รายงานพิเศษ มติชนสุดสัปดาห์ 30 มีนาคม- 5 เมษายน 2555
หลังจากที่ปล่อยให้ บูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี จาก พล.ร.2 รอ. ต่อแถวกันครองกองทัพบก มายาวนานตั้งแต่ก่อนการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 เรื่อยมา จนทำให้บรรดาทหารวงศ์เทวัญ ที่เติบโตจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ที่เคยครองอำนาจใน ทบ. มายาวนาน ถูกดองและข้ามหัว
จนผลักไสให้วงศ์เทวัญบางส่วนกลายพันธุ์ไปเป็นทหารแตงโม เพราะต้องการล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหวังว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยได้อำนาจรัฐ ก็จะคืนความชอบธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ให้พวกเขา หรืออย่างน้อยก็ให้ยุติธรรมมากขึ้น
จึงมีการรวมกลุ่มปลุกกระแส ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (ทม.) และทหารราชวัลลภ ซึ่งถือเป็นทหารที่อยู่ในวงศ์เทวัญ เพราะทั้ง กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) และ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.)
แม้ว่าปัจจุบัน ชื่อ ทม. จะใช้เรียกสำหรับทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ หรือ 904 เท่านั้น จากที่แต่ก่อนเคยใช้เรียกขาน ทหารของ ร.1 รอ. เรื่อยมาจนเรียกแค่ ร.1 พัน 4 รอ. เท่านั้นก็ตาม
แต่ก็เป็นที่ภาคภูมิใจของพวกเขาที่เป็นทหารของพระราชาตัวจริง เพราะโดยหน้าที่จะต้องดูแลถวายอารักขาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่ทหารเสือราชินี นั้น ถวายอารักขาเฉพาะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ในระยะหลัง บทบาทของทหารราชวัลลภ ในทางการเมืองในกองทัพบก ในนามทหารวงศ์เทวัญ ลดน้อยลง เพราะไม่ได้คุมอำนาจ ตั้งแต่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ทบ. เรื่อยมา จนมาในยุค บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. จนมีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนมายุค บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. ที่บูรพาพยัคฆ์ครองเมือง
ในกองทัพบก รู้กันดีว่า มีการวางทายาทอำนาจของ 3 ป. ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ ระยะยาว ตั้งแต่การดัน บิ๊กโด่ง พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะขึ้น พลเอก ห้าเสือ ทบ. ในการโยกย้ายกันยายน ปี 2555 นี้ เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเกษียณกันยายน 2557
พล.ท.อุดมเดช แกนนำ ตท.14 ถือเป็น ทหารเสือราชินี ที่ครบเครื่องทั้งลักษณะทหาร รูปร่างหน้าตา เส้นทางเดินในสายคอมแมนด์ และความเป็นผู้นำ
แม้จะในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อ พล.ท.อุดมเดช เนื่องจากเขาก็แสดงความเป็นทหารอาชีพ เป็นกลไกของรัฐบาล ในการทำงาน และเข้ากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นอย่างดี เพราะเธอก็รู้ว่า พล.ท.อุดมเดช เป็นใคร
มีการวางตัวต่อกันไว้ ด้วยว่า ต่อจาก พล.ท.อุดมเดช ที่เกษียณ 2558 ก็จะต่อด้วย บิ๊กอิ๊ด พล.ต.ภาณุวัชร นาควงษม์ ผบ.พล.ร.9 แกนนำ ตท.17 ที่มีอายุราชการถึงปี 2561 และเป็นบูรพาพยัคฆ์ และต่อด้วย บิ๊กเข้ พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผบ.พล.ร.2 รอ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ แกนนำ ตท.18 ที่มีอายุราชการถึงปี 2562
และต่อด้วย ตู่น้อย พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. แกนนำ ตท.20 ยังเติร์กแห่ง ทบ.
แต่ก็เม้าธ์กันว่า ในหมู่บูรพาพยัคฆ์ด้วยกันเองก็ต้องแย่งชิงกันเองด้วยเหมือนกัน เช่น พล.ต.ภาณุวัชร กับ พล.ต.เทพพงศ์ เนื่องจากมีอายุราชการใกล้เคียงกัน
อีกทั้งก่อนหน้านี้ พล.ต.ภาณุวัชร เคยถูกเด้งจาก รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ไปเป็น ผบ.มทบ.11 เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.เทพพงศ์ น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. มาแล้ว ทั้งๆ ที่ พล.ต.ภาณุวัชร อาวุโสกว่า แต่กลับไม่ได้ขึ้น ผบ.พล.ร.2 รอ. บ้านเกิด
ส่วนฝ่ายวงศ์เทวัญ จะดันตัวแทนขึ้นชิงความชอบธรรม ทั้ง บิ๊กอ๋อย พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต รอง เสธ.ทบ. แกนนำ ตท.13 ที่มีอายุราชการถึงปี 2557 หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จากคดีเสื้อแดงกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.ท.จิระเดช ถือเป็นหัวแถวของวงศ์เทวัญ โดยเฉพาะการเป็น ทม. และทหารราชวัลลภ
เช่นเดียวกับ บิ๊กต๊อก พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะจ่อชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ก็เคยเป็นทั้ง ผบ.ร.11 รอ. และ ผบ.ร.1 รอ. ที่ต้องชิงกับ บิ๊กอู๊ด พล.ต.วลิต โรจนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.15 ทายาทบูรพาพยัคฆ์และทหารเสือฯ ที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ วางตัวให้เป็นเต็งหนึ่งแม่ทัพภาคที่ 1 โดยทั้งคู่เป็น ตท.15 ที่มีอายุราชการถึง 2559 เหมือนกัน
ตัวแทนวงศ์เทวัญ และทหารราชวัลลภ ที่ต้องจับตามองคือ บิ๊กโชย พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมทหาร 16 อดีต ผบ.ร.31 รอ. ที่มีอายุราชการถึงปี 2560 และ บิ๊กแกะ พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.พล.1 รอ. แกนนำ ตท.17 ที่มีอายุราชการถึงปี 2560 ที่ก็มีเลือดผสมของบูรพาพยัคฆ์อีกด้วย ที่ต้องจับตามองว่า บูรพาพยัคฆ์ หรือทหารราชวัลลภ จะเข้าเส้นชัย
เพราะเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะดันนายทหารในสายบูรพาพยัคฆ์ เพราะว่ารู้จักสนิทสนมเติบโตด้วยกันมา ขึ้นสู่อำนาจ เพราะเขามองว่า พวกวงศ์เทวัญ และราชวัลลภ นั้น ส่วนใหญ่เป็นสายอำนาจเก่าของ ตท.10 ในสายของ บิ๊กโอ๋ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต เพื่อนซี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แต่ทว่า พล.อ.พฤณท์ ก็ถือเป็นความหวังของวงศ์เทวัญ และราชวัลลภ ที่จะกลับมาแชร์อำนาจใน ทบ. เพราะในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็น รมว.กลาโหม ก็น่าจะต่อรองได้บ้าง
โดยเฉพาะหากเมื่อ พล.อ.พฤณท์ ขึ้นเป็น รมว.กลาโหม ในอนาคตอันใกล้ พวกเขาก็จะมีความหวัง เพราะเขารู้กันดีว่า พล.อ.พฤณท์ นอกจากเป็นเพื่อนซี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ยังจะเป็น "ว่าที่พ่อตา" ของ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกด้วย
แต่ทว่า ในการโยกย้ายกลางปีนี้ ไม่ปรากฏว่าฝ่ายการเมืองแทรกแซงหรือต่อรองตำแหน่งใดๆ ได้
จะเห็นได้ว่าโผทหารกลางปีนี้ ก็มีปฏิบัติการโผหลุดอีกครั้ง เนื่องจากมีการส่งให้ ผบ.เหล่าทัพ ลงนามท้ายคำสั่ง จึงทำให้มีการรั่วไหล แม้ว่าจะเป็นการเอาไว้ดูกัน แต่ทว่าก็เป็นการป้องกันการถูกแก้ไขล้วงลูกโผจากฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และโดยเฉพาะ พล.อ.อ.สุกำพล รมว.กลาโหม อีกครั้ง หลังจากที่เคยทำมาแล้ว เมื่อโยกย้ายกันยายน 2554 ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแรกๆ โดยมี บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็น รมว.กลาโหม คนแรก
แต่ทว่า โผที่หลุดนั้นมีการแจกจ่ายกันเฉพาะในกองทัพบก แต่ไม่มีในกองทัพเรือและกองทัพอากาศ อันเป็นการสะท้อนเรื่องระเบียบวินัยของทหารได้ไม่น้อย
แต่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แฮปปี้ในโผนี้ กับข่าวที่ว่า เขาจะดันเพื่อน ตท.12 ขึ้นมาเป็นแผงอำนาจ แล้วดัน ตท.13 ออกไป เช่น การดัน บิ๊กนมชง พล.ท.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง เสธ.ทบ. ขึ้นเป็น เสธ.ทบ. แทน บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล แห่ง ตท.13 ที่ทำงานไม่เข้าขา ในการโยกย้ายปลายปีนี้ จนเขาต้องเอ่ยปากแจงกลางที่ประชุมว่า ไม่เคยคิดเช่นนั้น
แต่ในโยกย้ายกลางปี พล.อ.ประยุทธ์ นั้นร้อนไม่น้อยกับเสียงวิจารณ์ที่ว่า เขาจะดัน บิ๊กติ๊ก พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา รองแม่ทัพภาคที่ 3 น้องชายแท้ๆ ให้ขึ้นพลโท เป็นแม่ทัพน้อยที่ 3 ทั้งๆ ที่ พล.ต.ปรีชา ต้องนั่งที่เดิมต่อไป เพราะต้องให้ พล.ต.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ตท.14 รุ่นพี่ ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 3 ก่อน เพราะเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 ก่อน
ถึงขั้นที่เขาต้องพูดในที่ประชุมมอร์นิ่งบริ๊ฟของ ทบ. เพื่อชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมโยนให้เป็นความผิดของสื่อที่ต้องการโจมตีตนเอง
และพร่ำย้ำเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง เพราะเขาไม่ต้องการให้เป็นตราบาปในชีวิตของตนเองและตระกูล จันทร์โอชา ซึ่งก็ถือว่าเป็นตระกูลทหาร
พล.อ.ประยุทธ์ ขอร้องสื่ออย่าเขียนเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ว่า ตนเองพยายามจะผลักดันให้น้องชายเป็นแม่ทัพน้อยที่ 3
"คุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดอะไร การแต่งตั้งโยกย้ายไม่มีใครกดดันผม แต่ผมมีคุณธรรม เพราะรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาของน้องชายผม ผมไม่เคยทำอะไรที่ผิดตลอดชีวิตของผม เพราะฉะนั้น อย่าสร้างความผิดพลาดให้กับกองทัพบกของผม เพราะมันจะอันตรายมาก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ยิ่งเมื่อมีการปลุกกระแสเรื่อง คมช.2 หรือการปฏิวัติรัฐประหารที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยิ่งรำคาญใจ จนตำหนิสื่ออย่างรุนแรงว่า "สมองกลวง" ที่เสนอข่าวคำพูดของฝ่ายตรงข้าม จนทำให้กระแสปฏิวัติกลับมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์กับรัฐบาลและโดยเฉพาะกับนายกรัฐมนตรีหญิง กำลังไปได้ด้วยดี
ยิ่งเมื่อ "ลับลวงพราง ภาค 5" เปิดคำทำนาย โหร วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ อดีตโหร คมช. แห่งล้านนา ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในชาติปางก่อนที่เกิดเป็นทหารเอกพระองค์ดำหรือพระนเรศวรมหาราช ที่จะได้นำกู้ชาติ
แม้โหรวารินทร์ จะไม่ได้ระบุว่า จะได้กู้ชาติได้รูปแบบใด จะเป็นการปฏิวัติ หรือการกู้ชาติอย่างสงบ แต่ในยามนี้ ก็แนะนำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเป็น "ผบ.ทบ.คู่บุญ" ของนายกรัฐมนตรีหญิงไปก่อน ประมาณว่า จนกว่าฐานบุญของนายกรัฐมนตรีหญิงคนนี้จะหมด
เพราะโดยส่วนตัวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ มีความเคารพนับถือสมเด็จพระนเรศวรฯ อย่างมาก เพราะเขาเองก็มีคนเคยกระซิบว่า เขาเป็นนายทหารที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ส่งมาเกิด เพื่อมากู้ชาติ
"เมื่อใกล้ถึงเวลาแล้ว ผมจะบอก" โหรวารินทร์ เปรย
ท่ามกลางความเชื่อที่ว่า การกู้ชาติ อาจจะหมายถึงการปฏิวัติ เฉกเช่นที่โหรวารินทร์ ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาด้านไสยศาสตร์ของ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตอนเป็น ผบ.ทบ. ก่อนการปฏิวัติบอกว่า เขาเป็นทหารเอกพระเจ้าตากสิน ที่จะได้กู้ชาติ และเห็นภาพ พล.อ.สนธิ นำปฏิวัติ
แต่ทว่าในยุคนี้ โหรวารินทร์ ยังไม่เห็นภาพนั้นของ พล.อ.ประยุทธ์
แต่สำหรับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่วันนี้ย้ายมาอยู่ฝั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จากที่เมื่อ 19 กันยายน นั้นเขาเป็นตัวแทนของ พล.อ.สนธิ ไปประชุมร่วมกับองคมนตรีและประธานศาล และนักวิชาการรวม 7 คน ที่บ้านคนดัง "ป." ย่านสุขุมวิท ยังเชื่อว่า อาจจะมี คมช.2 เกิดขึ้นอีก
"ก็เพราะพวกนี้ยังอยู่กันครบ ยังไม่มีใครตายเลย ลองดูซิ แค่ตอนนี้พวกนี้หลบๆ อยู่ แล้วมีการหารือกันอยู่ตลอด แล้วก็ไม่มีใครกล้าบอกว่า เมืองไทยจะไม่มีปฏิวัติอีกแล้ว เพราะการจะปฏิวัติหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลสร้างเงื่อนไข หรืออยู่ที่กองทัพ หรือทหารคนถือปืน แต่อยู่ที่ "คนที่อยู่เบื้องหลังทหารที่ถือปืน" ว่าจะสั่งให้ทำหรือเปล่า" พล.อ.พัลลภ กล่าว
เพราะสำหรับ พล.อ.พัลลภ แล้ว แม้ว่าเขาจะย้ายมาข้าง หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามจีบตามตื๊อ จนเล่าเบื้องหลังรัฐประหารให้เกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาบอกว่า "ยังไม่ถึงเวลา"
แต่บางเรื่องก็กำลังคิดอยู่ว่า "จะเปิดเผย" หรือว่า "จะให้ตายไปกับตัว"
แต่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ อยู่ในสายตาของฝ่ายอำมาตย์ ทั้งหมด...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333175591&grpid=01&catid=&subcatid=
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น