โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
ไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯเท่านั้น แต่รวมถึงคนไทยอีกจำนวนมากที่คาดหวังว่า ผลการเลือกตั้ง 3 มีนาคมนี้ จะสร้างจุดเปลี่ยนทางการเมืองขึ้นมาได้
ให้สังคมไทยก้าวพ้นปัญหาความแตกแยกอันยืดเยื้อ
ก้าวข้ามไปให้ได้สักระดับหนึ่ง
ถ้าผู้มีสิทธิลงคะแนน ช่วยกันแสดงให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยปฏิเสธขบวนการขยายความขัดแย้งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด
พวกที่โหมกระแสความแตกแยก 2 ขั้ว เพื่อหวังเอามาเป็นประโยชน์ให้กับผู้สมัครบางคน
สมควรถูกคนกรุงเทพฯช่วยกันปฏิเสธ ผ่านบัตรลงคะแนน
แสดงเจตนารมณ์ให้เห็นว่า ไม่ได้เลือกเพราะตกอยู่ในกระแสแห่งความหวาดกลัว ดังที่พยายามปลุกปั่นกัน
ไม่หลงกลมุขเก่าๆ ที่ทำให้ชาวบ้านขวัญผวา ทำนองว่าถ้าเลือกพรรคนั้น เลือกคนนั้น จะนำมาสู่ความหายนะทางการเมือง
การเลือกๆ คนมาบริหาร กทม. จะถึงขั้นเสียเมืองหลวง เป็นเมืองขึ้นได้อย่างไร
ขู่บังคับกันขนาดนี้ คนกรุงเทพฯอย่าไปยินยอม
เวทีเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ต้องเต็มไปด้วยเสรีภาพของประชาชนในการพินิจพิจารณา โดยมองประโยชน์การพัฒนาท้องถิ่นเมืองหลวงเป็นสำคัญ
ปัญหาใหญ่ของคนกรุงเทพฯวันนี้ มีทั้งรถติด ระบบขนส่งมวลชน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การทำมาค้าขาย สิ่งแวดล้อมมลพิษ อุทกภัยใหญ่น้อย
จึงต้องเลือกผู้ว่าฯที่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้
เลือกคนความคิดกว้างไกล ทันสมัย มีศักยภาพ มีความคุ้นเคยรักใคร่ชาวบ้าน รู้จักคนเมืองหลวงเป็นอย่างดี มีฐานพรรคการเมืองสนับสนุนเพื่อรับประกันว่า บริหารเมืองใหญ่ได้จริง
บรรยากาศการเสนอตัวของผู้สมัครที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็อวดประชันนโยบาย วิสัยทัศน์ ให้คนกรุงเทพฯรับไปตัดสินใจ
บนพื้นฐานผลประโยชน์ของท้องถิ่นกรุงเทพฯ
แต่เมื่อบางพรรคบางกลุ่มเล่นเลยเถิด ไปลากเอาความขัดแย้งการเมืองใหญ่มาใช้เขย่าขวัญผู้คน แล้วชี้นำให้เลือกเฉพาะคนของตน บังคับไม่ให้เลือกอีกฝ่าย
อย่างนี้ คนกรุงเทพฯต้องช่วยกันยืนยันในหลักสิทธิเสรีภาพ
อีกทั้งต้องทำให้เห็นว่า เลือกผู้ว่าฯบนประโยชน์ของท้องถิ่น
ไม่ใช่ประโยชน์ของคนที่ฉกฉวยโอกาสจากการสร้างความหวาดผวาในการเมืองใหญ่
3 มีนาคมนี้เข้าคูหาเลือกตั้งโดยไม่ยอมรับวงจรความขัดแย้งแตกแยกอย่างสิ้นเชิง
เปลี่ยนปรุงเทพฯ และก้าวข้ามปัญหาการเมืองไปให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น