีกประมาณ 50 นาที ซึ่งเป็น ฮ. เก่าของรัสเซีย ทำให้หลายคนปฏิเสธที่จะไม่ร่วมเดินทางไปด้วย




การต้อนรับที่สนามบิน คูชาท๊อฟ สาวๆคาซัค แต่ชุดประจำชาติมาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม หลายคนมีกำลังใจขึ้น ฮ. แบบตายเป็นตาย


สภาพ ฮ.ที่จะนำคณะผู้มาเยือนไปคูชาท๊อฟ



พร้อมเดินทาง แม้ ฮ.เก่า แต่นักบินมือใหม่ ได้ยินแล้วมีกำลังใจเป็นหนุ่มขึ้นเยอะ



ตลอดทางก่อนถึงเมืองคูชาท๊อฟเป็นทุ่งโล่งไม่มีผู้คนอาศัย





เริ่มเข้าสู่เมืองคูชาท๊อฟบ้านเมืองที่เห็นไม่มีผู้อยู่อาศัยคล้ายเมืองร้างหลังจากสิ้นสุดสงครามเย็นและยุติการสร้างระเบิดนิวเคลียร์




ฮ. ลงที่เมืองคูชาท๊อฟ ณ. ศูนย์วิจัย



คณะสาวสวยคาซักในชุดพื้นเมือง (สีแดงซะด้วย) ตั้งแถวคอยต้อนรับคณะผู้มาเยือน


นี่คือตัวอาคารสำนักงาน (ป้ายบอกชื่อสำนักงานแต่อ่านไม่ออกเพราะเป็นภาษารัสเซีย)

ภาพแสดงนิทัศการณ์ให้รายระเอียดเกี่ยวกับการทดลองนิวเคลียร์ในอดีตและภาพประชาชนที่ได้รับความเจ็บป่วยจากการแพร่กระจายของสารกัมมันตภาพรังสี



ในห้องปฏิบัติการต้องใส่ชุดเสื้อคลุม




ที่เห็นเป็นพื้นที่อันตรายจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ พื้นที่สีแดงคือพื้นที่ที่มีกัมมันตภาพรังสีมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ตั้งแต่ 1000-2000 ตารางกิโลเมตร และต้องใช้เวลานานมากกว่ากัมมันตภาพรังสีจะหมด  บางพื้นที่อาจจะใช้เวลานานกว่าชีวิตของเรายังไม่อาจจะรับรองได้ว่าจะปรอดภัย



คาซักสถานแปรศูนย์วิจัยนี้เป็นศุนย์วิจัยเพื่อเยียวยาและขจัดรังสีรวมทั้งนำนิวเคลียร์มาสู่การพัฒนาที่สร้างสรรค์





ออกจากเมืองคูชาท๊อฟสู่ทุ่งนิวเคลียร์ของจริง

 ส.ส.สุนัย กล่าวแถลงการณ์ ณ ทุ่งนิวเคลียร์  คูชาท๊อฟ

 


 
 



งานเลี้ยงขอบคุณ ณ กระโจมกลางทุ่งนิวเคลียร์
 
 






งานเฉลิมฉลองแห่งสันติภาพที่ประชาชนชาวคาซักสถานภาคภูมิใจ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น