Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"เพื่อนเนวิน" กระสุนขาด-อำนาจหด ปรับกระบวนยุทธ์รั้ง "ภูมิใจไทย" พรรคขั้วที่ 3

ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ ฉบับ21-24 ก.พ.2556




"อำนาจย่อมเสื่อมไปตามกาลเวลา" เป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้ได้จริงกับพรรคการเมืองที่ชื่อว่า "ภูมิใจไทย"

เมื่อผลการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ลพบุรี เขต 4 เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่ง "เกียรติ เหลืองขจรวิทย์" จากพรรคภูมิใจไทยได้ 36,994 คะแนน พ่ายให้กับ "พหล วรปัญญา" คู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้ 49,146 คะแนน ห่างกันถึง 12,152 คะแนน ทั้งที่ "เกียรติ" เคยมีศักดิ์ศรีเป็นถึงแชมป์เก่า เจ้าของพื้นที่เดิมก่อนถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจกใบเหลือง จนต้องมีการเลือกตั้งซ่อม สะท้อนภาพพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบัน จากที่เคยครบครันไปด้วยอำนาจ-บารมีทางการเมือง ครองโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีระดับว่าการ-ช่วยว่าการถึง 4 กระทรวงหลักเมื่อครั้งดำรงสถานะพรรคร่วมรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งมหาดไทย-คมนาคม-พาณิชย์-เกษตรฯ แต่เพียงแค่สลับขั้ว-ย้ายข้างมาเป็นฝ่ายค้านแสงแห่งอำนาจที่เคยมีถึงกับอัสดง

34 เสียงจากการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. 2554 ที่ประกอบเป็นองคาพยพภูมิใจไทย 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งคือ "เพื่อนเนวิน" ของ "เนวิน ชิดชอบ" บวกขา "อนุทิน ชาญวีรกูล" มีทั้งสิ้น 27 เสียง รวมกับขั้ว "วังน้ำยม" ของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" อีก 7 เสียง ถูกหั่นเหลือเพียงขั้ว "เพื่อนเนวิน" 27 เสียง เพราะ 7 เสียงของ "สมศักดิ์" แม้ในทางนิตินัยยังอยู่กับพรรคภูมิใจไทย แต่พฤตินัยแยกตัวออกไปรอร่วมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พร้อมส่งชื่อ "สมศักดิ์" แกนนำกลุ่มแต่งตัวรอนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย

ขณะเดียวกัน 27 เสียงของ "เพื่อนเนวิน" ก็เปลี่ยนการนำจาก "เนวิน" จากเดิมที่เคยเป็นแบ็กอัพเบื้องหลัง แต่วันนี้หันไปใช้ชีวิตอย่างที่ชอบ ทำสิ่งอย่างที่ใช่ ล่าแชมป์ในเกมฟุตบอล แล้วผลักดันให้ "อนุทิน" รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมี "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" น้องชาย "เนวิน" ขึ้นมาเป็นเพื่อนคู่คิดในตำแหน่งเลขาธิการพรรค

แม้จะมีการเปลี่ยนหัว เปลี่ยนโครงสร้างพรรคภูมิใจไทยแบบทั้งโครง แต่กระสุนที่เคยไหลลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเมื่อครั้งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พอพลิกกลับเป็นฝ่ายค้านกระสุนก็ลดทอนลงตามอำนาจ-บารมีที่หดหาย ทำให้บรรดาหัวคะแนน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภอ นายอำเภอ ที่เคยยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน สะวิงเปลี่ยนข้าง แปรพักตร์ไปอยู่ข้างผู้ชนะ

ดังนั้น ปัจจัยในการพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อมลพบุรี จึงถูกแกนนำพรรคภูมิใจไทยวิเคราะห์ว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ออกมาแพ้แค่ระดับ 12,000 คะแนน ถือว่าเจ็บตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะแพ้ตั้งแต่ระดับ 10,000-15,000 คะแนนขึ้นไป เพราะจากการประเมินสรรพกำลังที่พรรคภูมิใจไทยมีอยู่ในขณะนี้ หากเทียบกับคู่แข่งพรรคเพื่อไทย ถือว่าเสียเปรียบทุกประตู

ยิ่งพรรคเพื่อไทยส่งคนระดับรัฐมนตรี อดีตข้าราชการระดับสูงฝ่ายปกครองลงคลุกฝุ่นในพื้นที่เคียงคู่ผู้สมัครล่วงหน้าก่อนถึงวันเลือกตั้ง ยิ่งทำให้ได้เปรียบเนื่องจากใช้ท่อคอนเน็กชั่นเชื่อมต่อกับฝ่ายปกครอง-ท้องถิ่นทุกระดับชั้น ช่วยเก็บแต้มเรียกคะแนนระดับพื้นที่ให้ฝ่ายพรรคเพื่อไทยได้มากมาย

และยังตบท้ายด้วย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ขอคะแนนชาวลพบุรีในช่วงโค้งสุดท้ายจึงเป็นการปิดเกม

เมื่อการแข่งขันเลือกตั้งซ่อมลพบุรี เขต 4 อันเป็นศึกแรกของพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ "อนุทิน" กลับพ่ายแพ้ พรรคภูมิใจไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์ขึ้น โครงร่างทีมยุทธศาสตร์ รวมหัวขบคิดนโยบายใหม่ทั้งหมด เพื่อต่อยอดมอตโต "ประชานิยม สังคมเป็นสุข" ปรับจูนนโยบายให้เข้าถึงคนทุกระดับตั้งแต่รากหญ้า จนถึงระดับนักลงทุน-มหาเศรษฐี

มี "อนุทิน" นั่งเป็นหัวโต๊ะบัญชาการทิศทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเมือง รายล้อมด้วยอดีตรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย อาทิ บุญจง วงศ์ไตรรัตน์-ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ-โสภณ ซารัมย์-ศุภชัย โพธิ์สุ ควบคู่กับ คณะทำงานด้านกฎหมาย และ คณะยุทธศาสตร์ประชาสัมพันธ์ในระดับรากหญ้า วงยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทยส่งทีมลงพื้นที่ทำโฟกัสกรุ๊ป

สำรวจความเดือดร้อนของชาวไร่ ชาวนา ก่อนคิดนโยบายนำร่องทดลองในพื้นที่ที่ ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ เช่น โครงการที่เพิ่มร้ายได้ให้เกษตรกร โดยจัดหาเครื่องมือการเกษตรให้กับเกษตรกร จากเดิมที่บางหมู่บ้าน-บางพื้นที่ เกษตรกรต้องเช่าเครื่องมือมาใช้ประกอบอาชีพ

ส่วนในระดับภาคธุรกิจ หาแนวทางการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของบริษัทเอกชน-การประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่-การนำเข้าและส่งออก โดยเฉพาะปัญหาขั้นตอนทางธุรการ เช่น การขอใบอนุญาตต่าง ๆ

"อนุทิน" กล่าวว่า "พรรคจะนำเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัวและลดต้นทุนการผลิต เพราะกฎหมายบางฉบับในปัจจุบันเป็นกฎหมายโบราณ ซึ่งไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นอุปสรรคสำคัญในการขัดขวางการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนให้เจริญเติบโตอย่างมั่นคง"

ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยจะคัดวาระสำคัญทั้งการเมือง-เศรษฐกิจ มาจัดเสวนาระดมความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำข้อเสนอจากวงเสวนาไปพรีเซนต์ยังการประชุมกรรมาธิการ-การประชุมสภา

ทุกกระบวนการ ทุกการปรับเปลี่ยน ถูกตั้งเป้าไปไกลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า หลังจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ครบวาระ

มองทะลุถึงการรักษาเก้าอี้ของกลุ่ม "เพื่อนเนวิน" 27 ที่นั่งไว้ให้ได้

คิดการณ์ไกลไปกว่าได้แค่ 34 เสียง ในวันเลือกตั้ง 3 ก.ค.54

เป็นเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย

ที่ตั้งเป้ารั้งพรรคขั้วที่ 3 ไว้บนกระดานการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น