Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เรื่องราวขอคนงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทยที่ฟินแลนด์ "ทำไมต้องสู้ และทำไมยังไม่กลับบ้าน"

บทความจาก thai e-news
รายงานโดย จรรยา ยิ้มประเสริฐ
8 ตุลาคม 2556




  



ถ้อยแถลง ณ งานคอนเสิร์ต สมานฉันท์กับคนงานเก็บเบอร์รี่

5 ตุลาคม 2556
นำแถลงโดย ไพรสันติ จุ้มอังวะ
ณ Kallio Church, Helsinki, Finland


คนงาน Ber-Ex 41 คน ร้องเพลงรวมกันในงานคอนเสิร์ต

พวกเรากลุ่มคนงานเก็บเบอร์รี่บริษัท Ber Ex ทั้ง 50 คน ซาบซึ้งใจยิ่งนักในความสมานฉันท์ของภาคประชาสังคมฟินแลนด์ และคนไทยที่ฟินแลนด์ ที่ร่วมกันจัดงานคอนเสิร์ตระดุมทุนเพื่อช่วยพวกเรา ณ ที่โบสถ์ Kallio แห่งนี้

ต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับการดูแล สนับสนุน และช่วยเหลือ ให้พวกเราสามารถยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิและกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคนของพวกเราคืนมา

ขอบคุณคณะบาทหลวงและผู้บริหารของโบสถ์ Kallio ที่ให้พวกเราได้จัดงานครั้งนี้

เกือบหนึ่งเดือนที่พวกเราเลือกวิธี “การต่อสู้เพื่อสิทธิ” แทนที่จะทนนิ่งเงียบ ยอมเหน็ดเหนื่อยเก็บเบอร์รี่ และกลับไปก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ที่เมืองไทย เช่นคนงานเก็บเบอร์รี่คนอื่นๆ

หนึ่งเดือนที่ผ่านมามีคนมากมายที่พวกเราไม่อาจเอ่ยนามได้หมด ที่พวกเราต้องขอบคุณ
ประชุมวางแผนกิจกรรมประจำวันตอนเช้า

ถ่ายรูปหมู่หน้าอาคารรัฐสภาฟินแลนด์

ทำไมพวกเราทุกคนถึงอยากมาที่นี่ (ฟินแลนด์)


ทุกคนที่มาที่นี่วันนี้ มาจากครอบครัวเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ทำนา ทำสวน ทำไร่ มีวิถีชีวิตแบบคนชนบท

แต่ในวันนี้ วิถีชีวิตคนชนบท วิถีชีวิตของเกษตรกรไทยเปลี่ยนไป ต้นทุนสูงขึ้น บวกกับกลไกรัฐที่ล้าสมัยและไม่ยอมพัฒนา ทั้งราคาปุ๋ย น้ำมัน และยาฆ่าหญ้าฆ่าแมลงต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา แต่ราคาสินค้าเกษตรยังเหมือนเดิม หรือตกต่ำลง

“ชาวนาชาวไร่” “คนจน” ไทย เป็นกลุ่มคนที่มักต้องจ่ายต้นทุนการผลิตสูงมาก ในขณะที่ผลตอบแทนไม่เคยคุ้มทุน ไม่เคยคุ้มค่าแรง

คนที่ได้กำไรเสมอคือนายทุน ส่วนพวกเราเกษตรกรได้หนี้สินเพิ่มขึ้น

นี่ล่ะ สาเหตุและที่มาของพวกเราเกษตรกรจากภาคอีสานของประเทศไทย ที่ต้องพากันดิ้นรนมาทำงานเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์

แค่เริ่มต้นจะมา ก็เริ่มเป็นหนี้ก้อนใหม่

กลไกอันซับซ้อนเพื่อกินค่าหัวคิวจากพวกเรา ก็เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมืองไทย หลายช่วงต่อจนมาถึงที่นี่ และเมื่อมาถึงฟินแลนด์ สิ่งที่เราเจอมันไม่ได้แตกต่างจากเมืองไทยเลย กลับเจอสิ่งที่เลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำไป


งานเก็บเบอร์รี่


มันไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับการเก็บเบอร์รี่ แค่คุณเก็บมาทำแยมสัก 5-10 ก.ก. คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่พวกเราแต่ละคน ในแต่ละวันต้องเก็บเบอร์รี่ให้ได้มากกว่า 50 ก.ก. ต่อวัน เพราะ 50 ก.ก. คือต้นทุนหนี้

เก็บเบอร์รี่ 60 วัน คือ 3 ตัน นั่นล่ะต้นทุนหนี้ของพวกเราที่ต้องจ่าย

ใน 1 วัน เราต้องเก็บเบอร์รี่ให้ได้มากกว่า 50 ก.ก. มันจะต้องลำบากแค่ไหน เพราะเบอร์รี่คุณไม่ได้ปลูกหรือใส่ปุ๋ยไว้

ลองคิดดู หรือคุณๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ทุกวันเราต้องตื่นนอน ตี 3 มี มาม่า ไข่ และเห็ดในป่า เป็นอาหารหลัก


ทนฝน ทนหนาว ทนลำบาก ทั้งห้ามเหนื่อย ห้ามเจ็บป่วย ห้ามพัก กว่าจะเข้าที่พักก็ 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม ใช้เวลาวันละ 13-15 ชั่วโมง เพื่อการตระเวณหาและการเก็บเบอร์รี่ นี่คือชีวิตทุกๆ วันของพวกเรา ตลอด 50-60 วันของฤดูเก็บเบอร์รี่

พวกเราเป็นดังเช่นมนุษย์เครื่องจักร ที่มียาสารพัดชนิดเป็นดั่งน้ำมันขับเคลื่อน

คุณคิดว่าคุณสามารถเก็บเบอร์รี่ฤดูกาลละ 3 ตัน เพียงเพื่อใช้หนี้อย่างพวกเราได้ไหม พวกเราต้องเร่งความเร็วในการเก็บอีกเท่าตัว เมื่อพวกเราต้องการเก็บอีก 3 ตัน เพื่อให้ได้เงินกลับบ้านสมดังหวังที่ถูกวาดให้มา

ถ้าไม่มีเบอร์รี่ ก็หมายถึงการที่พวกเราต้องกลับไปใช้หนี้เงินกู้และดอกเบี้ยกันเองที่เมืองไทย หลายคนอาจจะต้องสูญเสียที่ดินทำกิน บ้าน หรือรถยนต์

นี่ล่ะ คือเหตุผลที่พวกเราต้องลุกขึ้นมาประจานขบวนการใช้แรงงานฟรี ใช้แรงงานทาส ในอุตสาหกรรมเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์


พวกเราคนงานเก็บเบอร์รี่ให้บริษัท Ber Ex 50 คนเป็นใคร


พวกเรา 50 คน เป็นหญิง 8 คน ชาย 42 คน 44 คนเป็นคนมีครอบครัว และในจำนวนนี้ มีสามีและภรรยาเดินทางมาเก็บเบอร์รี่ครั้งนี้ 7 คู่ และมี 5 ครอบครัวที่มาเป็นทีม พ่อกับลูกชาย หรือพี่กับน้องชาย ส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน จากจังหวัดชัยภูมิ อุดรธานี สกลนคร บึงกาฬ กำแพงเพชร ขอนแก่น และหนองคาย

พวกเราเป็นเกษตรรายย่อย ที่รายได้จากการเกษตรไม่เพียงพอต่อความจำเป็นของการใช้จ่าย

ในหมู่พวกเรา 50 คน มีคน 37 คน ที่ต้องใช้ชีวิตตั้งแต่อายุ 20 ปี จนบัดนี้ ตระเวณทำงานต่างประเทศเพื่อนำรายได้กลับมาเลี้ยงดูครอบครัว

สำหรับประสบการณ์เก็บเบอร์รี่ พวกเรา 20 คน เป็นคนเคยมีประสบการณ์เก็บเบอร์รี่มาก่อน โดยส่วนใหญ่เคยเดินทางไปสวีเดนกันหลายครั้ง และมี 8 คน ในหมู่พวกเราที่เคยมาเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์

เนื่องจากบริษัท Ber Ex บอกว่า ค่าใช้จ่ายรายวันที่บริษัทจะหักจากรายได้พวกเราวันละ 16 ยูโรนั้นไม่ครอบคลุมเรื่องอาหาร และบอกให้พวกเราเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารมาให้พร้อมสรรพ

นั้นหมายถึงว่าต้นทุนที่พวกเราต้องกู้เงินจากเมืองไทยสูงถึง 2,500 ยูโร และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกฎหมาย เมื่อเรากลับไปถึงบ้านที่เมืองไทยในอีกไม่กี่วันนี้ เงินกู้และดอกเบี้ยของพวกเราทุกคนจะเพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 3,500 ยูโร

ณ วันนี้ มีพวกเราเพียง 30 คน เท่านั้นที่กลับบ้านพร้อมเงินค่าผลไม้ที่บริษัทจ่ายให้ในวันที่ 22 กันยายน เป็นจำนวนเงินต่ำสุด 697 ยูโร และสูงสุดเพียง 1,737.70 ยูโรเท่านั้นซึ่งก็ยังไม่พอใช้หนี้ที่กู้ยืมา ส่วนเพื่อนเราอีก 20 คน บริษัท Ber Ex จะหักหนี้ของพวกเราที่เมืองไทย ซึ่งจะทำให้เหลือเงินกันเพียงคนละไม่กี่ยูโร และหลายคนจะไม่เหลือเงินกลับบ้านกันเลย ... พวกเราไม่ยอมให้ Ber Ex หักเงินของเรา และยืนยันให้บริษัทจ่ายค่าผลไม้ให้เราเต็มจำนวนโดยไม่หัก

บริษัทไม่ยอม และขณะนี้พวกเรา 20 คน จะต้องกลับบ้านไปเจอหน้าลูกเมียโดยไม่มีเงินกลับไปด้วย

พบกับประธานกรรมธิการแรงงานของรัฐสภาฟินแลนด์และสส. จากคณะกรรมาธิการคณะอื่นอีกหลายคณะจากหลายพรรค

ทำไมไม่กลับบ้าน

คำถามคำนี้ คงเป็นคำถามที่ออกจากใจคนหลายๆ คนที่นี่และที่เมืองไทย “คำตอบที่พวกเราอยากตอบให้ทุกคนเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราที่นี่ ทำไมเราถึงกลับไม่ได้ และยังไม่กลับ”

เพราะพวกเรามาที่นี่พร้อมความหวัง แต่พอมาถึง พวกเรากลับมารับเคราะห์กรรม อันเกิดจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของขบวนการค้าแรงงานทาส ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่เมืองไทย รัฐบาลไทย และปลายทางที่นี่ รัฐบาลฟินแลนด์ บวกกับความเห็นแก่ตัวและขี้โกงของ Ber Ex จึงทำให้เราต้องอยู่สู้ในวันนี้

พวกเราถูกมองเป็นคนไม่มีค่า ไม่มีศักดิ์ศรี อยากทำอย่างไรกับพวกเราก็ได้ เมื่อไม่ได้เสียอะไรกับพวกเราเลยแม้แต่บาทเดียว

คุณทำนาบนหลังพวกเรา คุณมีแต่ได้ ส่วนความเจ็บปวดและหนี้สินคือพวกเราได้

เมื่อเราประสบปัญหาหนี้ มีใครบ้าง ข้าราชการไทยที่เหลียวแล คุณเคยนึกถึงหัวอกคนไทยหรือเปล่า ในยามที่เกิดปัญหา

คุณไม่เคยคิดแก้ไขอะไรที่ต้นเหตุ

พวกเราก็คนๆ หนึ่ง มีหัวใจ มีชีวิต เลือดเนื้อ เหมือนคุณ

คุณตีค่าความเป็นคนของเราแค่ไหนกัน
ทูตไทยประจำฟินแลนด์มาพบเพื่อบอกให้ทุกคนกลับบ้าน
ในวันที่เราสู้กับความไม่ถูกต้อง คนที่ยืนเคียงข้างเรา เรามองดูแล้วไม่มีเลยแม้ “เงา” ของข้าราชการไทย ที่ควรรับผิดชอบที่นี่ มีแต่คนจนที่เขายืนเคียงข้างเราที่นี่ อย่างพี่เล็ก จรรยา ยิ้มประเสริฐ พี่ริกุ คุณลี่ ธนะลี่ เซียป้า มิสก้า และคนจนในฟินแลนด์

มันทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราสู้ คือความถูกต้อง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราควรได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ถึงผลมันจะไม่ได้รับกับพวกเราโดยตรงในวันนี้ วันข้างหน้าก็ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นกับคนรุ่นหลังอีก

เหตุการณ์อย่างนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ควรมีคนรับผิดชอบและแก้ไข

เราสู้ในวันนี้ สิ่งที่เราได้มันตีค่าไม่ได้ ถ้าคิดเป็นเงิน สิ่งที่เราได้คือค่าของความเป็นคน ได้ในสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงกิจการเบอร์รี่ที่นี่

ค่าของพวกเราในวันนี้ เราตีค่าตัวเองไว้สูงมาก สูงจนประมาณค่าตัวเองไม่ได้

แล้วคุณๆ ข้าราชการไทยบางคนล่ะ คุณตีค่าคุณเท่าไร ขนาดคำพูดคุณยังทำให้ Ber Ex มาจ่ายเงินค่าหยาดเหงื่อแรงงานพวกเราไม่ได้จนวันนี้

ไพรสันติ จุ้มอังวะ

ผมขอจบการนำเสนอครั้งนี้ด้วยการขอยืนยันว่า คนเก็บเบอร์รี่ก็มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคน เช่นกับคนทุกคนในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะคนในประเทศร่ำรวยหรือในประเทศยากจน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนฟินน์

ชีวิตของทุกคนเกิดมาต่างก็มีศักดิ์ศรีของความเป็นคน
ถึงแม้จะเกิดมาเป็นคนจน
“หาก” มีใครสักคนมาถามคุณว่า คุณเป็นผู้มีศักดิ์ศรีหรือเปล่า
คุณจะตอบเขาว่าอย่างไร?

หากคุณตอบเขาว่า “ไม่มี”
ผมขอแย้งคุณ
มันไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงของคุณ
นั่นหล่ะ คือ ที่มาของการต่อสู้ของพวกเรา “คนเก็บเบอร์รี่” ในครั้งนี้

ขอบใจนะ Ber Ex ขอบใจที่ทำกับเราอย่างนั้น ...ขอบใจจริงๆ
เพราะสิ่งที่คุณทำกับเรา
มันจะเป็นจุดเปลี่ยนของกิจการเบอร์รี่ที่นี่
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วันนี้ก็ตาม

คุณคือคนจุดชนวนให้พวกเราต้องลุกขึ้นสู้
“สู้” กับการบริหารจัดการที่ล้มเหลวของคุณ
“สู้” กับความไม่ถูกต้องของขบวนการค้าแรงงานทาสมาเก็บเบอร์รี่
“สู้” และ “ชนะ” ความกลัวที่ท่วมทับหัวใจของพวกเรา

ถ้าไม่มีคุณ เราคงไม่มีวันนี้
Ber Ex ถ้าไม่มีคุณ
เราคงไม่ได้เห็นน้ำใจของคนที่นี่
น้ำใจของคนฟินน์
น้ำใจของพี่น้องคนไทยในฟินแลนด์
ซึ่งมันแตกต่างจากคุณราวฟ้ากับดิน

ขอบใจนะ Ber Ex ขอบใจ 

กลุ่มคนงาน Ber Ex 50 คน


รูปหมู่ประวัติศาสตร์แห่งการประกาศสู้เพื่อปลดแอกทาส

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม




* * * * * 
ส.ส.ของฟินแลนด์มาพบและพูดคุยกับคนงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทย


มีกลุ่มคนไทยในฟินแลนด์นำอาหารสดอาหารแห้งมาให้คนงานทำอาหารทานกันอย่างอุดมสมบูรณ์
อาจารย์วิทยาลัยแรงงาน มาสอนเรื่องประวัติศาสตร์ขบวนการแรงงานฟินแลนด์ และบทบาทสหภาพแรงงานต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศฟินแลนด์มาสู้ระบบ "รัฐสวัสดิการ"
ภาพจากสื่อฟินแลนด์ ล้อเลียนการกล่าวหาของบริษัทที่มีต่อ จรรยา ยิ้มประเสริฐ ว่าเป็นคนยั่วยุปลุกปั่นให้คนงานประท้วง
* * *  


จดหมายคนงานเก็บเบอร์รี่ขาวไทยถึงรัฐบาลฟินแลนด์


หนังสือขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลฟินแลนด์ และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ฟินแลนด์

โดยกลุ่มคนงาน Ber-Ex 50 คน

21 กันยายน 2556


พวกเรากลุ่มคนงาน Ber-Ex ทั้ง 50 คน ขอขอบคุณเครือข่ายภาคประชาชนที่เมือง Soulathi, Sarrijarvi, Aanakoski และเมืองใกล้เคียง รวมทั้งกลุ่มเยาวชนคนหนุ่มสาวที่รักความยุติธรรม สภาแรงงานฟินแลนด์ เครือข่ายโบสถ์และชาวคริสเตียน รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดูแล ให้ความช่วยเหลือ และห่วงใยในปัญหาของพวกเรา และขอขอบคุณอย่างยิ่งต่อสื่อมวลชนทุกท่านที่เสนอข่าวสารอย่างยุติธรรม

นับตั้งวันที่ 10 กันยายน 2556 หลังจากถูกบริษัทขู่จะส่งกลับบ้าน และเรียกตำรวจมายึดรถและไล่พวกเราออกจากที่พัก รวมทั้งนำรถบัสจะมาขนเราไปไว้ที่แคมป์ไหนก็ไม่รู้ที่เราไม่สามารถไว้วางใจได้ พวกเราจึงตระหนักว่า บริษัทพาพวกเรามาฟินแลนด์โดยไม่ได้ตั้งใจจะดูแลและอำนวยความสะดวกให้พวกเราสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ และพวกเราจะเป็นคนงานอีกกลุ่มหนึ่งที่จะต้องกลับเมืองไทยไปแบกรับความเสียหายตามลำพัง

ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงตัดสินใจเลือกกระบวนการยุติธรรมฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทนี้ทั้งทางอาญาและทางแพ่งโดยเฉพาะด้าน “การค้ามนุษย์” ที่พวกเราจะดำเนินการส่งยื่นเอกสารประกอบต่างๆ เพื่อให้มีการพิจารณาเรื่องนี้กันอย่างจริงจังที่ฟินแลนด์ รวมทั้งฟ้องร้องเรียกเงินค่ารายที่ยังไม่มีใครได้รับ และค่าชดเชยความเสียหายจากบริษัท Ber-Ex

ตลอดสิบวันที่ผ่านมา พวกเราได้บอกเล่าเรื่องราวที่พวกเราเผชิญที่ฟินแลนด์ ต่อผู้คนที่มาถามและมาสัมภาษณ์ และได้บอกเล่าถึงสาเหตุที่พวกเราต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ และคำประกาศของพวกเราว่า “ถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้ พวกเราไม่สามารถกลับประเทศไทยได้”

อนึ่ง การได้รับการดูแลและปฏิบัติกับพวกเราอย่างเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีที่เราได้รับทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ Sarrijarvi และจากประชาชนคนฟินแลนด์ และคนไทยในฟินแลนด์ ทำให้เราตระหนักยิ่งขึ้นว่าตลอด 5 สัปดาห์ (30 กรกฎาคม - 10 กันยายน 2556) ที่เราเสียสละทรัพย์สินเงินทอง แรงกาย แรงใจ และผลกระทบด้านสุขภาพ เพื่อทำงานให้กับ Ber-Ex อย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความมุ่งหวังว่าจะมีรายได้เหลือไปให้ครอบครัวที่รออยู่ที่บ้านเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล

เป็นเรื่องน่าเศร้าว่า การเสียสละของพวกเรากลับถูกเยาะเย้ยถากถาง จากบริษัท Ber-Ex ที่ปฎิบัติกับพวกเราราวกับว่าพวกเราเป็นเพียง “มนุษย์เครื่องจักรเก็บเบอร์รี่” ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินหล่อเลี้ยง ก็สามารถเดินขึ้นเขาลงเขาเก็บเบอร์รี่วันละ 12-15 ชั่วโมง โดยไม่ต้องพัก ให้กินบะหมี่ ข้าวและไข่ด้วยเงินวันละ 1 ยูโร ให้พักนอนวันละ 3-4 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว ก็ถือเป็นบุญคุณยิ่งนักแล้วต่อมนุษย์เครื่องจักรผู้โง่เขลาและยากจนจากประเทศไทย

พวกเราขอยืนยันว่า ที่พวกเราพยายามทำงานอย่างหนักเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะเราเป็นมนุษย์เครื่องจักร แต่เพราะเรามากันด้วยความตั้งใจว่า “จะมุ่งมั่นทำงานอย่างหนัก เพื่อเก็บเบอร์รี่ให้ได้มากที่สุด และได้รับเงินกลับบ้านให้ได้มากที่สุด” คำอ้างของบริษัท Ber-Ex ว่าพวกเราเป็นคนขี้เกียจ เป็นคำอ้างที่สร้างความเจ็บปวดกับพวกเราอย่างมาก การพูดของบริษัท Ber-Ex ทุกครั้งที่พวกเราอ้าปากพูดต่อรองเรื่อง “ย้ายหรือไม่ย้าย” ไปหาแหล่งเบอร์รี่ว่า “ถ้าไม่เก็บ ถ้าไม่ย้าย ก็กลับบ้านไป” ที่อาจดูไม่รุนแรงในสายตาของคนที่ไม่ได้อยู่ในความกดดันเรื่องหนี้สินเช่นพวกเรา แต่สำหรับพวกเราทุกคน เมื่อได้ยินคำนี้ตั้งแต่สัปดาห์แรกแห่งการทำงาน มันเป็นความกดดันที่ยิ่งใหญ่ และยิ่งเมื่อได้ยินทุกครั้งที่เราเปิดปากพูดกับตัวแทนบริษัท Ber-Ex มันกลายเป็นคำพูดที่ส่งผลต่อความสูญเสียอำนาจการตัดสินชะตาชีวิตของพวกเรา ที่ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อโอกาสในการเก็บเบอร์รี่ให้ได้ตามเป้าที่ทุกคนตั้งไว้

พวกเรา 20 คน เป็นคนเคยเก็บเบอร์รี่มาก่อนทั้งที่สวีเดนและฟินแลนด์ และเป็นคนที่รู้ภูมิประเทศและแหล่งเบอร์รี่พอสมควร พวกเราขอยืนยันด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนสู้ชีวิตว่าปัญหาทั้งหลายทั้งปวงที่พวกเราได้พบเจอเกิดจากความไม่รับผิดชอบ ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ และไร้ศักยภาพของบริษัท Ber-Ex ที่จะจัดการดูแลคนงานที่บริษัทนี้ไปชักชวนมาทำงานพร้อมกับทำให้เชื่อว่า “มีเบอร์รี่เยอะ มีคนหาป่าให้ ถ้าไม่มีบริษัทจะย้ายแคมป์ไปหาแหล่งเบอร์รี่” “ได้เงินกลับบ้านแน่” และอีกหลายอย่างที่แตกต่างอย่างหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อพวกเราเดินทางมาถึงฟินแลนด์แล้ว

พวกเรา 50 คน ได้ใช้เวลาตั้งแต่มกราคม 2556 ในการดำเนินเรื่อง หมดเงินกันคนละกว่าแสนบาท ทั้งเงินส่วนตัวและเงินจากการกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาใช้ในการเดินทางและใช้จ่ายในการเก็บเบอร์รี่ครั้งนี้ (พวกเรามีรายละเอียดจำนวนเบอร์รี่ที่เก็บ และรายละเอียดเงินกู้และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่พร้อมนำส่งมอบเพื่อเป็นพยานหลักฐาน)

ขณะนี้พวกเราถูกกดดันจากหลายทางให้ต้องกู้หนี้ใหม่ เพื่อซื้อตัวเครื่องบินใบใหม่ หลังจากบริษัท Ber-Ex ได้ทำการเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินขากลับของพวกเราจากวันที่ 2 และ 4 ตุลาคม 2556 มาเป็นวันที่ 14 กันยายน 2556 แม้ว่าพวกเราจะยืนยันทั้งกับบริษัท Ber-Ex และสถานทูตไทยว่าเราไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนตัว แม้ว่าทนายความของพวกเราจะเดินทางไปยังที่ทำการใหญ่ของสายการบินฟินแอร์เพื่อเจรจาด้วยตัวเองก็ตาม ก็ไม่สามารถยุติการกระทำครั้งนี้ของบริษัท Ber-Ex ได้

ขณะนี้ บริษัท Ber-Ex แจ้งกับทางสถานทูตไทยว่า จะหักเงินค่าเปลี่ยนตัวจากคนงานคนละ 150 ยูโรจากพวกเรา และยินดีจะให้เงินคนงานกู้เพื่อซื้อตัวกลับบ้านใบใหม่ - มันเป็นเรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออก

พวกเราขอร้องเรียนมายังรัฐบาลฟินแลนด์ว่า ในกระบวนการเดินทางมาครั้งนี้ บริษัทเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์ รวมทั้งบริษัท Ber-Ex ได้รับโควต้านำคนไทยเข้ามาเก็บเบอร์รี่ ตามความเห็นชอบจากกระทรวงต่างประเทศของประเทศฟินแลนด์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คนงานชาวไทยไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีและถูกละเมิดสิทธิแรงงานและสิทธิความเป็นมนุษย์เช่นนี้ ทางการรัฐบาลฟินแลนด์จะมีมาตรการอย่างใดบ้างที่จะช่วยเหลือพวกเรา

พวกเราต้องการกลับบ้าน ต้องการกลับไปหาครอบครัว แต่ในสภาวะที่กลับไปแล้วก็จะต้องเจอนายหน้าเงินกู้มารออยู่หน้าประตูบ้านเช่นนี้ ในขณะที่พวกเรายังไม่ได้รับเงินค่าผลไม้หรือค่าชดเชยความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้นจากบริษัท Ber-Ex เราไม่สามารถกลับบ้านได้

พวกเราจึงเขียนจดหมายฉบับนี้มายังรัฐบาลฟินแลนด์และผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมหามาตรการแก้ไขปัญหาของพวกเรา ดังนี้
1. การติดตามอย่างเร่งด่วนให้บริษัทจ่ายรายได้ค่าเบอร์รี่ของพวกเราโดยไม่มีมีการหักเงินใดๆ ทั้งสิ้น

2. บริษัท Ber-Ex ต้องรับผิดชอบความเสียหายเรื่องตั๋วเครื่องบิน เพราะบริษัททำการเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินที่ซื้อโดยเงินที่พวกเรากู้ยืมมา ดังนั้นเมื่อบริษัท Ber-Ex ทำการเปลี่ยนตั๋วโดยพละการแม้ว่าพวกเราจะยืนยันไม่ให้เปลี่ยน บริษัทต้องรับผิดชอบจัดหาตั๋วเครื่องบินใบใหม่ให้กับพวกเรา โดยไม่ใช่ด้วยเงื่อนไขเงินกู้และให้เราต้องจ่ายเงินค่าเปลี่ยนตั๋วเช่นที่บริษัทพยายามทำอยู่ตอนนี้

3. พวกเราอยากให้รัฐบาลฟินแลนด์ตระหนักถึงความหนักหน่วงของปัญหาหนี้สินของพวกเรา ถ้ามีมาตรการช่วยเหลือหรือเยียวยาอย่างไรบ้างเพื่อให้พวกเราสามารถกลับบ้านโดยมีเงินไปใช้หนี้ ก็จะเป็นการลดทอนความกดดันต่างๆ และทำให้พวกเราสามารถเดินทางกลับบ้านได้

4. พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะได้รับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการฟ้องร้องตามกระบวนการยุติธรรมที่ฟินแลนด์

ทั้งนี้ พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต ถ้าจะมีการนำเข้าแรงงานไทยมาเก็บเบอร์รี่ต่อไป รัฐบาลฟินแลนด์และรัฐบาลไทยจะร่วมกันวางมาตรการเพื่อคุ้มครองคนเก็บเบอร์รี่ ถ้าไม่สามารถใช้ระบบ “รัฐต่อรัฐ” ได้ก็ขอให้มีมาตรการที่รัดกุมมากขึ้นในการป้องกันความเสียหายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และรัฐบาลทั้งสองประเทศควรจะหาทางยุติขบวนการค้ามนุษย์แรงงาน “คนงานเก็บเบอร์รี่” จากประเทศไทยมาประเทศฟินแลนด์ ทั้งนี้ในกระบวนการที่มีผู้ได้รับประโยชน์หลายทอดจากคนเก็บเบอร์รี่ (สาย - ตัวแทนบริษัทในประเทศไทย - นายทุนเงินกู้ - ธกส. - สายการบิน - บริษัทประกันสุขภาพ - กระทรวงแรงงาน - สถานทูต - บริษัทรถเช่าที่ฟินแลนด์ - เจ้าของบ้านพัก - บริษัทพาคนมาเก็บเบอร์รี่ และ บริษัทรับซื้อเบอร์รี่) ซึ่งในกระบวนการนี้ “คนงานเก็บเบอร์รี่” เป็นคนเพียง “คนกลุ่มเดียว” เท่านั้น ที่ลงเงิน ลงความเสี่ยง และ “ออกแรงทำงาน” ซึ่งในกระบวนการจัดการเช่นนี้ นอกจากการเอารับเอาเปรียบจะรุนแรงจนยากที่คนเก็บเบอร์รี่คนหนึ่งจะได้กำไรแล้ว มันยังไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง และยังเป็นการทำให้การเอาเปรียบแรงงานกระทำได้อย่างถูกกฎหมายอีกด้วย

จึงเรียนมาเพื่อขอให้ทางรัฐบาลฟินแลนด์ โปรดพิจารณาช่วยเหลือพวกเราอย่างเร่งด่วน

ขอแสดงความนับถือ

กลุ่มคนงาน Ber-Ex 50 คน


1. บานเย็น วันทอง
2. สุขใจ ธงศรี
3. เจริญ ธงศรี
4. อนันต์ ชำนาญ
5. สุชาติ กลางสุวรรณ์
6. ประดิษฐ์ ทุมบุญมา
7. สมชาย ชำนาญ
8. สุบรร ชำนาญ
9. วุฒิชัย เสนานาม
10. เกียตริศักดิ์ พรมแพง
11. นรินทิพย์ ก้อนมาตร
12. ไพรสันติ จุ้มอังวะ
13. ชาญชัย ก้อนมาศ
14. อุบลรัตน์ ซื่อสัตย์
15. พนม ซื่อสัตย์
16. เรืองรุจ นิรพงษ์
17. ประทิน ศรีเมฆ
18. กิตติศักดิ์ ก้อนมาตร
19. กรรณิการ์ หมื่นสุข
20. ยงยุทธ แท่นทอง
21. ชนะชัย ชำนาญ
22. เสถียร ชำนาญ
23. ปิยะ ชำนาญ
24. ศักดาวุฒิ ชำนาญ
25. ไฉน ศรีเปรม
26. สุทัศน์ อินทรวงค์
27. เทิดทูล น้อยบ้านเกิ้ง
28. สุดตา จันทคาม
29. สายทอง พรหมจารีย์
30. ดวง นาแถมเพชร
31. ชัยมงคล วงษ์สา
32. สีทัด พันธ์หลง
33. บุญสงค์ วงษ์ดา
34. ทนงศักดิ์ บุญปัญญา
35. คนอง ถาเหง่า
36. กิตติพงษ์ ราดดา
37. บุญมี วงศ์จันทร์
38. เอกพจน์ วงค์จันทร์
39. อรพรรณ ประทุมชาติ
40. เสถียร ทะวงษ์เงิน
41. บรรจงรักษ์ ขันทชัย
42. วิทวัฒน์ บุดดีคำ
43. สมจิตร กุลนิจ
44. พรทิพย์ แย้มชัยภูมิ
45. ชาญชัย แย้มชัยภูมิ
46. บุญรวย แย้มชัยภูมิ
47. กาญจนา สามยอด
48. มงคล จิตวิเศษ
49. นาวา สุวรรณ์
50. วสันต์ หมั่นบ่อแก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น