Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

" อภิสิทธิ์ชนโมเดล "


จาก หนังสือพิมพ์ RED Power ฉบับที่ 28 เดือน สิงหาคม 2555
ประเทศไทยมีภาพการปกครองสวยหรูตามแบบฉบับของประเทศที่เจริญแล้ว นับตั้งแต่มีการปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี พ.ศ.2475  ถึงวันนี้ก็ 80 ปีแล้วหากเปรียบเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และความรู้มากมาย มีรากฐานข้อมูลแน่นปึกเป็นประโยชน์ให้กับอนุชนคนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี  แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่า 80 ปีที่ผ่านมาเราเห็นแต่ภาพคนแก่สุขภาพไม่แข็งแรงป่วยกระเสาะกระแสะ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้กับลูกหลานได้    คำแนะนำที่เป็นประโยชน์สร้างคุณอนันต์ก็ช่างน้อยนิดเหลือเกิน  จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นประชาชนในชาติไทยต้องล้มลุกคลุกคลานไปกับการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มี    ภาพการไร้ซึ่งเสถียรภาพทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม  ตลอดจนภาพทหารก่อการรัฐประหารเปลี่ยนผ่านอำนาจกันเป็นว่าเล่น  สลับกับการยอมคืนอำนาจให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามสิทธิและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเมื่อถูกพลังมวลมหาประชาชนทวงถาม  วัฎจักรพรรคการเมืองใหม่แทรกผ่านกาลเวลาเบียดพรรคการเมืองเก่าให้เห็นเป็นระยะๆ  นักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง หรือถูกวางตัวจากผู้มีอำนาจก็ผลัดเวียนวนกันจัดตั้งรัฐบาลตามจังหวะสถานการณ์แต่ละห้วงเวลา 
 
          วันนี้ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากเสียงประชาชน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเดินหน้าทำหน้าที่ไปพร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างไม่หวั่นไหวต่อแรงเสียดทานจากพรรคฝ่ายค้าน ที่วันนี้ผู้นำพรรคฝ่ายค้านจงใจเดินสายปราศรัยเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ผู้อื่น โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่นำเสนอจะเป็นการปลุกระดมมวลชนให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติหรือไม่    ครั้งล่าสุดถึงขนาดลงทุนสวมใส่เสื้อยืดสีแดงขึ้นเวทีปราศรัย  พร้อมกับยกวาทะกรรมอ้างว่าสีแดงไม่ใช่สีของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่เป็นสีที่หมายถึงชาติ ใครใส่สีแดงที่มีอุดมการณ์ต้องไม่เห็นด้วยกับ พรบ.ปรองดอง และอื่น ๆ อีกมากมาย   มองได้ว่าการสร้างวาทะกรรมดังกล่าวเป็นความพยายามสร้างประเด็นสร้างกระแสคล้ายกับต้องการแยกมวลชนคนเสื้อแดงออกจากพรรคเพื่อไทยซะงั้น  แต่งานนี้ประชาชนหรือคนเสื้อแดงฟังแล้วจะเห็นด้วยหรือให้ความสำคัญมากน้อยขนาดไหนก็คงต้องติดตามกันต่อไป 
 
แต่หากจะประเมินผลสะท้อนกลับจากการสร้างวาทะกรรมดังกล่าวของผู้นำพรรคฝ่ายค้านกันคร่าว ๆ  ก็น่าเชื่อได้ว่าประชาชนจำนวนมิน้อยคงต้องชั่งใจและกลั่นกรองกันพอสมควรเพราะก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันผู้นำพรรคฝ่ายค้านถูกสื่อหลักจับเป็นประเด็นขึ้นหน้าหนึ่งพาดหัวตัวโต ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์  วิทยุโทรทัศน์ โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรไทยกันเลยทีเดียว ในประเด็นเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร  เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ผู้นำพรรคฝ่ายค้านออกอาการเต้นและร้อนรุ่มขนาดเอาเรื่องและฟ้องร้องแกนนำคนเสื้อแดงอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ข้อหาหมิ่นประมาทที่กล่าวหานายอภิสิทธิ์ฯว่าหนีการเกณฑ์ทหาร จะว่าไปถ้านายอภิสิทธิ์ฯ ไม่ฟ้องร้องในประเด็นดังกล่าวก็คงไม่มีใครให้ความสนใจไปขุดคุ้ยอดีตของนายอภิสิทธ์ฯกันอย่างจริงจัง เหมือนอย่างในวันนี้ และหากนายอภิสิทธิ์จะปล่อยให้เป็นเรื่องของศาลทำหน้าที่ตามกระบวนการไปอย่างเงียบ ๆ  ไม่ออกมาโต้ข่าวรายวันอย่างที่ทำ หรือเที่ยวท้าทายจะเอาเรื่องกับคนที่กล่าวหาตน โดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งสิ้น เหมือนอย่างวันนี้  เรื่องการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ฯ ก็อาจเป็นแค่คลื่นน้อย ๆ กระทบฝั่งเท่านั้นเอง
 
แต่คงเพราะที่ผ่านมาในอดีตถือว่ามีเส้นดี  มีมือที่มองไม่เห็นคอยอุ้ม หรือเพราะดวงดีแต่กำเนิดหรือไม่ไม่กล้ายืนยัน จึงทำให้นายอภิสิทธิ์กล้าท้าชนคนไปทั่วไม่ว่าหัวหงอกหัวดำชนิดไม่มีลดลาวาศอกให้แก่กันละ  ขนาดพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ออกมาแถลงข่าวกรณี  นายอภิสิทธิ์ฯ ใช้สด.9 ปลอม สมัครเข้าร.ร.จปร. และได้สั่งกรมพระธรรมนูญพิจารณาขั้นตอนถอดยศ ร้อยตรี และเรียกเงินเดือนขึ้น ก็ได้ย้ำว่าเรื่องนี้ต้องทำอย่างรอบคอบ ไม่มีการเมืองเกี่ยว  นายอภิสิทธิ์ฯ ก็ประกาศที่จะเอาเรื่องเหมือนกัน คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ขุนพลอยพยักไปด้วยว่า รมต.กลาโหม จะต้องขอขมานายอภิสิทธ์ฯ  ถ้าหากผลการพิสูจน์ออกมาว่าไม่มีมูลตามที่กล่าวหา

การดิ้นรนต่อสู้ด้วยการใช้วาทะกรรมให้ดูเสมือนมีหลักการดี  มีคุณธรรมและจริยธรรมสูงส่งกลบเกลื่อนปกปิดพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย หรือไม่ถูกต้องไปพร้อม ๆ กับการชี้หน้ากล่าวหาใส่ความผู้อื่นว่าเลวกว่า  พบมาโดยตลอดในสังคมไทยในอดีต และยิ่งชัดเจนมากขึ้นในปัจจุบันจากพรรคการเมืองบางพรรคซึ่งพฤติกรรมที่ว่าแสดงออกกันจนแทบจะเป็นพฤติกรรมต้นแบบให้คนในสังคมอีกจำนวนหนึ่งเลียนแบบ จนวันนี้คงไม่ผิดหากจะเรียกพฤติกรรมดังว่าเป็น อภิสิทธิ์ชนโมเดล    อภิสิทธิ์ชนโมเดลได้แพร่หลายในสังคมฟากฝั่งสมุนลิ่วล้ออำมาตย์  และพรรคการเมืองที่อำมาตย์ให้การสนับสนุนบางพรรค  ไม่ว่าพวกนี้ทำอะไรลงไป พูดอะไรออกมา จะเลวจะร้าย  ก็ไม่เคยมีความผิด อยู่รอดปลอดภัยมาโดยตลอด  กระบวนการยุติธรรมเหมือนจะเอื้อมถึงแตะต้องได้  แต่สุดท้ายก็แทบไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่มีนัยยะสำคัญเอาผิดกับพวกเหล่านี้ให้เห็นสักครา  ตัวอย่างง่าย ๆ เหล่าพันธมิตรที่ยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ วันนี้มีใครบ้างที่ได้รับโทษทัณฑ์จากการกระทำดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมบ้าง  จนเป็นเหตุให้ฉงนต่อสังคมว่าการยึดสนามบินไม่มีความผิดหรืออย่างใด ประชาชนคนไทยวันนี้ตาสว่างเบิกโพลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะต่างได้เห็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นอภิสิทธิ์ชนโมเดลจนยากปฎิเสธว่า บ้านนี้เมืองนี้มันมีสองมาตรฐาน มีการเลือกปฎิบัติอย่างชัดเจน  หลายเคสหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแผ่นดินเมืองยิ้ม  มีการตีความช่วยเหลือผู้ที่กระทำผิดแทนที่จะช่วยกันประนามและลงโทษทางกฎหมาย  บางคนตำแหน่งสูงใหญ่แต่ก็บุกรุกที่ป่าสงวน เพียงเพราะอยากมีอยากเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินและอยากได้ สัมผัสบรรยากาศทะเลหมอกที่หาชมไม่ได้ในเมืองกรุง  ทั้งที่หน้าฉากสุดแสนจะสร้างภาพสำนึกในคุณแผ่นดิน รักชาติยิ่งชีพ คุณธรรมจริยธรรมสูงปรี๊ดให้เห็น   พอถูกจับได้ก็แก้เกี้ยวส่งคืน แต่สุดท้ายกฎหมายก็เอื้อมไม่ถึงเพราะผู้คนเหล่านี้ล้วนอยู่ในสังคมและเดินตามกรอบอภิสิทธิ์ชนโมเดล แถมบางคนกลับได้ดียิ่งกว่าเก่าเสียอีก  โอน่าตกใจมิน้อยที่เห็นภาพเช่นนั้น ยิ่งวันสองวันนี้เห็นข่าวการรื้อถอนรีสอร์ทของนักธุรกิจบางรายที่รุกที่ป่าสงวนจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และเห็นเจ้าของรีสอร์ทให้ข่าวว่าได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง และจะฟ้องเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่ไปรื้อถอน  น่าประหลาดใจมากว่าคนไทยวันนี้เป็นอะไรไปกันหมดแล้ว  แข็งขืนทั้งที่กระทำผิด เมื่อไหร่จะยอมสลัดกรอบอภิสิทธิ์ชนโมเดลเสียที แล้วกลับมาอยู่ในกรอบของกฎหมาย  กรอบศีลธรรมอันดีงามอย่างที่คนไทยที่ดีควรมีควรเป็นกันเสียที    นอกจากเคสตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นแล้วยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ผู้คนในสังคมบางกลุ่มไม่ยอมสลัดให้หลุดจากอภิสิทธิ์ชนโมเดล  นอกจากไม่ยอมสลัดทิ้งแล้วยังจะพยายามโอบอุ้มขยายเครือข่ายโมเดลผิดเพี้ยนให้แพร่หลายมากขึ้น

หลายๆ คนสร้างภาพแสร้งว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมสูงส่ง ทั้งที่มีชนักปักหลังมากมาย แต่ก็กล้าแสดงบทไร้ยางอายด้วยการชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเลวกว่าตน ประเทศไทยถ้าหากปล่อยให้อภิสิทธิ์ชนโมเดลคงอยู่   สังคมไทยมีแต่จะทรามเสื่อมถอยลงทุกวัน  คุณภาพชีวิตของประชาชนจะไม่มีวันก้าวไปข้างหน้า วิสัยทัศน์ก้าวไกลก็คงไม่มีวันเกิดขึ้นได้  วันนี้ส่วนหนึ่งของความไม่สงบทางการเมืองก็เพราะมีพรรคบางพรรคที่มิได้เป็นรัฐบาลทำหน้าที่เกินบทบาทตนเองมากเกินไปชี้นำสั่งรัฐบาลให้ทำโน่นนี่นั่นทุกวัน  ทั้งที่การบริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องของรัฐบาล   ถ้าอยากจะพูดน่าจะรอให้เปิดสมัยการเปิดการประชุมรัฐสภาน่าจะดีกว่ามั้ย  อยากจะพูดจะติติงการทำงานรัฐบาลจะเสนอแนะอะไรปล่อยเต็มที่ช่วงนั้นจะดีกว่ามั้ย  ความไม่สงบสุขและดูวุ่นวายทางการเมืองอยู่เนือง ๆเพราะพรรคฝ่ายค้านแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลผ่านสื่อหลักมากไปมั้ย  วันนี้สื่อหลักบ้าจี้ตามพรรคฝ่ายค้านมากเกินระดับจรรยาบรรณที่ดีเกินไปมั้ย    ประชาชนหลายภาคส่วนเริ่มตั้งคำถามกันอย่างกว้างขวางแล้ว  ถึงขนาดมีเสียงสะท้อนให้ได้ยินว่า ถ้าพรรคฝ่ายค้านและสมุนพรรคหัดหุบปากลงบ้างความสงบสุขของบ้านเมืองและดัชนีชี้วัดความสุขของประชาชนน่าจะสูงปรี๊ดทีเดียว  ที่สำคัญช่วยหยุดแพร่กระจาย อภิสิทธิ์ชนโมเดลเสียที   และเลิกอ้างเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ผู้อื่นทั้งที่ทำผิดอยู่โทนโท่  ลากเก้าอี้ประธานสภางี้   ฉุดกระชากแขนประธานสภาในสมัยการประชุมฯ งี้  แล้วอ้างว่าทำดีทำถูก  โอพระเจ้าจอร์ช  น่าตกใจมากนะเนี่ยถ้ายังปล่อยให้อภิสิทธิ์ชนโมเดลยังคงอยู่ต่อไป   ไทยแลนด์แดนสมายคงไม่ใช่แล้ว  มันจะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนหน้าด้าน  ไร้ยางอายมากขึ้นสุดท้ายจะกลายเป็นเมืองตอแหลแลนด์  ที่ปกครองโดยระบอบอภิสิทธิ์ชนโมเดล  ถ้าไม่ใช่วัวใช่ควาย ไม่น่าจะอึดและทนรับกับโมเดลที่ว่ากันได้นะสิบอกไห่ประชาชนชาวไทยที่รักทั้งหลายเอ๋ย !!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น