ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับ 376 วันที่ 8-14 กันยายน พ.ศ. 2555 หน้า 10 คอลัมน์ เพื่อชาติประชาชน โดย Pegasus
เราได้พูดกันถึงอำนาจระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์ว่า
ประเทศในระบบเดียวกับเรามีรัฐธรรมนูญที่ต่างออกไปอย่างมาก
เรื่องของฝ่ายตุลาการของเราก็ต่างจากต่างประเทศอย่างมาก
โดยเรามีข้ออ้างว่ามีการปกครองแบบไทยๆ หรือแปลอย่างผู้รู้ก็คือ เราเป็นเผด็จการทหาร
แต่แต่งตัวให้ดูดีว่าเป็นประชาธิปไตยตลอดมา
แล้วพวกข้าราชการ ทั้งทหาร ตุลาการ พลเรือน ก็ร่วมกับกลุ่มธุรกิจผูกขาดเกาะกิน
เอารัดเอาเปรียบประชาชนด้วยนโยบายแรงงานราคาถูกตลอดมา
จนคนเอาเปรียบร่ำรวยล้นฟ้าอย่างที่เห็นๆกันอยู่
ประเทศอื่นที่เขาเป็นประชาธิปไตยมากกว่าเราเขาก็เจริญเอา เจริญเอา ไม่หยุดยั้ง
แม้มีปัญหาบ้าง ประชาชนเขาก็จัดการกันเองได้ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนของไทยเราต้องรอคนดี คนมีคุณธรรมเท่านั้น มิฉะนั้นทหารจะออกมายึดอำนาจ คนดี
มีคุณธรรมเหล่านั้นก็คือ คนที่ฝ่ายเผด็จการ กลุ่มธุรกิจผูกขาด
ปั้นขึ้นมาด้วยการโฆษณา ทำให้เป็นดารา ทำให้ดูเป็นคนดิบดีต่างๆนานา
บางครั้งไม่น่าเชื่อแต่ก็ถูกล้างสมองให้เชื่อไปจนได้
วันนี้ขอพูดถึงสิ่งที่ควรจะมีในรัฐธรรมนูญสำหรับประชาชนอยู่ 2 ประการคือ
เรื่องเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งทั้ง 2 คำนี้รัฐธรรมนูญปี 2550
มีและโฆษณาว่าดีเลิศ แต่หากอ่านดีๆจะบอกว่ายกเว้นกฎหมายห้ามไว้ ฯลฯ เราก็เลยโดน
“กระชับพื้นที่” จนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ดูเหมือนจะออกมาในรูปที่ว่าอภัยโทษกันหมด
ยกเว้นคนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บให้ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ไป
เสรีภาพที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ได้แก่ เสรีภาพในการประกอบอาชีพ
การแสดงความคิดเห็น การศึกษา การชุมนุมและสมาคม
เรื่องอาชีพกับการศึกษานั้นเรื่องพื้นๆ แต่เรื่องการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม
และการสมาคม ทำไมถึงเขียนไว้แต่ทำไม่ได้ ดูดีแต่ไม่ใช่
ก็เพราะเขียนข้อยกเว้นไว้ว่าต้องแล้วแต่กฎหมาย คือหลอกไว้ว่ามี
แต่ไปห้ามไว้ในที่อื่นนั่นเอง
แต่ก่อนที่จะไปยกเลิกการห้ามไว้ในที่อื่นต้องทำให้เสรีภาพนี้มีขอบเขตกว้างขวางเสียก่อน
ได้แก่ ใครจะทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
เริ่มต้นจากการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ ผ่านเว็บไซต์
ต้องยกเลิกการตรวจสอบทั้งหมด
จะยกเว้นก็แต่เข้าข่ายหมิ่นประมาทก็ทำการฟ้องร้องได้ตามกฎหมายปรกติ
แต่ห้ามปิดเว็บไซต์
ยกเว้นเว็บไซต์หรือสื่อมวลชนนั้นสนับสนุนแนวทางที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เช่น
บอกให้ทหารออกมายึดอำนาจได้ อย่างนี้ไม่มีใครกล้าปิด โดยอ้างว่าให้เสรีภาพ
แต่ในเว็บไซต์ไม่มีเส้น พูดอะไรผิดปากนิดๆหน่อยๆตามปิดกันตลอด
เรื่องการชุมนุมก็เช่นกัน จะมีกฎหมายการชุมนุมก็ไม่ว่ากัน
แต่ต้องไม่ห้ามการชุมนุม เพราะประชาชนจะตอบตัวเองได้ว่าควรมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มไหน
จริงอยู่บางคนอาจเคยหลงผิดไปชุมนุม “ไล่ทักษิณ”
แต่เมื่อความจริงปรากฏจะมาห้ามการชุมนุมอีกคงไม่ถูก ต้องปล่อยให้มีการชุมนุมได้
ใช้ที่สาธารณะได้ รัฐอาจต้องจัดหาให้
หากไม่สามารถจัดได้ที่ท้องสนามหลวงก็อาจยกเลิกสวนสัตว์ดุสิตแล้วให้ประชาชนไปชุมนุมบริเวณนั้นแทน
มิใช่ไล่ให้ไปชุมนุมกันที่สวนจตุจักรเหมือนสมัย คมช.
อีกเรื่องที่สำคัญมากคือ การมีส่วนร่วมทางการเมือง
ซึ่งส่วนหนึ่งคือยื่นรายชื่อเพื่อถอดถอน แต่ที่สำคัญกว่าคือ
การควบคุมงบประมาณที่ลงไปในระดับอำเภอ ในส่วนของการปกครองส่วนภูมิภาค อบต. หรือ
อบจ. ในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีนี้ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยส่งตัวแทน
อาจเป็นคณะกรรมการหมู่บ้านในทุกแห่งของพื้นที่อำเภอ อบจ. หรือ อบต.
นั้นมาร่วมวางแผนตั้งโครงการ พองบประมาณในอีก 2 ปีตกลงมาก็มาร่วมบริหารโครงการ
โครงการจะเป็นอย่างไร ลงทุนกันเท่าไร ประชาชนต้องรู้ทั้งหมด
จากนั้นก็กำหนดให้ประชาชนกลุ่มอื่นไม่ใช่คนที่ร่วมบริหารโครงการเป็นผู้ตรวจรับงาน
เช่น การสร้างถนนเข้าหมู่บ้านหรือถนนระหว่างอำเภอ
ประชาชนต้องรู้ว่างบประมาณที่ใช้ไปคุ้มค่าหรือไม่
มีการจัดเวรเฝ้าดูว่ามีการเปลี่ยนขนาดของเหล็ก การผสมปูนหรือไม่ เป็นต้น
เรื่องแบบนี้ประชาชนจบการศึกษาภาคบังคับทุกคนทำได้อยู่แล้ว ไม่ยากอะไร
เพราะประชาชนเป็นเจ้าของงบประมาณ หรือเป็นเงินของตัวเอง การบริหารงาน การตรวจงาน
ย่อมมีประสิทธิภาพกว่าให้ส่วนราชการซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน มาเป็นผู้ตรวจงาน
นอกจากการรับรองทางวิศวกรรมซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิค
หากทำได้เช่นนี้การก่อสร้างต่างๆก็จะตรงกับความต้องการของประชาชน
เพราะประชาชนเป็นผู้ตรวจสอบว่ามีการรั่วไหลหรือไม่ งบประมาณจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า
และการทุจริตก็เกิดขึ้นได้ยาก เท่านี้ประเทศชาติก็วิ่งฉิวแล้ว
เรื่องเสรีภาพที่ต้องเปิดกว้างกว่าเดิม
และการมีส่วนร่วมในการบริหารงานโครงการต่างๆของรัฐ
จะทำให้ประชาชนรักและหวงแหนประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
การซื้อสิทธิขายเสียงก็เป็นไปได้ยาก ไม่ช้าประเทศไทยก็จะขาวสะอาด
เป็นที่ยอมรับและน่าลงทุนจากต่างชาติ ประชาชนจะมีรายได้มากขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ซึ่งความสุขเช่นนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อยกเลิกระบบคุณธรรมและคนดีจอมปลอมรวมถึงประชาธิปไตยแบบไทยๆให้ได้เสียก่อนเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น