Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จูดี้ขี่ดวงปูชูเบอร์ 9

โดย นายทหารเอกกรุงธน จาก RED POWER ฉบับที่ 33 เดือนกุมภาพันธ์  2556

 

          ในบรรดาคนดวงแข็ง ดวงดี ไม่มีใครที่จะเทียบนายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ได้

          นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือได้ว่าเป็นบุคคลแรกของโลกที่สามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่ใช้เวลาสั้นที่สุดเพียง 49 วัน และสามารถบริหารประเทศได้ดีภายใน 1 ปี ครองใจประชาชนจนโพลล์ทุกสำนักสำรวจความเห็นประชาชนได้ตรงกันว่ามีความเป็นผู้นำที่อดทนต่อแรงกดดันทางการเมืองได้เปอร์เซ็นต์สูงสุดเกือบคะแนนเต็ม 100 ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย

          เริ่มต้นของการเข้าชิงชัยเธอก็ได้เบอร์ 1 เป็นหมายเลขประจำตัว ในการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งถือเป็นความเฮงทางการเมืองในการเลือกตั้ง แต่มาวันนี้พอเธอแสดงตัวสนับสนุนแตะมือพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ ให้เข้าชิงชัยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พงศพัศ หรือ จูดี้ (นิคเนม) ก็ได้หมายเลข 9 อันเป็นหมายเลขมหามงคลและมหาเฮงแล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าจูดี้ขี่ดวงปูชูเบอร์ 9 ได้อย่างไร

          การได้เบอร์ 9 เป็นหมายเลขประจำตัวของพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ ในการเลือกตั้งผู้ว่า ก.ท.ม. ในจุดเริ่มต้นของการแข่งขันถือว่าเป็นความเฮงมหาเฮงของผู้สมัคร เพราะคนไทยร้อยละร้อยเชื่อในเลข 9 อีกทั้งในการดูฤกษ์ผานาทีก็จะใช้เลข 9 เป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้า จะเปิดร้าน ขึ้นบ้านใหม่ หรือจะออกจากบ้าน ก็ต้องดูเวลาให้มีเลข 9 ติดไว้เสมอ แม้แต่เลขทะเบียนรถยนต์ถ้าเป็นเลขตอง 9 ก็จะประมูลแพงสูงสุดในบรรดาเลขทะเบียนทั้งหมด

          ถ้ามาดูการจับหมายเลข 9 ของพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ ก็จะเห็นว่าเป็นการจับที่ไม่ได้จับ เพราะท่านพงศพัศเป็นคนจับคนสุดท้ายหรือเรียกได้ว่า ผู้สมัครผู้ว่า ก.ท.ม.ทั้งหมด 16 คน ในขณะจับเบอร์นั้น ช่วยกันจับให้ท่านพงศพัศได้หมายเลข 9 กันทุกคน รวมทั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร คู่แข่งคนสำคัญก็มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันด้วยการจับเบอร์ 16 อันเป็นเบอร์สุดท้ายไปครองก่อนเพื่อจะเหลือเบอร์ 9 ไว้ให้จูดี้

          จะบอกว่าจูดี้ขี่ดวงตัวเองเข้ามาแข่งขันทางการเมืองในทางไสยศาสตร์ก็ยังบอกไม่ได้เต็มปากเพราะคนที่ชูมือประกาศเปิดตัวพงศพัศในเวทีการเมืองครั้งแรกเมื่อวันอังคารกลางเดือนมกราคม คือคนที่ดวงดีที่สุดนามว่ายิ่งลักษณ์เพราะพอเธอประกาศบนเวที ชื่อพงศพัศซึ่งสังคมก็พอรู้จักอยู่แล้วก็มีความโด่งดังขจรขจายจนกลายเป็นมิสเตอร์เฮง

          จากความเชื่อในทางไสยศาสตร์ได้พัฒนาสู่ความเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยเพราะมหาชนคนหมู่มากเชื่อเช่นนั้นก็ย่อมมีผลต่อจิตวิทยาทางการเมืองที่ทำให้คนไม่รู้จัก ก็รู้จัก ทำให้คนที่พอรู้จัก ก็รู้จักมากขึ้น และทำให้คนที่รู้จักอยู่แล้วก็เกิดความผูกพันรักใคร่มีกำลังใจที่จะโถมกายเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนโดยไม่ต้องการสินจ้างรางวัลเพราะเชื่อในดวงของพงศพัศว่าจะได้เป็นผู้ว่า ก.ท.ม.แน่ๆ

          เวทีปราศรัยที่ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในบ่ายวันเดียวกันที่จับเบอร์ ( 21 มกราคม 2556) เป็นหลักฐานยืนยันถึงข้อสรุปนี้ เพราะมวลชนที่มาร่วมชุมนุมกันหนาแน่นและคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์การโฆษณาหมายเลข 9 กันอย่างหลากหลายรูปแบบล้วนแล้วแต่เกิดจากพลังใจของเมื่อเช้าของวันเดียวกันที่จับได้หมายเลข 9

          แน่นอนเมื่อฝ่ายพรรคเพื่อไทยเกิดกำลังใจก็ต้องมีฝ่ายที่เสียกำลังใจอันเป็นกฎทางวิทยาศาสตร์ ของสองด้านในองค์เอกภาพเดียวกัน ฝ่ายเสียกำลังใจก็คือพรรคประชาธิปัตย์ คู่แข่งที่ไม่เพียงแต่จะจับได้หมายเลขประจำตัวเป็นเลขสองหลักที่จำยากเท่านั้นแต่ยังได้เลขสุดท้ายปลายโหล่คือ เลข 16 ของการจับเบอร์วันนั้นด้วย

          การได้เลขสองตัวในทางวิทยาศาสตร์ก็จำยากอยู่แล้ว แต่กรณีของ                      ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ดันได้หมายเลขสุดท้ายของวันนั้นในทางไสยศาสตร์ถือว่าซวยสุดๆ

          และก็แน่นอนการได้หมายเลข 9 มหาเฮงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ยังไม่ชี้ขาดชัยชนะ พงศพัศ หมายเลข 9 ยังต้องระมัดระวังจังหวะก้าวในระหว่างเส้นทางเดินก่อนจะถึงวันเลือกตั้งวันที่ 3 มีนาคม 2556 ว่าโดยตัวเองต้องทุ่มเทหาเสียงอย่างหนักแล้วจะต้องใช้ความระมัดระวังสูงเพราะยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามที่เชื่อเรื่องดวงเป็นชีวิตจิตใจเมื่อเสียขวัญกำลังใจก็ย่อมจะต้องใช้วิธีพิฆาตโดยการจับผิดและโจมตีใส่ร้ายต่อเบอร์ 9 คนดวงดีให้ดวงดับให้ได้ รวมตลอดถึงจะต้องแก้เคล็ดแก้ดวงด้วยวิธีไสยศาสตร์ใช้ควายธนูเข้าเข่นฆ่าทำลาย ซึ่งสังคมไทยถนัดนักที่จะเล่นและเชื่อเช่นนั้น

          ดังนั้น การต่อสู้ทางการเมืองไทยจึงเป็นอะไรที่แปลกประหลาดที่สุดที่หลายประเทศไม่มีและไม่เคยพบ นั่นก็คือสู้กันทั้งบนดินและใต้บาดาลด้วยไสยศาสตร์เวทย์มนต์

          ในสนามเลือกตั้งก็เป็นธรรมดาที่มีทั้งแพ้และชนะ แต่ถ้าเกมส์นี้ พงศพัศ หมายเลข 9 ชนะก็บอกได้ทันทีว่าข่าวของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่จะพาดหัวตัวใหญ่ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทยแต่จะพาดหัวใหญ่ในสื่อสิ่งพิมพ์นิวยอร์คไทม์ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศด้วย เพราะวันนี้กรุงเทพฯหรือ BANGKOK ได้กลายเป็นมหานครของโลกไปแล้วและสื่อทั่วโลกกำลังจับตามองการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยตลอดระยะเวลา     6 ปีเศษ ที่ผ่านมานับแต่การรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 และวันนี้กำลังจะเกิดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งนับจากการเลือกตั้งใหญ่ที่คนไทยพร้อมใจกันเลือกผู้หญิงเป็นนายกฯอันเป็นประวัติศาสตร์ แต่เลือกผู้ว่า ก.ท.ม.กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ

          นับแต่นี้จนถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง เป็นภารกิจของคนกรุงเทพมหานครโดยแท้ที่จะตัดสินใจว่าจะยอมรับความเป็นมหานครของโลกของเมืองกรุงเทพฯหรือไม่?

          แต่โดยระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าใครจะชนะทุกคนต้องยอมรับและก้มหัวให้แก่มติมหาชน...ไม่ใช่พรรคการเมืองบางพรรคที่แพ้การเลือกตั้งแล้วแพ้การเลือกตั้งอีก ทั้งๆที่อำนาจการรัฐประหารโอบอุ้มทุกอย่างแต่ก็ยังพ่ายแพ้ แต่กลับไม่ยอมรับมติมหาชน จนบ้านเมืองปั่นป่วนมาถึงทุกวันนี้

          ไม่ต้องบอกนะครับว่าพรรคนั้นชื่ออะไร?

1 ความคิดเห็น:

  1. มาอ่านโพสนี้เมื่อมรว.สขพ.กระเด็นจากตำแหน่งโดยมาตรา44เรียบร้อย ซะใจเบาๆค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆหลายๆอันเลยนะคะ

    ตอบลบ