Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดราม่าการเมือง! บันทึกอภิปรายไม่ไว้วางใจกระดาษแผ่นเดียว เผยสัมพันธ์ สมจิตต์-อภิสิทธิ์-ปชป.พิสูจน์ธาตุแท้ “สื่อ”เลือกข้าง

จาก พระนครสาส์น


 และแล้ว “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.)” ก็แปลงร่างเป็น “เครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)” ปักหลักยึด “แยกอุรุพงษ์” เพื่อชุมนุมข้ามวันข้ามคืน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านบริเวณดังกล่าว
และล่าสุด ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับ “ผู้ประกอบสัมมาอาชีพ” ย่านนั้น …อย่างที่ผู้บริสุทธิ์ ไม่สามารถ ปฏิเสธได้ !!!
ภายใต้การนำของ “นิติธร ล้ำเหลือ” ทนายความในเครือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่มีชื่อรับว่าความให้กับเหล่า พธม. ที่เคยบุก“ม็อบยึดทำเนียบฯ-ยึดสนามบินและบุกเอ็นบีที”
และ “อุทัย ยอดมณี” นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง สังกัดพรรคการเมืองระดับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ชื่อ “พรรคสานแสงทอง”
ซึ่งก็ทำให้การชุมนุมของกลุ่ม คปท.ที่ยึดแยกอุรุพงษ์ เป็นเรือนนอน ในขณะนี้นั้นมีขุมกำลังจาก “พรรคสานแสงทอง” พรรคการเมืองระดับนักศึกษาของ “มหาวิทยาลัยรามคำแหง” , กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาภาคใต้, เครือข่ายกลุ่มกรีน ที่ “สุริยะใส กตะศิลา” อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นหัวเรือใหญ่ เท่านั้น
ในแต่ละค่ำคืน จึงมีผู้ร่วมชุมนุมอยู่เพียง ไม่กี่สิบคน !
และผู้มาร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ ก็กลายร่างมาจาก “เครือข่าย พธม.สาย สาวกประชาธิปัตย์” นั่นเอง !!!
หนึ่งในนั้นก็คือ “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ผู้ที่อ้างว่าตัวเองเป็น “ผู้สื่อข่าว” สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 นั้น ที่มีภาพโผล่ร่วมในการชุมนุมของ “คปท.” ที่กำลังยึดแยกอุรุพงษ์ด้วย
โดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” นั้น คือ “ผู้สื่อข่าว” ที่ตั้งคำถามมากมายและถูกตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับ “การทำหน้าที่” และ “ความน่าเชื่อถือ” เป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปรากฏข้อมูลข้อเท็จจริงจากหลายฝ่ายถึง “ความเอนเอียง” และ “เลือกข้าง” อย่างน่ากังขา 
โดยเฉพาะการแสดงออกซึ่งความชื่นชม “พรรคประชาธิปัตย์” ออกนอกหน้า
และถูกตั้งข้อสังเกตการใช้ “วิชาชีพสื่อสารมวลชน” มาบังหน้า เพื่อเปิดฉากโจมตี “ฝ่ายตรงข้ามพรรคประชาธิปัตย์” อย่างไม่ปราณีปราศรัย
ชวนทำให้สังคมตั้งคำถามไปถึง “สื่อมวลชน” ทั้งหมดว่า พฤติกรรมเช่นนี้ คือพฤติกรรมปกติ ของ “ผู้สื่อข่าวการเมืองไทย” ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองเกิดความขัดแย้ง
โดย “พระนครสาส์น” ตรวจสอบพบว่า “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” กับ “พรรคประชาธิปัตย์” นั้นไม่ได้ “เพิ่งจะ” ผูกพันกันในยุคที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นหัวหน้าพรรค
แต่ “สมจิตต์” และ “พรรคประชาธิปัตย์” ไปจนถึง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เกี่ยวข้องกันมานานเกือบ 20 ปี!!!
โดยรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 19 ปีที่ 2 ครั้งที่ 22 ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 18-20 กันยายน 2539 ซึ่งเป็นบันทึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งประวัติศาสตร์ ที่การเมืองไทย ต้องจารึกเอาไว้
เนื่องจากเป็นการ “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่ “สังคม” ทั่วไป รับรู้กันเป็นอย่างดีว่า “พรรคประชาธิปัตย์” กล้าใช้ “เอกสารปลอม” กลาง “สภาผู้แทนราษฎร” เพียงเพื่อจะทำลายล้าง “นายบรรหาร ศิลปะอาชา” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 20 กันยายน 2539 ซึ่งเป็นวันอภิปรายวันสุดท้าย นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เพียงแต่จะ “กล้า” ลุกขึ้นอภิปราย “นายบรรหาร ศิลปะอาชา” ด้วยการหยิบยกเอกสาร 3 ฉบับขึ้นมากล่าวอ้าง โดยฉบับที่ 1.เป็นเอกสารการย้ายที่อยู่ของนายบรรหาร 2.เอกสารอนุญาตให้ใช้ชื่อสกุลศิลปะอาชา และ 3.อ้างถึงเอกสาร ส.ด.1 บัญชีทหาร
พร้อมกับลั่นวาจาเอาไว้กลางสภาผู้แทนราษฎรว่า “ส.ด.1 บัญชีทหาร ที่ท่านต้องการพิสูจน์ว่าท่านมีสัญญาติไทย ท่านต้องถูกเกณฑ์ทหาร” !!!
ตามที่ “พระนครสาส์น” ได้นำเสนอเอาไว้ ในเรื่อง “17 ปีโกหกกลางสภา ปชป.:เอกสารปลอมป้ายสีสัญชาติบรรหาร โคตรฮา!มาร์คท้าคนไทยต้องเกณฑ์ทหาร”
( http://www.phranakornsarn.com/cockroach/1977.html )
แต่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันนั้นของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ยังได้เกี่ยวโยงกับ “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” อย่างประหลาด
โดยใน “รายงานการประชุมสภาฯ” หน้า 271 ได้บันทึกคำอภิปรายของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในวันที่ 20 กันยายน 2539 เอาไว้โดยละเอียด ซึ่ง “นายอภิสิทธิ์” พยายามที่จะใช้ “วาจา” ในโจมตี “นายบรรหาร” ด้วยประเด็นของการแทรกแซงสื่อ
โดนระบุว่า “ท่านเชื่อว่ามันเหมือนอดีตว่าสื่อสามารถมาประชุมกันสัก ประมาณ 18 คนได้ แล้วก็สั่งให้เชียร์ก็ได้ ให้ด่าก็ได้ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว อาจจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว แล้วเวลาท่านได้แสดงกิริยาต่างๆ หลายครั้งมันถึงออกมาครับ เช่นกรณีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสั่งให้เปลี่ยนตัวผู้สื่อข่าวกรมประชา สัมพันธ์ในการติดตามคณะรัฐมนตรีเดินทางไปประชุมรัฐมนตรีเอเป็ค (APEC) ที่ประเทศญี่ปุ่น 27 พฤศจิกายน 2538 การเรียกผู้บริหารช่อง 7 เข้าพบขอให้ย้าย นางสาวสมจิต นวเครือสุนทร จากทำเนียบรัฐบาลไป และล่าสุดก็เรื่องช่อง 5”
บันทึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก.ย.2539 มีนับพันหน้า ด้วยข้อจำกัดเรื่่องพื้นที่ จึงขอนำเสนอเพียงหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ทำให้เราได้รู้ว่า เรื่องดังกล่าว ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” อ้างว่าเกิดขึ้นในปี 2538 ก็ได้ถูก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ “พรรคประชาธิปัตย์”หยิบจับเอามาใช้เป็น “ดราม่าการเมือง” ในปี 2539
โดยมี “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ผู้สื่อข่าวช่อง 7 เป็น “ตัวละครหลัก” แล้ว “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ “พรรคประชาธิปัตย์” ก็รับลูกเอามาขยายผลโจมตีฝ่ายตรงข้าม   
ซึ่งสุดท้ายมาจนวันนี้เกือบ 20 ปีแล้ว ข้อ กล่าวหาที่ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กล่าวหา “นายบรรหาร ศิลปอาชา” ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “สัญชาติ-เอกสารทางทหาร” หรือแม้กระทั่งการ “แทรกแซงสื่อด้วยการขอให้โยกย้ายสมจิตต์ ???
ได้รับการยืนยันจาก “ระยะเวลา” อย่างชัดเจนว่า “ทั้งหมด” นั้น ไม่มี “ความจริง” แม้แต่น้อย
เพราะถึงขณะนี้  ”นายบรรหาร” ก็ยังคงมี “สัญชาติไทย” และก็ไม่ได้ถูกดำเนินคดีข้อหาหนีทหาร หรือใช้เอกสารการเกณฑ์ทหารปลอม ที่สำคัญคือ “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ก็ยังคงเป็น “ผู้สื่อข่าวช่อง 7″ ที่เข้านอกออกในทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา สบายใจเฉิบ !!
ดราม่าการเมือง ที่เกิดขึ้นกับ ผู้สื่อข่าววิเศษ ที่ชื่อ “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” เพียงคนเดียว แล้ว “พรรคประชาธิปัตย์” นำไปขยายผลใช้เพื่อผลประโยชน์นั้น
ระยะเวลาผ่านมาเกือบ 20 ปี ยังคงเป็น “สตอรี่” เดิมๆ “ตัวละคร” เดิมๆ และ “ดราม่า” แบบเดิม … เพียงเพื่อ “ทำลายล้าง” ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เท่านั้น  !!! 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น