แฉ! 8ผู้รับเหมายื่นร้อง ค้านอนุมัติรวมสัญญา
จากข่าวสดออนไลน์
เรียบเรียงโดย Sunai FanClub
ดีเอสไอพบหลักฐานเด็ดพัวพันถึง "มาร์ค"ในคดีโรงพักแฟลตตำรวจร้าง เผยก่อนอนุมัติให้รวมสัญญา กลุ่มผู้รับเหมาทำหนังสือค้านถึงนายกฯ-เทือก ขอร้องอย่าอนุมัติ ระบุกีดกันรายอื่นเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมาเพียงรายเดียว เข้าข่ายฮั้ว แต่ไม่ฟัง "ธาริต"เตรียมเรียกอภิสิทธิ์ชี้แจงด้วย ด้านเหลิมย้ำงานนี้เทือก-มาร์คหนักแน่ ประสานปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย เผยพีซีซีมีกรรมการบริษัทแค่ 2 คน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เชียงใหม่ ปชป.แถลงโต้อ้างไม่มีการฮั้วประมูล ผู้รับเหมายื่นราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางจึงได้งานไป โวยทำไมเรียกสอบแต่ผบ.ตร.สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ด้าน "วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี"พร้อมชี้แจง
เหลิมจวกปชป.มั่วข้อมูล-หวังปัดผิด
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐ มนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย 163 แห่ง และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศ การดำเนินการในเรื่องนี้ครั้งแรกเกิดขึ้นในสมัยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผบ.ตร. ต่อเนื่องมาถึงพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ แล้วมาที่พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี แต่พล.ต.อ.วิเชียรไม่ได้อยู่ในเรื่องการเสนอ ขณะที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ไม่มีส่วนเกี่ยว ข้อง เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ งานนี้พรรคประชาธิปัตย์รับไปเต็มๆ ซึ่งตนได้เห็นเอกสาร แล้ว ก็คิดว่าเขากล้าทำขนาดนี้หรือ
ต่อข้อถามว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการก่อ สร้างดังกล่าว จะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า หลังจากการเปลี่ยนแปลงการทำสัญญาจากหลายฉบับให้มาเป็นทำเพียงฉบับเดียว ไม่มีหนังสือสั่งการ หรือถ้ามีหนังสือเขาก็ยังเก็บไว้ แต่ตนยืนยันว่าพล.ต.อ. เพรียวพันธ์ และพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ไม่เกี่ยวกับปัญหาการก่อสร้างดังกล่าว เพราะตอนนั้นพล.ต.อ.พงศพัศ เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. อีกทั้ง ผู้อนุมัติเป็นฝ่ายการเมือง แล้วตร.ไปทำสัญญา
ดึงปปง.ช่วยสอบเส้นทางการเงิน
ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือที่ร้องเรียนถึงกรณีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อค่ำวันที่ 5 ก.พ. ในส่วนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส. สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องรับผิดชอบนั้น ตนไม่อยากพูดลงลึก แต่เรื่องนี้เราต้องหาคนทำผิดให้ได้ ส่วนผู้ที่จะถูกเอาผิด จะเป็นเฉพาะฝ่ายการเมืองหรือไม่ ไม่ทราบ ตนไม่กล้าพูด เพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สำหรับบริษัทที่ก่อ สร้างนั้น เรามีข้อมูลประวัติความเป็นมาและรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดแล้ว อีกทั้งในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เจ้าหน้าที่จะไปที่ธนาคารออมสิน เพื่อตรวจสอบการโอนเงินและเส้นทางการเงิน ขณะเดียวกันตนได้ขอให้พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย อย่าให้คนชั่วลอยนวล ซึ่งเลขาธิการปปง.รับเรื่องไปช่วยตรวจสอบแล้ว อีกทั้ง ตนได้บอกกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้วว่าอย่าไปกลั่นแกล้งใคร และไม่ต้องกลัวว่าจะมา กระทบตน เพราะตนสั่งให้ทำตามกฎหมาย
ผบ.ตร.เตรียมเรียกถกหน.สภ.ร้าง
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มีแนวคิดว่าจะเชิญหัวหน้าสถานีทั้งหมด 396 แห่ง ที่เกิดปัญหามาคุยหารือกัน พร้อมกับจะให้โยธาธิการจังหวัดเตรียมแนวคิดผังระบบงานชั่วคราว จัดรูปแบบต่างๆ ของสถานีชั่วคราวเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างสะดวก เช่น เพิงสถานีชั่วคราว จุดรับแจ้งเหตุร้อยเวรอยู่ตรงไหน จุดสอบสวนตรงไหน ห้องควบคุมผู้ต้องหาอยู่จุดไหน จะต้องมีลักษณะอย่างไร สำหรับสถานที่สร้างโรงพักชั่วคราวก็ขึ้นกับแต่ละแห่งว่าจะเลือกเอาที่ไหนเหมาะสม หาตรงไหนได้ บางแห่งที่ตนไปดูมาแล้ว คือ สภ.สาวชะโงก ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ก็ใช้บ้านพักชั้นประทวน เสียสละบ้านพักมา 1 ห้อง เอาชั้นล่างมาเป็นที่บริการประชาชน เป็นที่นั่งของสิบเวร พนักงานสอบสวน ทำให้สามารถที่จะทำงานกันไปได้ ตอนนี้กำลังหาสถานที่ประชุมอยู่ เพราะมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมากจาก 396 แห่ง โดยมีหัวหน้าสถานีทั้งหมด รวมทั้ง รอง ผบก.ที่รับผิดชอบดูแลมาร่วมประชุมด้วย รวมผู้เข้าประชุมกว่า 400-500 คน อาจจะใช้สโมสรตำรวจ ส่วนมติของคณะกรรมการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการตำรวจทดแทนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด มั่นใจว่าข้อมูลข้อเท็จจริงมีเพียงพอที่จะสามารถบอกเลิกสัญญาได้ในวันที่ 14 มี.ค.นี้
ดีเอสไอพบหลักฐานมาร์ครู้เห็น
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนโครงการก่อ สร้างอาคารสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 หลัง และโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยหรือแฟลต ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จำนวน 163 แห่ง รวมวงเงินค่าก่อ สร้างทั้ง 2 แห่ง กว่า 6 พันล้านบาท ว่า ล่าสุดดีเอสไอพบหลักฐานสำคัญว่าก่อนหน้านี้ที่จะยกเลิกการอนุมัติก่อสร้างเป็นรายกองบัญชา การภาค 1-9 เป็นการประมูลแบบรวมจากส่วนกลาง บริษัทผู้รับเหมาเคยรวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านถึงนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ซึ่งหลักฐานดังกล่าวระบุว่า หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเปลี่ยนแปลงนโยบายเดิมจากการประมูล รายภาคมาเป็นสัญญาเดียวทั้ง 2 โครงการ ก็ขอให้นายกรัฐมนตรี อย่าได้ลงนามอนุมัติหรือเห็นชอบโดยเด็ดขาด เพราะการจัดซื้อจัดจ้างวิธี ดังกล่าวจะเป็นการกีดกันผู้รับจ้างในส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้รับจ้างส่วนใหญ่ของประเทศ นายกฯเห็นชอบและอนุมัติจะเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้รับจ้างเพียงรายเดียวทันที เพราะผู้รับจ้างในภูมิภาคมีผลงานการก่อสร้างและวงเงินค้ำประกันสัญญาไม่สูงพอที่จะรับงาน อีกทั้งการก่อสร้างโดยรวมเพียงสัญญาเดียวก็ขัดต่อความเป็นจริงโดยทั่วไป เพราะผู้รับจ้างรายเดียวไม่สามารถก่อ สร้างอาคารในสถานที่ห่างไกลทั่วประเทศได้ภายในระยะเวลาพร้อมกัน พร้อมยกตัวอย่างความล้มเหลวการจัดจ้างแบบรวบสัญญาแบบ ที่สตช.เคยประสบมาแล้ว คือแฟลตตำรวจที่มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการ แล้วไม่สามารถแล้วเสร็จตามสัญญา เช่น ในจังหวัดภาคเหนือและชายแดนภาคใต้ที่ใช้เวลาก่อ สร้างนาน 4-5 ปีบางแห่งมีการละทิ้งงาน ทำให้โครงการก่อสร้างไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของทางราชการ
เข้าข่ายฮั้ว-เตรียมเรียกมาร์คแจง
"อีกทั้งช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานหรือกระทรวงใดใช้แนวทางจัดจ้างแบบรวมงบประมาณเป็นสัญญาเดียว เช่นการก่อ สร้างโรงพยาบาล หอพักแพทย์ พยาบาลทั่วประเทศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับการ จัดสรรงบประมาณภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (เอสพี 2) เช่นเดียวกับ สตช. ก็ไม่ใช้วิธีจัดจ้างแบบรวมสัญญา ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายฮั้วประมูล โดยหนังสือฉบับดังกล่าวมีการเข้าชื่อกันเป็นหางว่าวรวม 8 บริษัท โดยชื่อแรกที่ร่วมคัดค้านคือบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทั้งนี้ ดีเอสไอจึงเห็นควรว่าจำเป็นต้องเรียกนายอภิสิทธิ์เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นกัน" อธิบดีดีเอสไอกล่าว
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีเอกสาร หลักฐานชัดเจนว่ามีการส่งหนังสือฉบับดังกล่าว ส่งให้บุคคลทั้งสอง แต่การคัดค้านไม่เป็นผล ฝ่ายการเมืองยังคงสั่งอนุมัติยกเลิกให้รวมเป็นสัญญาเดียว เมื่อมีหลักฐานโยงไปถึงนายอภิสิทธิ์ ตนได้หารือพนักงานสอบสวนแล้วว่านอกจากนายสุเทพ แล้วจำเป็นต้องเชิญ นายอภิสิทธิ์มาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรม ทั้งนี้ หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์ซึ่งดีเอสไอยังพบการกระทำ ความผิดเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกง ซึ่งล่าสุดมีบริษัท รับเหมาช่วง 5 บริษัท เข้ามาให้ถ้อยคำและร้องทุกข์ฐานฉ้อโกงกับบริษัท พีซีซีฯ ซึ่งมีพฤติการณ์ทั้งฉ้อโกงงบประมาณ สตช.ที่มีการเบิกจ่ายไปแล้วมากกว่า 1,500 ล้านบาท รวมถึงฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง ด้วยการจ่ายเงินไม่ครบ หรือไม่จ่ายเงินค่าจ้าง แต่ได้งานไปของบจากสตช.เพิ่ม
"จากกรณีดังกล่าวดีเอสไอจึงได้อนุมัติให้สอบสวนกรณีฉ้อโกงเป็นคดีพิเศษทันที โดยเชื่อว่ายังมีผู้รับเหมาอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้ร้องทุกข์ ซึ่งดีเอสไอขอให้มาร้องทุกข์ต่อเนื่อง ได้ทันที อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการสอบสวนพบข้อเท็จจริงพอสมควรว่ามีการหลอกลวง ปกปิดข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้มาซึ่งงบประมาณของสตช. ในวันนี้จึงได้ทำหนังสือถึงผบ.ตร.ในฐานะที่สตช.เป็นผู้เสียหายโดยตรงเข้ามาร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกงกับดีเอสไออย่างเป็นทางการแล้ว" นายธาริตกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้การสอบสวนพบมีนักการเมืองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแล้วหรือไม่ นายธาริตกล่าวว่า จากการสอบสวนพบมีข้อมูลบางอย่างเชื่อมโยงกัน แต่ดีเอสไอยังไม่ขอเปิดเผยเพราะเกรงว่าพยานจะไม่ได้รับความปลอดภัยและอาจกระทบกับรูปคดีได้
เปิดข้อมูลพีซีซี-มีกก.บริษัท 2 คน
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลจากสำนักบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนทรัคชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2548 มีกรรมการบริษัท 2 คน คือ นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 292/1 ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดิมชื่อ บริษัท กิจการร่วมค้าพีซีซี จำกัด และได้จดทะเบียนเปลี่ยน ชื่อเป็น บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนทรัคชั่น จำกัด เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2550
ธุรกิจหลักของบริษัท คือ ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และจัดทำโครงการ หรือรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ โครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ ค้าวัสดุสิ้นเปลือง วัตถุ ดิบผลิต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปทุกชนิด รวมทั้งประกอบกิจการให้เช่า และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
งบแสดงฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค.2554 มีสินทรัพย์ 3,350,404,572.02 บาท มีหนี้สิน 2,888,244,448.99 บาท มีรายได้ 1,704,698,357.21 บาท มีค่าใช้จ่าย 1,608,854,540.17 บาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 13,361,946.33 บาท
"วิเชียร"พร้อมชี้แจงดีเอสไอ-15ก.พ.
วันเดียวกัน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม อดีตผบ.ตร. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ได้รับหนังสือจากกรมสอบ สวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งตนพร้อมที่จะเดินทางเข้าชี้แจงตามนัดหมายของดีเอสไอในวันที่ 15 ก.พ. โดยวันที่ 6 ก.พ.ได้ทำหนังสือไปยังสตช. เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของสัญญาในโครงการ ดังกล่าวมาเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบ การเข้าชี้แจง เพราะมีรายละเอียดจำนวนมาก จำไม่ได้ทั้งหมด รวมทั้งยังเป็นโครงการที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552
"ผมมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวมีความโปร่ง ใส ไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น และพร้อมชี้แจงกับดีเอสไอ เพราะถือเป็นการทำตามหลักการและหน้าที่ของข้าราชการ ผมเป็นข้าราชการ ผมต้องทำตัวเป็นกลาง ยึดตามระเบียบและ ข้อกฎหมายเป็นหลัก"พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างโรงพักนั้นจากข้อเท็จจริงพบว่ามีการคัดเลือกตัวผู้รับเหมาและมีการรวมสัญญาก่อสร้างโรงพักเป็น 1 สัญญา มาตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค.2553 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ตนจะเข้ามารับ ตำแหน่งผบ.ตร. โดยตนเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนก.ย.2553 ก่อนที่จะย้ายไปรับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันที่ 18 ต.ค.2554 ซึ่งในครั้งนั้นคณะกรรมการที่รับผิดชอบคัดเลือกผู้รับเหมาได้พิจารณาคัดเลือกตามขั้นตอน โดยได้เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ในการรวมสัญญามาอย่างรอบคอบแล้ว
ปชป.แถลงโต้ไม่มีฮั้วประมูล
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายธาริตเตรียมเรียก 3 อดีตผบ.ตร. และนายสุเทพ เข้าชี้แจง ในคดีฮั้วการประมูลการก่อสร้างสถานีตำรวจ และอาคารที่พัก ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ขอชี้แจงว่า 1.ข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ ระบุว่า นายสุเทพสั่งให้มีการรวบประมูลการก่อสร้างโรงพักแบบรวมมาที่ ส่วนกลางนั้น ความจริงแล้วตามมติครม.อนุมัติงบประมาณก่อสร้างจำนวน 6,672 ล้านบาท ซึ่งทางสตช.เห็นว่า หากแบ่งให้ประมูลเป็นรายภาค อาจทำให้ผิดกับระเบียบการประมูลได้ จึงได้เสนอให้รวมมาประมูลที่ส่วนกลาง 2.การที่ดีเอสไอ พยายามระบุว่า โครง การนี้ส่อมีการฮั้วประมูล หรือผิดกฎหมายการประกวดราคานั้น ขอยืนยันว่าไม่มีการฮั้วประมูล เนื่องจากราคากลางที่ตั้งไว้ 6,388 ล้านบาทนั้น บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ประมูลที่ราคา 5,848 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท ขณะที่บริษัทที่สอง คือ หจก.สามประสิทธิ์ ประมูลต่ำกว่าราคากลางเพียง 293 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทที่เสนอในราคาต่ำสุดจึงได้งานไป
โยนให้รัฐบาลไปบริหารสัญญาเอง
นายชวนนท์ กล่าวว่า 3.บริษัทพีซีซีฯ เคยรับงานโครงการใหญ่ๆ จากภาครัฐมาจำนวนมาก เช่น สตช. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรมโยธา ธิการทหารบก ไม่ใช่เป็นบริษัทเล็กอย่างที่นายธาริต กล่าวหา และที่สามารถประมูลได้ในราคาต่ำ เพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทครบวงจร มีบริษัทลูกในเครือข่ายที่ผลิตคอนกรีต เสาเข็ม จึงสามารถประมูลต่ำกว่าราคากลางได้ 4.ปัญหา เรื่องเงิน บริษัทนี้ดำเนินการในลักษณะหมุนเงิน หลังจากที่เคยประสบปัญหารับงานก่อ สร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร แล้วไม่มีเงินไปจ่ายให้บริษัทซัพพลายเออร์ จนติดแบล็กลิสต์ แต่ในโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ เขาได้ส่งมอบงานไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนการก่อสร้างสถานีตำรวจก็กำลังดำเนินการ เขาได้เบิกเงินส่วนหนึ่งไปจริง แต่ไม่ได้หายไปไหน แต่ดำเนินการแบบหมุนเงินในโครงการ แต่ก็ถือว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องไปบริหารสัญญาให้ถูกต้อง เพราะโครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 54 และพรรคเพื่อไทยเข้ามา บริหารประเทศเกือบ 2 ปี ทำไมถึงไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง
ขู่ธาริต-ยันเทพเทือกเอาคืนแน่ๆ
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า 5.การที่ร.ต.อ. เฉลิมระบุว่า บริษัทพีซีซีฯ เป็นบริษัทของพ่อตานักการเมือง ที่จ.เชียงใหม่ พูดง่ายๆ ก็คือ พ่อตาของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ไม่ทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม เมาไวน์หรือไม่ เพราะบริษัทพ่อตาของนายเนวิน ชื่อบริษัทเชียงใหม่ คอนสตรัคชั่น ไม่เกี่ยวกับบริษัทพีซีซีฯ เลย แต่ก็อยากท้าให้นายธาริตเดินหน้าตรวจสอบได้เลย เพราะเชื่อว่านายสุเทพจะดำเนินการเอาผิดกับนายธาริต อีกกรณีหนึ่งแน่นอน และทุกอย่างชัดเจนว่า นายธาริตพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเล่นงานพรรคประชา ธิปัตย์ โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นเพียงการดิสเครดิตทางการเมือง และเชื่อว่าหลังเลือกตั้งเรื่องก็จะเงียบไป แต่เราจะไม่ปล่อยให้มันเงียบหาย จึงอยากขอท้าให้นายธาริต อย่าหยุดดำเนินการเรื่องนี้ และน่าแปลกที่นายธาริต จะเรียก 3 อดีตผบ.ตร.สมัยพรรคประชาธิปัตย์ มาให้ปากคำ แต่กลับไม่เรียกพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เข้าให้ปากคำ ทั้งที่เป็นผู้กำกับบริหารสัญญาโครงการนี้ 1 ปีกว่า ถือว่านานที่สุดในบรรดา อดีตผบ.ตร. และเหตุใดจึงไม่เรียกพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มาให้ปากคำด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพนัดแถลงชี้แจงกรณีปัญหาก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย 163 แห่ง และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำ การสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 7 ก.พ. เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา
อำนาจเจริญต้องใช้สภ.เก่าผุพัง
ที่จ.อำนาจเจริญ ผู้สื่อข่าวรายงานมีผู้รับเหมาทิ้งงาน ไม่สร้างโรงพักต่อตามสัญญาจ้างที่ตกลงกับทางราชการอีก 1 แห่งอยู่ที่ สภ. โพนทอง อ.เสนางคนิคม พ.ต.ท.ทวีวัฒน์ บัวศรี สวญ.หัวหน้าสภ.โพนทอง เปิดเผยว่าโรงพักแห่งนี้ใช้งานมาตั้งแต่วันเสียงปืนแตก 7 สิงหาคม 2508 สมัยที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคลื่อนไหว มีพื้นที่รับผิดชอบ 2 ตำบลคือ ตำบลโพนทอง ตำบลหนองไฮน้อย สภาพปัจจุบันทรุดโทรมมากห้องน้ำไม่มี ตำรวจต้องใช้โถส้วมทำเองไปไว้ในห้องขัง เคยมีผู้ต้องขังอาละวาดทุบห้องขังลงตรงหน้าต่างที่เก่าทั้งคนทั้งบานหน้าต่างตกลงพื้นดิน โชคดีที่สามารถจับผู้ต้องขังไว้ได้ทัน ตำรวจที่เข้าเวรยามทุกนายลำบากมาก ห้องขังจะทรุดโทรมต้องซ่อมทุกปี เนื่องจากสภาพไม้เก่าถูกปลวกกัดกินจนกระดานหาย ห้องเก็บของกลาง ไม้ฝากระดานแตกหลุดออก ส่วนฝ้าเพดานสังกะสีก็เก่ารั่ว ฝนตกเปียกน้ำทุกปี อยากให้ผู้รับ เหมาเดิมมาสร้างต่อ หรือไม่ก็ให้ทางราชการพิจารณาหาผู้รับเหมารายใหม่
สภ.พลูตาหลวงเทปูนเสาโด่เด่
ที่จ.ชลบุรี พ.ต.อ.เชาว์ศิริ บุญศิริโยธิน ผกก.สภ.พลูตาหลวง กล่าวถึงกรณีการก่อ สร้างโรงพักที่ถูกปล่อยทิ้งงาน ซึ่งขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเพราะมีการรื้อถอนตัวอาคารออกไปหมดแล้ว จากการตรวจสอบพบอาคารโรงพักที่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จซึ่งเทปูนขึ้นโครงเป็นที่เรียบร้อยแล้วในชั้นแรก ส่วนชั้นที่ 2 มีเพียงเสาปูนเท่านั้น ด้านหน้าอาคารมีป้ายของโครงการก่อสร้างที่ระบุว่าเป็นโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 หลัง มีบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสทรัคชั่น จำกัด เป็นผู้รับจ้าง โดยสัญญาจ้างเริ่ม 26 มีนาคม 2554 แล้วจะสิ้นสุดในวันที่ 27 มิถุนายน 2555 ในปัจจุบันทางสภ.พลูตาหลวงได้ใช้อาคารห้องประชุม ทั้ง 2 หลัง ของสภ.ที่สร้างไว้นานแล้วเป็นที่ทำการชั่วคราว
ด้านพ.ต.ท.พิเชษฐ์ แสงส่ง สว.อก. สภ.พลูตาหลวง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ต้องใช้ที่ทำการชั่วคราวมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว มีอุปสรรคในการทำงานบ้าง เรื่องความไม่สะดวก เมื่อมีการจับกุมผู้ต้องหาทางโรงพักไม่มีห้องขังที่มั่นคงแข็งแรงเพราะถูกรื้อออกไปหมด ต้องใช้เหล็กมาเชื่อมมาทำเป็นกรงควบคุมผู้ต้องหาแทน หากเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงก็จะต้องนำไปฝากขังที่สภ.สัตหีบ ที่อยู่ห่างออกไปถึง 12 กิโลเมตร นอกจากนี้การเก็บของกลางและยุทโธปกรณ์ก็ไม่มีที่เก็บที่มั่นคงแข็งแรง มากพอ
สตส.ส่ง40ชุดตรวจสอบสภ.ร้าง
เย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวภายหลังการประชุมเร่งติดตามกรณีดังกล่าวว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมร่วมกับคณะทำงานของศูนย์ติดตามโครงการการก่อสร้างโรงพัก โดยได้สั่งการเร่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในส่วนต่างๆ โดยเร็วที่สุด ทั้งการวางแผนในการออกแบบ เพื่อเตรียมการสำหรับการจัดหาผู้รับเหมารายใหม่ โดยเฉพาะการตรวจสอบงบประมาณและโครงสร้างที่ได้ดำเนินการเอาไว้แล้ว ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและแผนผังเมืองจังหวัดในการช่วยเหลือ จากนั้นสำนักงานตรวจสอบภายใน (สตส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะประชุมอีกครั้ง เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพในลงพื้นที่ประมาณ 40 ชุด ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ โดยจะวางแผนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วรายงานผลและติดตามให้แต่ละหน่วยดำเนินการตามที่ได้ทำหนังสือสั่งการไป ซึ่งจะให้ประเมินราคาที่จะสร้างและเนื้องาน เพื่อที่จะจัดหาใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องรอสรุปผลจากการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวเพื่อคำนวณราคาใหม่และกำหนดราคาจ้างผู้รับเหมารายใหม่ ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานตรวจสอบภายในจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจพื้นที่ที่มีโรงพักทั้ง 396 แห่ง ประมาณ 40 ชุด ชุดละ 2 นาย รับผิดชอบตรวจสอบชุดละ 10 โรงพัก ในวันที่ 10 ก.พ. ออกจากกทม. โดยคาดว่าน่าจะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น