ในบรรดาคนดวงแข็ง ดวงดี
ไม่มีใครที่จะเทียบนายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ได้
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือได้ว่าเป็นบุคคลแรกของโลกที่สามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่ใช้เวลาสั้นที่สุดเพียง
49 วัน และสามารถบริหารประเทศได้ดีภายใน 1 ปี
ครองใจประชาชนจนโพลล์ทุกสำนักสำรวจความเห็นประชาชนได้ตรงกันว่ามีความเป็นผู้นำที่อดทนต่อแรงกดดันทางการเมืองได้เปอร์เซ็นต์สูงสุดเกือบคะแนนเต็ม
100 ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย
เริ่มต้นของการเข้าชิงชัยเธอก็ได้เบอร์ 1
เป็นหมายเลขประจำตัว ในการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554
ซึ่งถือเป็นความเฮงทางการเมืองในการเลือกตั้ง
แต่มาวันนี้พอเธอแสดงตัวสนับสนุนแตะมือพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ
ให้เข้าชิงชัยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พงศพัศ หรือ จูดี้
(นิคเนม) ก็ได้หมายเลข 9 อันเป็นหมายเลขมหามงคลและมหาเฮงแล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าจูดี้ขี่ดวงปูชูเบอร์
9 ได้อย่างไร
การได้เบอร์ 9 เป็นหมายเลขประจำตัวของพลตำรวจเอกพงศพัศ
พงษ์เจริญ ในการเลือกตั้งผู้ว่า ก.ท.ม. ในจุดเริ่มต้นของการแข่งขันถือว่าเป็นความเฮงมหาเฮงของผู้สมัคร
เพราะคนไทยร้อยละร้อยเชื่อในเลข 9 อีกทั้งในการดูฤกษ์ผานาทีก็จะใช้เลข 9
เป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้า จะเปิดร้าน ขึ้นบ้านใหม่ หรือจะออกจากบ้าน
ก็ต้องดูเวลาให้มีเลข 9 ติดไว้เสมอ แม้แต่เลขทะเบียนรถยนต์ถ้าเป็นเลขตอง 9
ก็จะประมูลแพงสูงสุดในบรรดาเลขทะเบียนทั้งหมด
ถ้ามาดูการจับหมายเลข 9 ของพลตำรวจเอกพงศพัศ
พงษ์เจริญ ก็จะเห็นว่าเป็นการจับที่ไม่ได้จับ
เพราะท่านพงศพัศเป็นคนจับคนสุดท้ายหรือเรียกได้ว่า ผู้สมัครผู้ว่า ก.ท.ม.ทั้งหมด
16 คน ในขณะจับเบอร์นั้น ช่วยกันจับให้ท่านพงศพัศได้หมายเลข 9 กันทุกคน รวมทั้ง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร คู่แข่งคนสำคัญก็มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันด้วยการจับเบอร์
16 อันเป็นเบอร์สุดท้ายไปครองก่อนเพื่อจะเหลือเบอร์ 9 ไว้ให้จูดี้
จะบอกว่าจูดี้ขี่ดวงตัวเองเข้ามาแข่งขันทางการเมืองในทางไสยศาสตร์ก็ยังบอกไม่ได้เต็มปากเพราะคนที่ชูมือประกาศเปิดตัวพงศพัศในเวทีการเมืองครั้งแรกเมื่อวันอังคารกลางเดือนมกราคม
คือคนที่ดวงดีที่สุดนามว่ายิ่งลักษณ์เพราะพอเธอประกาศบนเวที ชื่อพงศพัศซึ่งสังคมก็พอรู้จักอยู่แล้วก็มีความโด่งดังขจรขจายจนกลายเป็นมิสเตอร์เฮง
จากความเชื่อในทางไสยศาสตร์ได้พัฒนาสู่ความเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยเพราะมหาชนคนหมู่มากเชื่อเช่นนั้นก็ย่อมมีผลต่อจิตวิทยาทางการเมืองที่ทำให้คนไม่รู้จัก
ก็รู้จัก ทำให้คนที่พอรู้จัก ก็รู้จักมากขึ้น และทำให้คนที่รู้จักอยู่แล้วก็เกิดความผูกพันรักใคร่มีกำลังใจที่จะโถมกายเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนโดยไม่ต้องการสินจ้างรางวัลเพราะเชื่อในดวงของพงศพัศว่าจะได้เป็นผู้ว่า
ก.ท.ม.แน่ๆ
เวทีปราศรัยที่ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ในบ่ายวันเดียวกันที่จับเบอร์ ( 21 มกราคม 2556) เป็นหลักฐานยืนยันถึงข้อสรุปนี้
เพราะมวลชนที่มาร่วมชุมนุมกันหนาแน่นและคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์การโฆษณาหมายเลข 9
กันอย่างหลากหลายรูปแบบล้วนแล้วแต่เกิดจากพลังใจของเมื่อเช้าของวันเดียวกันที่จับได้หมายเลข
9
แน่นอนเมื่อฝ่ายพรรคเพื่อไทยเกิดกำลังใจก็ต้องมีฝ่ายที่เสียกำลังใจอันเป็นกฎทางวิทยาศาสตร์
ของสองด้านในองค์เอกภาพเดียวกัน ฝ่ายเสียกำลังใจก็คือพรรคประชาธิปัตย์
คู่แข่งที่ไม่เพียงแต่จะจับได้หมายเลขประจำตัวเป็นเลขสองหลักที่จำยากเท่านั้นแต่ยังได้เลขสุดท้ายปลายโหล่คือ
เลข 16 ของการจับเบอร์วันนั้นด้วย
การได้เลขสองตัวในทางวิทยาศาสตร์ก็จำยากอยู่แล้ว
แต่กรณีของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร ดันได้หมายเลขสุดท้ายของวันนั้นในทางไสยศาสตร์ถือว่าซวยสุดๆ
และก็แน่นอนการได้หมายเลข 9
มหาเฮงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ยังไม่ชี้ขาดชัยชนะ พงศพัศ หมายเลข 9
ยังต้องระมัดระวังจังหวะก้าวในระหว่างเส้นทางเดินก่อนจะถึงวันเลือกตั้งวันที่ 3
มีนาคม 2556 ว่าโดยตัวเองต้องทุ่มเทหาเสียงอย่างหนักแล้วจะต้องใช้ความระมัดระวังสูงเพราะยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามที่เชื่อเรื่องดวงเป็นชีวิตจิตใจเมื่อเสียขวัญกำลังใจก็ย่อมจะต้องใช้วิธีพิฆาตโดยการจับผิดและโจมตีใส่ร้ายต่อเบอร์
9 คนดวงดีให้ดวงดับให้ได้
รวมตลอดถึงจะต้องแก้เคล็ดแก้ดวงด้วยวิธีไสยศาสตร์ใช้ควายธนูเข้าเข่นฆ่าทำลาย
ซึ่งสังคมไทยถนัดนักที่จะเล่นและเชื่อเช่นนั้น
ดังนั้น
การต่อสู้ทางการเมืองไทยจึงเป็นอะไรที่แปลกประหลาดที่สุดที่หลายประเทศไม่มีและไม่เคยพบ
นั่นก็คือสู้กันทั้งบนดินและใต้บาดาลด้วยไสยศาสตร์เวทย์มนต์
ในสนามเลือกตั้งก็เป็นธรรมดาที่มีทั้งแพ้และชนะ
แต่ถ้าเกมส์นี้ พงศพัศ หมายเลข 9 ชนะก็บอกได้ทันทีว่าข่าวของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่จะพาดหัวตัวใหญ่ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทยแต่จะพาดหัวใหญ่ในสื่อสิ่งพิมพ์นิวยอร์คไทม์ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศด้วย
เพราะวันนี้กรุงเทพฯหรือ BANGKOK ได้กลายเป็นมหานครของโลกไปแล้วและสื่อทั่วโลกกำลังจับตามองการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยตลอดระยะเวลา 6 ปีเศษ ที่ผ่านมานับแต่การรัฐประหารเมื่อ
19 กันยายน 2549 และวันนี้กำลังจะเกิดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งนับจากการเลือกตั้งใหญ่ที่คนไทยพร้อมใจกันเลือกผู้หญิงเป็นนายกฯอันเป็นประวัติศาสตร์
แต่เลือกผู้ว่า ก.ท.ม.กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ
นับแต่นี้จนถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง
เป็นภารกิจของคนกรุงเทพมหานครโดยแท้ที่จะตัดสินใจว่าจะยอมรับความเป็นมหานครของโลกของเมืองกรุงเทพฯหรือไม่?
แต่โดยระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าใครจะชนะทุกคนต้องยอมรับและก้มหัวให้แก่มติมหาชน...ไม่ใช่พรรคการเมืองบางพรรคที่แพ้การเลือกตั้งแล้วแพ้การเลือกตั้งอีก
ทั้งๆที่อำนาจการรัฐประหารโอบอุ้มทุกอย่างแต่ก็ยังพ่ายแพ้
แต่กลับไม่ยอมรับมติมหาชน จนบ้านเมืองปั่นป่วนมาถึงทุกวันนี้
ไม่ต้องบอกนะครับว่าพรรคนั้นชื่ออะไร?
มาอ่านโพสนี้เมื่อมรว.สขพ.กระเด็นจากตำแหน่งโดยมาตรา44เรียบร้อย ซะใจเบาๆค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆหลายๆอันเลยนะคะ
ตอบลบ