ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 378 วันที่ 22-28 กันยายน พ.ศ. 2555 หน้า 16-17 คอลัมน์ ฟังจากปาก โดย วัฒนา อ่อนกำปัง
นายนิสิต สินธุไพร ผู้อำนวยการโรงเรียน นปช. แดงทั้งแผ่นดิน
รับไม่ได้กับรายงานสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ
(คอป.) เพราะรายงานดังกล่าวเป็นเพียงความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
ซึ่งการสอบสวนข้อเท็จจริงต้องการหาคนผิดที่สั่งฆ่าประชาชนมาลงโทษ
แต่หาไม่เจอเพราะมีสาเหตุดังนี้
******************************
มองการวินิจฉัยกรณีนายพัน คำกอง อย่างไร
เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลชี้ออกมาว่ากรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่
เกิดขึ้นจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ซึ่งชัดเจนว่าการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นการชุมนุมโดยสงบภายใต้หลักสันติวิธี
แต่มีการกล่าวหาว่าการตายของพี่น้องทั้ง 98 ศพ เพราะฆ่ากันเอง หรือเพราะชายชุดดำ
หรือเพราะเหตุอื่น ซึ่งเป็นการกล่าวหากลุ่มคนเสื้อแดงมาโดยตลอด
เมื่อมีการวินิจฉัยของศาลวันนี้เห็นชัดเจนว่าเป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่มีการนำเรื่องต่างๆไปไต่สวนจนได้ข้อสรุปจากคำสั่งศาล
การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นคดีแรก และยังมีอีกหลายคดีที่กำลังรอการพิจารณาจากศาล
ซึ่งพี่น้องประชาชนบางส่วนดำเนินการฟ้องร้องเองทั้งทางแพ่งและอาญากับนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ส่วนกรณีการเผาศาลากลางและห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้นสร้างความคลางแคลงใจให้กับประชาชน
เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบรรดาแกนนำเข้ามอบตัวแล้ว ดังนั้น
เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงต้องดำเนินการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ได้ความจริงมากที่สุด
ซึ่งผมเชื่อว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างยุติธรรมกับประชาชน
และให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้ที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงรวมถึงแกนนำถูกกระทำมากกว่า
ทุกคนที่ถูกฆ่าพบว่ากระสุนพุ่งไปที่หน้าผากและหัวใจ ถือว่าคนยิงเป็นมืออาชีพ
ไม่ใช่ประชาชนทั่วไปแน่นอน
ส่วนเหตุการณ์ในวัดปทุมฯยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่
ซึ่งยังไม่ทราบข้อสรุป แต่น่าจะคล้ายกับกรณีของนายพัน คำกอง
ความจริงกำลังไล่ล่าใคร
อาจกล่าวได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการสอบสวนและการเปิดเผยความจริงของการสังหารประชาชนในการเรียกร้องทางการเมือง
เพราะตั้งแต่อดีตไม่เคยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น 6 ตุลา หรือ 14 ตุลา
แต่ละครั้งที่พี่น้องประชาชนเสียชีวิตจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรม
ครั้งนี้ไม่ใช่การไล่ล่า แต่เป็นการค้นหาความจริง
และดำเนินคดีกับผู้สั่งการให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชน
มองรายงานของ คอป. อย่างไร
ต้องไม่ลืมว่าการดำเนินการของ คอป. เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์
และคนที่ปฏิบัติการก็ไม่ใช่ศาล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่ทำการสืบสวนสอบสวน
เราเคารพความเห็นของ คอป. แต่ไม่ยอมรับรายงานฉบับดังกล่าว
เพราะจากการอ่านรายงานพบว่ามีนัยทางการเมืองแอบแฝงอยู่ และไม่เป็นกลางทางการเมือง
คณะกรรมการชุดนี้ใช้เวลาพิจารณากว่า 2 ปี แต่การสืบสวนสอบสวนค่อนข้างหละหลวม
ไม่เป็นไปตามหลักกระบวนการยุติธรรม รายงานของ คอป. จึงถือว่าเป็นความเห็น
เป็นข้อสังเกต ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง
ชายชุดดำมีอยู่จริงหรือไม่
กรณีชายชุดดำเป็นเพียงข้อกล่าวหา แต่กระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และอัยการ ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ
ทำให้เห็นว่าขณะนี้ชายชุดดำยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าคือใคร
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่สามารถดำเนินการจับชายชุดดำได้เลยแม้แต่คนเดียว
จนกระทั่งหมดอำนาจไปก็ยังมีการใช้วาทกรรมเรื่องชายชุดดำมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง
รวมทั้งกล่าวหาว่าการตายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากกระทำของชายชุดดำ
ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้กระบวนการตรวจสอบและหาความจริงดำเนินการต่อไปจนกว่าจะได้ข้อเท็จจริงว่าชายชุดดำคือใคร
และใครกันแน่ที่เป็นคนก่อกำเนิดชายชุดดำ
รัฐบาลเพื่อไทยมุ่งหาความจริงเรื่องนี้หรือไม่
ผมคิดว่าการหาความจริงจากเหตุการณ์การชุมนุมเมษา-พฤษภา 2553
ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ถือเป็นอำนาจที่ทุกรัฐบาลต้องดำเนินการ
เมื่อมีคนตายกลางบ้านกลางเมืองจะต้องมีการพิสูจน์ว่ามาจากสาเหตุอะไร
ถ้ารัฐบาลไม่รับผิดชอบเรื่องที่ประชาชนตายก็เป็นรัฐบาลของประชาชนไม่ได้
ซึ่งรัฐบาลนี้ก็ดำเนินการเรื่องนี้ตามปรกติ
และเป็นหน้าที่ของรัฐในการดูแลและคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยในการใช้ชีวิต
รัฐใดที่มีการละเว้นและละเลยถือเป็นรัฐบาลที่ไม่รับผิดชอบ
จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอีก
จะเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอย่างไร
เรื่องนี้ต้องดำเนินการต่อไปหลังจากศาลมีคำสั่งกรณีนายพัน คำกอง
ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าต้องมีการส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการตั้งข้อกล่าวหาฟ้องร้องผู้ที่สั่งการและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในการสั่งให้ใช้อาวุธและการตายของประชาชนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถบิดเบือนพยานหลักฐานได้
การตั้งข้อหาฆ่าคนตายกับรัฐบาลที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
เรื่องนี้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ตามที่ศาลมีการสั่ง
ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามคำสั่งศาล กรณีนี้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ
ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ถือว่าไม่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา
เพราะเป็นการดำเนินการตามคำสั่งศาล ทุกฝ่ายต้องยอมรับ
กองทัพไม่ยอมรับว่ามีอาวุธจะทำเช่นใด
การใช้กำลังในการปราบปรามการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการใช้อาวุธในการปราบปรามประชาชน
และใช้ทหารเป็นกำลังหลักจนก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชน
แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่กองทัพจะยอมรับในการกระทำ
ต้องไม่ลืมว่าในความเป็นจริงคนที่ทำการฆาตกรรมหรือคนที่เป็นฆาตกรไม่มีวันที่จะยอมรับอะไรง่ายๆ
ดังนั้น เมื่อมีการตายเกิดขึ้นคิดหรือว่าคนที่ทำจะบอกว่าฉันฆ่าคน
เอาอาวุธสงครามมาประหัตประหารประชาชน ไม่มีการยอมรับอยู่แล้ว
การหาความจริงของเจ้าหน้าที่จะเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีว่าความจริงเกิดจากอะไรกันแน่
การตรวจสอบที่เข้มขึ้นจะทำให้ทหารไม่พอใจหรือไม่
เท่าที่ทราบการสืบสวนสอบสวนและการค้นหาความจริงของเจ้าหน้าที่
เป้าหมายหลักคือต้องการเอาคนที่สั่งการให้เอาอาวุธสงครามออกมาเป็นอาวุธหลักในการสลายการชุมนุมมากกว่า
เอาคนสั่งการที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทำงาน โดยเฉพาะระดับนโยบาย
ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่อการตายของประชาชน
การเดินหน้าของคนเสื้อแดงเป็นอย่างไร
คนเสื้อแดงมีหลักการและเป้าหมายของการขับเคลื่อนอยู่ 3 ข้อคือ 1.ล้มอำมาตย์
ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ
เราสามารถทำให้มีการเลือกตั้งใหม่อย่างสันติวิธีและเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย
2.ล้มรัฐธรรมนูญปี 2550
ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนและสนับสนุนให้มีการยกเลิกการใช้รัฐธรรมนูญปี
2550 ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ทางการเมืองของคณะรัฐประหาร
เป็นพิษร้ายต่อสังคมไทยมาจนถึงทุกวันนี้ 3.โค่นล้มระบอบอำมาตย์
คือต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
และตีกรอบความคิดระบอบอำมาตย์ให้น้อยลงมากที่สุด นี่คือภารกิจของคนเสื้อแดง
ผมไม่คิดว่าการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550
จะเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
เพราะในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เห็นได้จากการรณรงค์เลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. 2554
พรรคเพื่อไทยชูประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นหลักในการหาเสียง
ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน ทำให้ได้ ส.ส. เป็นจำนวนมากถึง 265 คน
ถือว่าเป็นการชนะเด็ดขาด
แต่การดำเนินการไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญปี 2550
ที่เป็นรากเหง้าของเผด็จการได้รับการปกป้องโดยกลุ่มอำมาตย์
และเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการทำร้ายปรปักษ์ทางการเมือง
ย่อมทำให้กลุ่มอำมาตย์ไม่ยอมให้มีการแก้ไข
คนที่สูญเสียอำนาจหรืออาจจะมีการสูญเสียอำนาจหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงไม่ยอมง่ายๆ
การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่
ผมไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น
เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ฉันทานุมัติเมื่อครั้งเลือกพรรคเพื่อไทยให้มาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อันนี้จะเป็นเกราะป้องกันอย่างดีให้กับรัฐสภาในการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550
ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน
กระบวนการใดๆที่จะมาขัดขวางการแก้ไขจะต้องฟังเสียงของประชาชนด้วย
ไม่ใช่พยายามก่อให้เกิดความวุ่นวายเพื่อไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หรือการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญปี 2550 ไว้
จากการสังเกตการณ์เชื่อว่าม็อบต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะน้อยลง
หรือบางส่วนอาจจะหันมาเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว
และประชาชนจะเป็นคนกดดันต่อ ส.ส. และรัฐบาล
ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด
6 ปีของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง
6 ปีที่ผ่านมาจากการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549
จะพบว่าคณะผู้ก่อการรัฐประหารยังคงอยู่ ยังมีความแข็งแกร่งอยู่
แต่มีมวลชนที่ให้การสนับสนุนบรรดาผู้ก่อการรัฐประหารน้อยลง 6
ปีของการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมและกลุ่มเสรีประชาธิปไตย
การขับเคี่ยวกันยังไม่แตกหัก ไม่มีการชนะทางการเมือง
แม้ฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาความแตกต่างได้
นั่นแสดงว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังคงมีความเข้มแข็ง
ในเรื่องนี้ต้องอาศัยระยะเวลาให้การเมืองมีความชัดเจนในแนวทางของประชาชนตามแนวทางที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
และจะทำให้ประเทศไทยสามารถเดินไปในทางที่ถูกที่ควรมากขึ้น
ในที่สุดเมื่อการเมืองเข้มแข็ง
เหตุการณ์บ้านเมืองก็จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หากเกิดรัฐประหารคนเสื้อแดงจะอยู่อย่างไร
ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น
เพราะการดำเนินคดีรวมทั้งการค้นหาความจริงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่
ได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา จึงไม่น่าจะก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่กองทัพ
เสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยจะเดินอย่างไร
พรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงแม้จะเป็นคนละองค์กร แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ
การเดินไปสู่การพัฒนาประเทศและความเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มใบ
คนเสื้อแดงคือกระบวนการของประชาชนที่ไม่ได้มีเป้าหมายทางการเมือง
แต่มีเป้าหมายเดียวคือการต่อต้านการรัฐประหารและเดินหน้าประชาธิปไตย
หากพรรคเพื่อไทยเดินออกจากแนวทางของประชาธิปไตย
คนเสื้อแดงก็ไม่สามารถเดินไปด้วยกันกับพรรคเพื่อไทยได้
เพราะยุทธศาสตร์ของกลุ่มคนเสื้อแดงคือการต่อต้านเผด็จการและรักษาประชาธิปไตย
หากพรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคของประชาชนก็ยังเดินต่อไปด้วยกันได้
และเป็นการเดินทางที่ยาวนาน
คนเสื้อแดงมีจำนวนเท่าไร
ไม่สามารถตอบได้ เพราะคนเสื้อแดงคือกลุ่มคนที่รักความยุติธรรมและรักประชาธิปไตย
จึงไม่สามารถจำกัดได้ว่าใครเป็นคนเสื้อแดงบ้าง
แต่คนเสื้อแดงคือคนที่ต้องการเห็นประเทศชาติเดินหน้าและไม่ต้องการเห็นการรัฐประหาร
กลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มคนที่มีความรักต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
เข้าใจว่าอดีตนายกฯถูกรังแก คนกลุ่มนี้ก็มีจำนวนไม่น้อย
คนเสื้อแดงคือประชาชนทั่วไปที่สนใจการเมือง สนใจประเทศชาติ
แต่ไม่มีแนวคิดในการจัดตั้งพรรคการเมือง
มอง 1 ปีรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างไร
ต้องยอมรับว่าหลังจากการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงไปมาก
ส่วนหนึ่งมาจากการที่นายกฯเป็นคนพูดน้อยและไม่โต้ตอบทางการเมือง
เป็นคนที่มีความประนีประนอม มีการประสานงานกันอย่างดีเยี่ยม
จึงทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเย็นลงมาบ้าง
เชื่อว่าในอนาคตต่อไปหากผู้นำหรือหัวหน้ารัฐบาลยังเป็นเช่นนี้รัฐบาลน่าจะมีอายุครบเทอม
เพราะเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย การเดินหน้าในการบริหารประเทศก็จะทำได้ง่าย
รวมทั้งสากลโลกให้การยอมรับรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร
จะเห็นได้ว่าในขณะนี้ทั่วโลกให้การยอมรับนายกฯคนนี้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น