Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

บทสรุป คอป. เสียเวลาเปล่า

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 378 วันที่ 22-28 กันยายน พ.ศ. 2555 หน้า 16-17 คอลัมน์ ฟังจากปาก โดย วัฒนา อ่อนกำปัง



นายนิสิต สินธุไพร ผู้อำนวยการโรงเรียน นปช. แดงทั้งแผ่นดิน รับไม่ได้กับรายงานสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เพราะรายงานดังกล่าวเป็นเพียงความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งการสอบสวนข้อเท็จจริงต้องการหาคนผิดที่สั่งฆ่าประชาชนมาลงโทษ แต่หาไม่เจอเพราะมีสาเหตุดังนี้

******************************

มองการวินิจฉัยกรณีนายพัน คำกอง อย่างไร

เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลชี้ออกมาว่ากรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ เกิดขึ้นจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งชัดเจนว่าการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นการชุมนุมโดยสงบภายใต้หลักสันติวิธี แต่มีการกล่าวหาว่าการตายของพี่น้องทั้ง 98 ศพ เพราะฆ่ากันเอง หรือเพราะชายชุดดำ หรือเพราะเหตุอื่น ซึ่งเป็นการกล่าวหากลุ่มคนเสื้อแดงมาโดยตลอด

เมื่อมีการวินิจฉัยของศาลวันนี้เห็นชัดเจนว่าเป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่มีการนำเรื่องต่างๆไปไต่สวนจนได้ข้อสรุปจากคำสั่งศาล การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นคดีแรก และยังมีอีกหลายคดีที่กำลังรอการพิจารณาจากศาล ซึ่งพี่น้องประชาชนบางส่วนดำเนินการฟ้องร้องเองทั้งทางแพ่งและอาญากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

ส่วนกรณีการเผาศาลากลางและห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้นสร้างความคลางแคลงใจให้กับประชาชน เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบรรดาแกนนำเข้ามอบตัวแล้ว ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงต้องดำเนินการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ได้ความจริงมากที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างยุติธรรมกับประชาชน และให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ แม้ที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงรวมถึงแกนนำถูกกระทำมากกว่า ทุกคนที่ถูกฆ่าพบว่ากระสุนพุ่งไปที่หน้าผากและหัวใจ ถือว่าคนยิงเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่ประชาชนทั่วไปแน่นอน ส่วนเหตุการณ์ในวัดปทุมฯยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งยังไม่ทราบข้อสรุป แต่น่าจะคล้ายกับกรณีของนายพัน คำกอง

ความจริงกำลังไล่ล่าใคร

อาจกล่าวได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการสอบสวนและการเปิดเผยความจริงของการสังหารประชาชนในการเรียกร้องทางการเมือง เพราะตั้งแต่อดีตไม่เคยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 6 ตุลา หรือ 14 ตุลา แต่ละครั้งที่พี่น้องประชาชนเสียชีวิตจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรม ครั้งนี้ไม่ใช่การไล่ล่า แต่เป็นการค้นหาความจริง และดำเนินคดีกับผู้สั่งการให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชน

มองรายงานของ คอป. อย่างไร

ต้องไม่ลืมว่าการดำเนินการของ คอป. เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ และคนที่ปฏิบัติการก็ไม่ใช่ศาล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่ทำการสืบสวนสอบสวน เราเคารพความเห็นของ คอป. แต่ไม่ยอมรับรายงานฉบับดังกล่าว เพราะจากการอ่านรายงานพบว่ามีนัยทางการเมืองแอบแฝงอยู่ และไม่เป็นกลางทางการเมือง คณะกรรมการชุดนี้ใช้เวลาพิจารณากว่า 2 ปี แต่การสืบสวนสอบสวนค่อนข้างหละหลวม ไม่เป็นไปตามหลักกระบวนการยุติธรรม รายงานของ คอป. จึงถือว่าเป็นความเห็น เป็นข้อสังเกต ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง

ชายชุดดำมีอยู่จริงหรือไม่

กรณีชายชุดดำเป็นเพียงข้อกล่าวหา แต่กระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และอัยการ ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้เห็นว่าขณะนี้ชายชุดดำยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าคือใคร แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่สามารถดำเนินการจับชายชุดดำได้เลยแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งหมดอำนาจไปก็ยังมีการใช้วาทกรรมเรื่องชายชุดดำมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง รวมทั้งกล่าวหาว่าการตายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากกระทำของชายชุดดำ ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้กระบวนการตรวจสอบและหาความจริงดำเนินการต่อไปจนกว่าจะได้ข้อเท็จจริงว่าชายชุดดำคือใคร และใครกันแน่ที่เป็นคนก่อกำเนิดชายชุดดำ

รัฐบาลเพื่อไทยมุ่งหาความจริงเรื่องนี้หรือไม่

ผมคิดว่าการหาความจริงจากเหตุการณ์การชุมนุมเมษา-พฤษภา 2553 ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นอำนาจที่ทุกรัฐบาลต้องดำเนินการ เมื่อมีคนตายกลางบ้านกลางเมืองจะต้องมีการพิสูจน์ว่ามาจากสาเหตุอะไร ถ้ารัฐบาลไม่รับผิดชอบเรื่องที่ประชาชนตายก็เป็นรัฐบาลของประชาชนไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็ดำเนินการเรื่องนี้ตามปรกติ และเป็นหน้าที่ของรัฐในการดูแลและคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยในการใช้ชีวิต รัฐใดที่มีการละเว้นและละเลยถือเป็นรัฐบาลที่ไม่รับผิดชอบ จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอีก

จะเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอย่างไร

เรื่องนี้ต้องดำเนินการต่อไปหลังจากศาลมีคำสั่งกรณีนายพัน คำกอง ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าต้องมีการส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการตั้งข้อกล่าวหาฟ้องร้องผู้ที่สั่งการและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในการสั่งให้ใช้อาวุธและการตายของประชาชนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถบิดเบือนพยานหลักฐานได้

การตั้งข้อหาฆ่าคนตายกับรัฐบาลที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

เรื่องนี้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ตามที่ศาลมีการสั่ง ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามคำสั่งศาล กรณีนี้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ถือว่าไม่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เพราะเป็นการดำเนินการตามคำสั่งศาล ทุกฝ่ายต้องยอมรับ

กองทัพไม่ยอมรับว่ามีอาวุธจะทำเช่นใด

การใช้กำลังในการปราบปรามการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการใช้อาวุธในการปราบปรามประชาชน และใช้ทหารเป็นกำลังหลักจนก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่กองทัพจะยอมรับในการกระทำ ต้องไม่ลืมว่าในความเป็นจริงคนที่ทำการฆาตกรรมหรือคนที่เป็นฆาตกรไม่มีวันที่จะยอมรับอะไรง่ายๆ

ดังนั้น เมื่อมีการตายเกิดขึ้นคิดหรือว่าคนที่ทำจะบอกว่าฉันฆ่าคน เอาอาวุธสงครามมาประหัตประหารประชาชน ไม่มีการยอมรับอยู่แล้ว การหาความจริงของเจ้าหน้าที่จะเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีว่าความจริงเกิดจากอะไรกันแน่

การตรวจสอบที่เข้มขึ้นจะทำให้ทหารไม่พอใจหรือไม่

เท่าที่ทราบการสืบสวนสอบสวนและการค้นหาความจริงของเจ้าหน้าที่ เป้าหมายหลักคือต้องการเอาคนที่สั่งการให้เอาอาวุธสงครามออกมาเป็นอาวุธหลักในการสลายการชุมนุมมากกว่า เอาคนสั่งการที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทำงาน โดยเฉพาะระดับนโยบาย ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่อการตายของประชาชน

การเดินหน้าของคนเสื้อแดงเป็นอย่างไร

คนเสื้อแดงมีหลักการและเป้าหมายของการขับเคลื่อนอยู่ 3 ข้อคือ 1.ล้มอำมาตย์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ เราสามารถทำให้มีการเลือกตั้งใหม่อย่างสันติวิธีและเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย 2.ล้มรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนและสนับสนุนให้มีการยกเลิกการใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ทางการเมืองของคณะรัฐประหาร เป็นพิษร้ายต่อสังคมไทยมาจนถึงทุกวันนี้ 3.โค่นล้มระบอบอำมาตย์ คือต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง และตีกรอบความคิดระบอบอำมาตย์ให้น้อยลงมากที่สุด นี่คือภารกิจของคนเสื้อแดง

ผมไม่คิดว่าการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 จะเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เห็นได้จากการรณรงค์เลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. 2554 พรรคเพื่อไทยชูประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นหลักในการหาเสียง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน ทำให้ได้ ส.ส. เป็นจำนวนมากถึง 265 คน ถือว่าเป็นการชนะเด็ดขาด

แต่การดำเนินการไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ที่เป็นรากเหง้าของเผด็จการได้รับการปกป้องโดยกลุ่มอำมาตย์ และเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการทำร้ายปรปักษ์ทางการเมือง ย่อมทำให้กลุ่มอำมาตย์ไม่ยอมให้มีการแก้ไข คนที่สูญเสียอำนาจหรืออาจจะมีการสูญเสียอำนาจหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงไม่ยอมง่ายๆ

การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่

ผมไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ฉันทานุมัติเมื่อครั้งเลือกพรรคเพื่อไทยให้มาแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันนี้จะเป็นเกราะป้องกันอย่างดีให้กับรัฐสภาในการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน กระบวนการใดๆที่จะมาขัดขวางการแก้ไขจะต้องฟังเสียงของประชาชนด้วย ไม่ใช่พยายามก่อให้เกิดความวุ่นวายเพื่อไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญปี 2550 ไว้ จากการสังเกตการณ์เชื่อว่าม็อบต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะน้อยลง หรือบางส่วนอาจจะหันมาเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว และประชาชนจะเป็นคนกดดันต่อ ส.ส. และรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด

6 ปีของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง

6 ปีที่ผ่านมาจากการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 จะพบว่าคณะผู้ก่อการรัฐประหารยังคงอยู่ ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ แต่มีมวลชนที่ให้การสนับสนุนบรรดาผู้ก่อการรัฐประหารน้อยลง 6 ปีของการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมและกลุ่มเสรีประชาธิปไตย การขับเคี่ยวกันยังไม่แตกหัก ไม่มีการชนะทางการเมือง แม้ฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาความแตกต่างได้ นั่นแสดงว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังคงมีความเข้มแข็ง

ในเรื่องนี้ต้องอาศัยระยะเวลาให้การเมืองมีความชัดเจนในแนวทางของประชาชนตามแนวทางที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และจะทำให้ประเทศไทยสามารถเดินไปในทางที่ถูกที่ควรมากขึ้น ในที่สุดเมื่อการเมืองเข้มแข็ง เหตุการณ์บ้านเมืองก็จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

หากเกิดรัฐประหารคนเสื้อแดงจะอยู่อย่างไร

ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะการดำเนินคดีรวมทั้งการค้นหาความจริงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา จึงไม่น่าจะก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่กองทัพ

เสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยจะเดินอย่างไร

พรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงแม้จะเป็นคนละองค์กร แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ การเดินไปสู่การพัฒนาประเทศและความเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มใบ คนเสื้อแดงคือกระบวนการของประชาชนที่ไม่ได้มีเป้าหมายทางการเมือง แต่มีเป้าหมายเดียวคือการต่อต้านการรัฐประหารและเดินหน้าประชาธิปไตย หากพรรคเพื่อไทยเดินออกจากแนวทางของประชาธิปไตย คนเสื้อแดงก็ไม่สามารถเดินไปด้วยกันกับพรรคเพื่อไทยได้ เพราะยุทธศาสตร์ของกลุ่มคนเสื้อแดงคือการต่อต้านเผด็จการและรักษาประชาธิปไตย หากพรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคของประชาชนก็ยังเดินต่อไปด้วยกันได้ และเป็นการเดินทางที่ยาวนาน

คนเสื้อแดงมีจำนวนเท่าไร

ไม่สามารถตอบได้ เพราะคนเสื้อแดงคือกลุ่มคนที่รักความยุติธรรมและรักประชาธิปไตย จึงไม่สามารถจำกัดได้ว่าใครเป็นคนเสื้อแดงบ้าง แต่คนเสื้อแดงคือคนที่ต้องการเห็นประเทศชาติเดินหน้าและไม่ต้องการเห็นการรัฐประหาร กลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มคนที่มีความรักต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าอดีตนายกฯถูกรังแก คนกลุ่มนี้ก็มีจำนวนไม่น้อย คนเสื้อแดงคือประชาชนทั่วไปที่สนใจการเมือง สนใจประเทศชาติ แต่ไม่มีแนวคิดในการจัดตั้งพรรคการเมือง

มอง 1 ปีรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างไร

ต้องยอมรับว่าหลังจากการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงไปมาก ส่วนหนึ่งมาจากการที่นายกฯเป็นคนพูดน้อยและไม่โต้ตอบทางการเมือง เป็นคนที่มีความประนีประนอม มีการประสานงานกันอย่างดีเยี่ยม จึงทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเย็นลงมาบ้าง

เชื่อว่าในอนาคตต่อไปหากผู้นำหรือหัวหน้ารัฐบาลยังเป็นเช่นนี้รัฐบาลน่าจะมีอายุครบเทอม เพราะเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย การเดินหน้าในการบริหารประเทศก็จะทำได้ง่าย รวมทั้งสากลโลกให้การยอมรับรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จะเห็นได้ว่าในขณะนี้ทั่วโลกให้การยอมรับนายกฯคนนี้มากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น