เรื่องจากปกจากหนังสือพิมพ์
โลกวันนี้ปีที่ 13
ฉบับที่ 3373 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 6 กันยายน 2012
“มีวันนี้เพราะพี่ให้”
ถือเป็นวลีเด็ดจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ทิ่มแทงใจกลุ่มคนไม่เอาทักษิณเป็นที่สุด
ก็เล่นเปิดหน้าอย่างไม่เหนียมอายว่าขึ้นมาคุมนครบาลได้ในวันนี้เพราะได้รับการสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แสดงความเคารพรักอย่างสุดซึ้งด้วยการทำป้ายข้อความ “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ติดอยู่เหนือป้ายชื่อตัวเองที่ห้องทำงานใน บช.น.
แถมยังมีรูปที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ประดับยศพลตำรวจโทให้เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2555 ที่ผ่านมา ติดหราอยู่ข้างฝาหน้าห้อง พร้อมกับลายมือที่คนรักทักษิณมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของอดีตนายกฯทักษิณที่เขียนข้อความว่า
“ขอแสดงความยินดีกับแจ๊ดน้องรัก ขอให้มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นที่รักของประชาชนและเพื่อนตำรวจ รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ลงวันที่ 29 มิ.ย. 2555
ทั้งหมด ผบช.น. เป็นผู้จัดหา และเป็นคนชี้จุดให้เจาะผนังติดรูป แขวนป้ายข้อความ ด้วยตัวเอง
และก็เป็นอะไรที่ไม่เกินความคาดหมายที่กลุ่มคนไม่เอาทักษิณต้องออกมาโขกสับเรื่องนี้
เปิดหน้ามาก่อนใครเลยคือ “บักใส” นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่วันนี้แยกตัวออกไปทำงานในนามกลุ่มกรีน
“การให้อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีคำพิพากษาของศาลในคดีอาญาและหมายจับของศาลอีก 6 หมายประดับยศให้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันตำรวจไทยในภาพรวม ซ้ำร้าย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแบบไม่หวั่นเกรงกฎหมาย ทั้งที่ๆตัวเองรับราชการตำรวจ และเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ อะไรผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย”
มุ่งโจมตี 3 ประเด็นหลักคือ ไม่เหมาะสม ทำภาพพจน์ตำรวจเสียหาย และผิดกฎหมาย
นายสุริยะใสบอกว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะชอบพอรักใคร่หรือมีบุญคุณต้องตอบแทน พ.ต.ท.ทักษิณมากมายแค่ไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องแยกแยะจากหน้าที่และความรับผิดชอบตามกรอบกฎหมาย อย่าเอาลัทธิบูชาบุคคลมาอยู่เหนือกฎหมายและความถูกต้อง
“มีวันนี้เพราะพี่ให้ แต่วันหน้าพี่ก็ช่วยไม่ได้เสมอไป”
ส่งเสียงคำรามขู่กันในทีก่อนจะสำทับอีกว่า
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ขัดประมวลจริยธรรมของข้าราชการและนักการเมือง แต่ยังเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เพราะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ต้องจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีคดี มีหมายจับ โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ แต่นอกจากไม่จับแล้วยังให้ผู้ต้องหาหนีคดีประดับยศให้อีก
ไม่พ้นยกมาตรา 157 ขึ้นมาขู่
ทั้งที่ขู่จนเจ็บคอ เสียงแห้งมาหลายปี ก็เห็นมีคนระดับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี บินไปพบอดีตนายกฯจนหัวบันไดไม่แห้ง แต่ก็เอาผิดใครไม่ได้สักคน
งานนี้จะส่งไม้ต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับช่วงต่อสอบเอาผิด
คดีแบบนี้น่าจะเข้าไปกองอยู่ใน ป.ป.ช. เป็นเข่งๆ หากเอาผิดได้คงติดคุกกันระนาวไปแล้ว เพราะใครก็รู้ว่า ป.ป.ช. กับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นปลาคนละน้ำ หากมีช่องฟันลูกข่ายนายใหญ่ได้มีหรือจะไม่ฟัน
คนขู่ก็ขู่ไป คนถูกขู่กลัวซะที่ไหน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ชี้แจงตรงไปตรงมาว่า “ผมรักเคารพใครก็นำภาพคนนั้นมาติดไว้ มันจะเดือดร้อนอะไรกันนักหนา...ผมติดไว้เพื่อเตือนสติตัวเองเท่านั้น...ผมไม่เคยเนรคุณคน”
พร้อมประกาศดังๆให้ได้รู้กันทั่วไปว่า
“ถ้าการเมืองเปลี่ยนขั้วขอออกทันที ไม่ต้องรอให้ใครมาย้าย”
นับเป็นลูกผู้ชายตัวจริง เพราะยอมรับความจริงว่า “มากับการเมืองก็ต้องไปพร้อมกับการเมือง”
ไม่ใช่เป็นใหญ่เพราะขั้วนี้ แต่พออีกขั้วเข้ามาปรับย้ายให้ทำงานอื่นก็โวยวายว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไล่ฟ้องศาลปกครองเพื่อรักษาเก้าอี้
เรื่องนี้เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในสังคมอินเทอร์เน็ต ฝ่ายแดงชื่นชม ฝ่ายเหลืองฝ่ายฟ้ารุมด่า แต่ก็คงเป็นประเด็นประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็เงียบไปเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา
มีใครไปพบอดีตนายกฯทักษิณ หรือเปิดตัวเป็นเด็กในอุปถัมภ์ของอดีตนายกฯอีก ก็จะถูกจุดเป็นประเด็นขึ้นมาใหม่
เลี้ยงกระแสเอาไว้ อย่างน้อยก็ใช้อ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตัวเองได้ว่า คดีความหรือความผิดอะไรที่เกิดจากการกระทำในอดีตของฝ่ายตัวเองถูกดำเนินการอย่างไม่ชอบธรรม ไม่ตรงไปตรงมา ถูกกลั่นแกล้งจากเด็กในคาถาของทักษิณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น