Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

รู้จักประเทศยูกันดา Uganda


สาธารณรัฐยูกันดา The Republic of Uganda

ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง ภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกา บริเวณเส้นศูนย์สูตร ไม่มีทางออกทะเล พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ทิศเหนือติดกับซูดาน ทิศใต้ติดกับรวันดาและแทนซาเนีย ทิศตะวันออกติดกับเคนยา ทิศตะวันตกติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (เดิมคือ ซาอีร์)
พื้นที่ 197,000 ตร.กม. (ไทยใหญ่กว่า 2.5 เท่า)

เมืองหลวง กรุงกัมปาลา (Kampala)

ประชากร 34.39 ล้านคน (2553)

ภาษา
ภาษาอังกฤษ ภาษาท้องถิ่น

ศาสนา
โรมันคาทอลิก 41.9% โปรเตสแตนท์ 42% อิสลาม 12.1% อื่นๆ 3.1% ไม่มีศาสนา 0.9%

วันชาติ
9 ตุลาคม

ระบอบการปกครอง แบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และหัวหน้ารัฐบาล พลเอกโยเวรี คากูตา มูเซเวนี (Major General Yoweri Kaguta Museveni) ได้รับชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2554

ประธานาธิบดี นายโยเวรี คากูตา มูเซเวนี (Yoweri Kaguta Museveni)

นายกรัฐมนตรี นายอามามา อึมบาบาซี (Amama Mbabazi)

รมว.กต.
นายแซม คูเตชา (Sam Kutesa)

เว็บไซต์ทางการ www.statehouse.go.ug

ประวัติศาสตร์โดยสังเขป
แต่เดิมดินแดนทางตอนใต้ของยูกันดาในปัจจุบันมีชื่อว่า ราชอาณาจักร บูกันดา (Buganda Kingdom) ปกครองโดยระบบกษัตริย์ และในปี 2437 ได้ตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรเช่นเดียวกับกับเคนยา ต่อมายูกันดาได้รับเอกราชในปี 2505 โดยมีกษัตริย์ Edward Muteesa II แห่งเผ่าบูกันดาขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและแต่งตั้งให้นาย Milton Obote เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลังจากได้รับเอกราช ยูกันดาต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าต่างๆ กว่า 30 เผ่า โดยความความขัดแย้งที่สำคัญเป็นความขัดแย้งระหว่างฝ่ายเหนือ (เชื้อสาย Nilotic) และฝ่ายใต้ (เชื้อสาย Bantu)

ในปี 2509 นาย Obote ได้ยึดอำนาจการปกครองจากกษัตริย์ Edward Muteesa II โดยได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตที่ต้องการคานอิทธิพลของจีนที่แพร่ขยายเข้าไปในแอฟริกาโดยเฉพาะในแทนซาเนีย หลังจากยึดอำนาจ นาย Obote ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี การยึดอำนาจครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคปฏิวัติและการต่อต้านการปฏิวัติในยูกันดา

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2515 พลตรี Idi Amin ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ทำรัฐประหารและยึดอำนาจรัฐบาลของนาย Obote พลตรี Amin ปกครองประเทศในระบอบเผด็จการ การปกครองดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวยูกันดาเป็นอย่างมาก เนื่องจากในสมัยนั้นมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง มีการยึดทรัพย์สินจากบริษัทเอกชนเป็นของรัฐประมาณ 3,500 บริษัท มูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนขับไล่ชาวเอเชียซึ่งเป็นเจ้าของกิจการประมาณ 75,000 คน ออกนอกประเทศ ส่งผลให้คนงานซึ่งทำงานในสาขาพาณิชย์ และอุตสาหกรรมว่างงานจำนวนมาก เป็นเหตุให้เศรษฐกิจของยูกันดาเริ่มตกต่ำ ทั้งที่แต่เดิมเคยเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางของแอฟริกาตะวันออก

ปี 2522 กลุ่มต่อต้านรัฐบาล Uganda National Liberation Front (UNLF) ภายใต้การนำของ พลเอก Tito Okello และความช่วยเหลือจากกองทหารแทนซาเนียสามารถโค่นล้มอำนาจประธานาธิบดี Amin ได้สำเร็จ และแต่งตั้งให้นาย Obote กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเผ่าต่างๆ ยังคงอยู่

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2528 พลเอก Okello ได้ก่อการรัฐประหารโค่นล้มนาย Obote และขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำการกวาดล้างศัตรูทางการเมืองอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนไม่พอใจและหันไปสนับสนุนขบวนการต่อต้านแห่งชาติ (National Resistance Movement - NRM) ซึ่งมีนาย Yoweri Museveni เป็นผู้นำ

ในปี 2529 นาย Yoweri Museveni และกลุ่ม NRM โค่นล้มรัฐบาล พลเอก Okello และขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

เดือนพฤษภาคม 2539 รัฐบาลได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นครั้งแรก โดยสมาชิกของกลุ่ม NRM ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนที่นั่ง 276 ที่นั่ง ส่งผลให้ นาย Museveni เป็นประธานาธิบดี โดยมีวาระ 5 ปี และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นาย Museveni ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งถัดมาใน ปี 2544,2549 และ2554 (ค.ศ. 2001, 2006? และ 2011) จนถึงปัจจุบัน

1. การเมืองการปกครอง
1.1 ระบอบการปกครอง
ยูกันดาปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดี ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เป็นประมุขแห่งรัฐ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นาย Yoweri Museveni? มีวาระการดำรงตำแหน่ง_5 ปี ฝ่ายบริหารมีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นระบบสภาเดียว คือ National Assembly มีสมาชิกทั้งหมด 388 คน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 3ส่วน ได้แก่ 1) สมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน 350 คน ๒) สมาชิกที่ได้รับการสรรหาจากกลุ่มบุคคลต่าง ๆ อาทิ กองทัพ เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน และคนพิการ 25 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี และ 3) เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้สิทธิเป็นสมาชิกรัฐสภาโดยตำแหน่ง 13 คน

ยูกันดาแบ่งการปกครองออกเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคตะวันตก และประกอบด้วย 112 เขตการปกครอง

1.2 นโยบายรัฐบาล
ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อปี 2529 (ค.ศ. 1986)? นาย Museveni ได้ปฏิรูปการเมือง โดยพยายามส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสังคม ความเป็นประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจตามแบบตะวันตก เน้นการเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และลดอัตราเงินเฟ้อ 20 ทำให้นาย Museveni ได้รับความนิยมและนับถืออย่างประชาชนอย่างสูง ในฐานะที่นำสันติภาพ และความเจริญไปสู่ประเทศ ล่าสุด ในการเลือกตั้งปี 2554 นาย Museveni ได้รับชัยชนะอีกครั้งเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

ล่าสุด ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดียูกันดาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 (ค.ศ. 2011) นาย Museveni ประกาศเป้าหมายที่จะเร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจของยูกันดาให้เป็นประเทศที่มีรายได้ระดับกลางในปี 2559 (ค.ศ. 2016) โดยจะเสริสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และพัฒนาระบบการศึกษาและสาธารณสุข

อย่างไรก็ดี นาย Museveni ถูกองค์กรสิทธิมุนษยชนแห่งสหประชาชาติ ชาติตะวันตก และฝ่ายค้านซึ่งนำโดย นพ Kizza Besigye อดีตแพทย์ประจำตัวนาย Museveni ซึ่งผันตัวมาเป็นคู่แข่งทางการเมือง วิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลใช้อำนาจคุกคามประชาชน โดยหลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด นพ Besigye ได้ปลุกระดมให้ประชาชนประท้วง โดยการเดินขบวนบนท้องถนน และเดินไปทำงาน โดยหวังกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นในแอฟริกาเหนือ แต่ถูกปราบปรามอย่างเด็ดขาด เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าความเปนผู้นำของนาย Museveni เริ่มถูกท้าทาย เพราะอยู่ในตำแหน่งนานถึง 25 ปี

2. เศรษฐกิจและสังคม
2.1 รัฐบาลยูกันดามีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปเศรษฐกิจในยูกันดา ซึ่งได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ โดยภาคเกษตรกรรมถูกปรับลดระดับความสำคัญลง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการทวีความสำคัญขึ้น โดยปัจจุบันภาคบริการได้รับความสำคัญมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยเกิดจากการเติบโตของภาคโทรคมนาคม โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ และการบริการเพื่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยูกันดายังคงประสบปัญหาในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ภายในประเทศ เนื่องจากขาดแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างชาติ โดยมีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา

2.2 รัฐบาลยูกันดาได้ใช้นโยบาย ?Prsoperity for All? ซึ่งเน้นสร้างเสริมความเข้มแข็งของกลุ่มชนชั้นกลางเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยการปฏิรูปการศึกษา การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และสนับสนุนโอกาสทางธุรกิจและหุ้นส่วนกับต่างชาติ โดยได้จัดตั้ง Private Sector Foundation Uganda (PSFU) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการณ์รุ่นใหม่ อายุระหว่าง 20-40 ปี เพื่อเป็นจุดประสานงานกลางในการติดต่อกับภาคเอกชนของประเทศต่างๆ และสร้างพลวัตทางเศรษฐกิจ ทดแทนนักธุรกิจรุ่นปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุ 40-60 ปี

2.3 ยูกันดาได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าภายใต้กรอบ Cotonou Agreement ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการค้าและความช่วยเหลือระหว่างสหภาพยุโรป กับภูมิภาคแอฟริกา แคริบเบียน และแปซิฟิก สามารถส่งออกสินค้าบางชนิดไปกลุ่มสหภาพยุโรปโดยได้รับการยกเว้นภาษี ได้รับความช่วยเหลือด้านการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การพัฒนากิจการด้านเหมืองแร่

2.4 ยูกันดาและประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาตลาดร่วมแห่งภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตอนใต้ (Common Market for Eastern and Southern African States : COMESA) และเป็นสมาชิกก่อตั้งประชาคมแอฟริกาตะวันออก (East African Community: EAC) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการพัฒนา โดยในปัจจุบัน EAC ได้เป็นตลาดร่วม (Common Market) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2553 (ค.ศ. 2010)

2.5 สาขาที่ยูกันดามีศักยภาพในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการลงทุน ได้แก่ ภาคการเกษตร อาทิ มันสำปะหลัง ข้าว ผลิตภัณฑ์และเครื่องจักรทางการเกษตร เนื่องจากชาวยูกันดานิยมบริโภคและมีศักยภาพในการปลูกมันสำปะหลัง แต่ปัจจุบันยูกันดานำเข้าแป้งมันสำปะหลังจากต่างประเทศทั้งสิ้น และภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากยูกันดามีภูมิประเทศที่สวยงามและค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติเพื่อพัฒนาด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยว

2.6 สาขาที่ยูกันดามีศักยภาพในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการลงทุน ได้แก่ ภาคการเกษตร อาทิ มันสำปะหลัง ข้าว ผลิตภัณฑ์และเครื่องจักรทางการเกษตร เนื่องจากชาวยูกันดานิยมบริโภคและมีศักยภาพในการปลูกมันสำปะหลัง แต่ปัจจุบันยูกันดานำเข้าแป้งมันสำปะหลังจากต่างประเทศทั้งสิ้น และภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากยูกันดามีภูมิประเทศที่สวยงามและค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติเพื่อพัฒนาด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยว

2.7 ถึงแม้ว่านโยบายการปฏิรูปของประธานาธิบดี Museveni จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ผู้บริจาคระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกองทุนการเงินโลก (International Monetary Fund ? IMF) ก็ยังไม่มั่นใจในการปราบปรามการทุจริตภายในรัฐบาล นอกจากนี้ ความไม่พอใจอย่างเงียบๆ ของประชาชนยูกันดาต่อกลุ่มนักธุรกิจเชื้อสายเอเชียใต้ ก็ยังคุกรุ่นอยู่ ดังจะเห็นได้จากการปะทะกันระหว่างการประท้วงทางการเมืองเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ ยูกันดาเป็นประเทศที่มีปัญหาเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของต่างชาติ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ระบบเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจของยูกันดาอ่อนแอ

3. นโยบายต่างประเทศ

3.1 ความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาค
ยูกันดาดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในหลากหลายมิติ ดังนี้

- เคนยาและแทนซาเนีย ยูกันดามีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันดีกับเคนยาและแทนซาเนีย เนื่องจากทั้งสามประเทศอยู่ภายใต้อาณานิคมของสหราชอาณาจักร และยังคงรักษาสัมพันธภาพอันดีหลังจากได้รับเอกราช ความสัมพันธ์อันยาวนานส่งผลให้ทั้ง 3 ประเทศ มีนโยบายกระชับความร่วมมือระหว่างกัน นำไปสู่การจัดตั้ง EAC เมื่อปี 2543 และหลังจากนั้นได้มีการลงนามความตกลงสหภาพศุลกากรร่วมกัน (Custom Union Agreement) ในเดือนมกราคม 2548 ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการค้า การลงทุนในอนุภูมิภาคนี้

- รวันดา ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างยูกันดาและรวันดาไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากทั้งสองประเทศมีข้อพิพาทอันเกิดจากการแทรกแซงการเมืองภายในของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก จนทำให้เกิดการปะทะกับระหว่างสองประเทศในปี 2542 และ 2543 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ระหว่างสองประเทศเริ่มคลี่คลายลงเพราะปัจจุบันชาวรวันดาเชื้อสาย Tutsi เริ่มมีความเกี่ยวพันและเชื่อมโยงกับชาวยูกันดาเชื้อสาย Banyarwanda ที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูกันดามากขึ้น และผู้อพยพชาวรวันดาเชื้อสาย Tutsi ที่อาศัยในยูกันดาหลายคนเริ่มเข้าเป็นสมาชิกของ National Resistance Army ซึ่งอยู่ภายใต้การบัญชาการของประธานาธิบดี Museveni นอกจากนี้ ยูกันดายังเป็นผู้สนับสนุนให้รวันดาเข้าเป็นสมาชิก EAC ด้วย ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม หากปัญหาภายในประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกยังไม่คลี่คลาย ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศยังมีโอกาสกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง

- สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก - ยูกันดาพยายามพัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับคองโกตั้งแต่ยูกันดาถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ในปี 2544 และเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2546 อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้ยังคงคลุมเครือ เนื่องจากคองโกยังเชื่อว่ายูกันดาเป็นผู้จัดหาอาวุธให้แก่กลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในคองโกเพื่อต่อต้านกลุ่ม Lord's Resistance Army (LRA) ที่นำโดย Joseph Kony ซึ่งเป็นศัตรูกับยูกันดา ความขัดแย้งระหว่างยูกันดาและ LRA นี้ สืบเนื่องมาจากการที่ LRA ได้ทำสงครามกลางเมืองกับกองกำลังของยูกันดา (Uganda People's Defence Forces - UPDF)[1] และกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายมายาวนานกว่า 20 ปี อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองรัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี และทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมมือกันต่อต้านกลุ่มกบฏและได้ทำปฏิญญาว่าด้วยการสำรวจน้ำมันบริเวณชายแดนร่วมกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าสถานการณ์ในคองโกยังไม่มีเถียรภาพมากนัก แต่ก็ไม่กระทบต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศแต่อย่างใด

- ซูดาน เดิมความสัมพันธ์ระหว่างยูกันดาและซูดานมีความตึงเครียด เนื่องจากยูกันดาสนับสนุนกลุ่ม Sudan People's Liberation Army (SPLA) ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนในซูดาน ในขณะที่ซูดานสนับสนุน LRA ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ต่อมา ในปี 2546 (ค.ศ. 2003) ทั้งสองฝ่ายทำการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน เนื่องจากยูกันดาและซูดานมีพรมแดนเชื่อมต่อกันมากกว่า 400 กิโลเมตร และประชาชนมีการเดินทางข้ามพรมแดนเป็นประจำ โดยรัฐบาลซูดานได้ให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือในการต่อต้าน LRA ในขณะเดียวกันรัฐบาลยูกันดาจะผลักดันให้กลุ่ม SPLA ถอยร่นกลับเข้าไปในซูดาน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศมีทีท่าว่าจะซับซ้อนยิ่งขึ้นหลังจากกลุ่ม SPLA ได้แปรสภาพเป็นรัฐบาลซูดานใต้ (Government of Southern Sudan - GOSS) ตามข้อตกลง CPA ในปี 2548 (ค.ศ. 2005) เนื่องจากรัฐบาลซูดานใต้ พยายามทำหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่าง LRA และยูกันดา รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเพื่อต่อต้าน LRA ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างซูดานและยูกันดายังไม่มีเสถียรภาพ เนื่องจากขึ้นอยู่กับขั้วอำนาจของผู้นำทางการเมืองของรัฐบาลซูดานที่จะนำไปสู่การกำหนดท่าทีของทั้งสองฝ่ายต่อไป

3.2 ความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก แม้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลนาย Museveni ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามฝ่ายค้าน แต่รัฐบาลชาติตะวันตกยังมีความเกรงอกเกรงใจในตัวนาย Mueseveni เนื่องจากนาย Museveni ผลงานโดดเด่นในระดับประเทศ และระดับภูมิภาคหลายประการ อาทิ การลดอัตราการติดเชื้อ HIV ในยูกันดา และการส่งทหารไปช่วยรักษาสันติภาพในโซมาเลีย

3.3 ความสัมพันธ์กับชาติเอเชีย ยูกันดาได้ดำเนินนโยบาย Look East Policy เช่นเดียวกับประเทศแอฟริกาส่วนใหญ่ โดยจากเดิมที่ขยายความสัมพันธ์กับจีน อินเดีย และเกาหลีใต้เป็นหลัก ได้เริ่มสนใจสินค้า และวิทยาการจากเวียดนาม มาเลเซีย และไทยมากขึ้น ในขณะนี้ มาเลเซียได้เริ่มเข้ามาตั้งโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมของยูกันดาแล้ว

3.4 บทบาทของยูกันดาในภูมิภาคแอฟริกา
ยูกันดาเป็นประเทศแอฟริกาไม่กี่ประเทศประสบความสำเร็จในลดอัตราผู้ติดเชื้อเอดส์ใหม่ จนได้รับคำชมเชยจากสหประชาชาติในนโยบายการป้องกันโรคเอดส์เช่นเดียวกับไทย โดยอัตราผู้ติดเชื้อเอดส์ในยูกันดาลดลงจากร้อยละ 20 ในปี 2538 (ค.ศ.1995) เหลือร้อยละ 6.4 ในปี 2548 (ค.ศ.2005) ด้วยนโยบายส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย และพยายามรณรงค์ไม่ให้ประชาชนมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส

ยูกันดาให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของแอฟริกาหลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นอย่างมาก โดยกระตุ้นให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนในแอฟริกา เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้จากประเทศร่ำรวยไปสู่ประเทศที่ยากจน ซึ่งจะเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมภายในประชาคมโลก และจะทำให้ประชากรในประเทศยากจนสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง

ยูกันดามีส่วนในการสร้างเสริมสันติภาพในภูมิภาคแอฟริกา โดยส่งกองกำลังทหารเข้าร่วมส่งทหารไปช่วยรัฐบาลโซมาเลียรักษาสันติภาพ ในภารกิจของสหภาพแอฟริกาในโซมาเลีย (African Union Mission in Somalia: AMISOM) ร่วมกับบุรุนดี อย่างไรก็ดี การที่ยูกันดาเข้าไปมีส่วนร่วมในโซมาเลียส่งผลให้ยูกันดาตกเป็นเป้าหมายการก่อการร้ายจากกลุ่ม al-Shabaab ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลโซมาเลีย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 (ค.ศ. 2010) เกิดเหตุระเบิดในร้านอาหารกลางกรุงกัมปาลาในช่วงที่ประชาชนออกมาชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกช่วงฟุตบอลโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 74 คน










ข้อมูลเศรษฐกิจ/การค้า

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 16.73 พันล้าน USD (ไทย: 317.8 พันล้าน USD)
รายได้ประชาชาติต่อหัว 486.74 USD (ไทย: 4,719.8 USD)
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 6.1 (ไทย: ร้อยละ 7.8)
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 9.2 (ไทย: ร้อยละ 3.3)
เงินทุนสำรอง 3.03 พันล้าน USD (ไทย: 185.6 พันล้าน USD)
ทรัพยากรธรรมชาติ ทอง ทองแดง โคบอลต์ พลังงานน้ำ หินปูน เกลือ และพื้นที่การเกษตร
อุตสาหกรรมหลัก น้ำตาล การหมัก ยาสูบ สิ่งทอจากฝ้าย ปูนซีเมนท์ ผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า
สินค้าส่งออกที่สำคัญ กาแฟ ปลาและผลิตภัณฑ์จากปลา ชา ฝ้าย ดอกไม้ พืชสวน ทอง
สินค้านำเข้าที่สำคัญ อุปกรณ์ที่ใช้เป็นทุน ยานพาหนะ ปิโตรเลียม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ธัญพืช
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ส่งออกไป ซูดาน เคนยา สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ รวันดา สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม เยอรมนี อิตาลี
นำเข้าจาก เคนยา อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน แอฟริกาใต้ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา
หน่วยเงินตรา ชิลลิงยูกันดา (UGX) (1 บาท=80.01 UGX ) (สถานะ ณ วันที่ 20 มิ.ย. 54)

สถิติที่สำคัญไทย-ยูกันดา (2553)

มูลค่าการค้าไทย - ยูกันดา 19.90 ล้าน USD (ไทยส่งออก 19.52 ล้าน USD ไทยนำเข้า 0.38 ล้าน USD ไทยได้เปรียบดุลการค้า 19.14 ล้าน USD)
สินค้าส่งออกของไทย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคหะสิ่งทอ รองเท้าและชิ้นส่วน ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ
สินค้านำเข้าจากยูกันดา ด้ายและเส้นใย สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ กาแฟ ชา เครื่องเทศ
การลงทุน ไม่ปรากฏข้อมูล
การท่องเที่ยว ชาวยูกันดามาไทย 1,891 คน (2553)
คนไทยในยูกันดา ไม่ปรากฏข้อมูล
การตรวจลงตรา Visa on arrival / ขอรับการตรวจลงตราตามปกติได้ที่สถานเอกอัครราชทูตยูกันดาประจำอินเดีย
สำนักงานของไทยในยูกันดา กรุงกัมปาลา (สถานกงสุล) (กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำยูกันดา คือ Mr. James Mulwana) / สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี
สำนักงานของยูกันดาที่ดูแลไทย กรุงเทพฯ (สถานกงสุล) (กงสุลกิตติมศักดิ์ยูกันดาประจำไทยคือ นายทวี บุตรสุนทร) /
สถานเอกอัครราชทูตยูกันดาประจำอินเดีย




1. ความสัมพันธ์ทั่วไป
1.1 ด้านการทูต - ไทยและยูกันดาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2528 โดยฝ่ายไทยมอบหมายให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบีดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำยูกันดา ในขณะที่ฝ่ายยูกันดาได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตยูกันดาประจำสาธารณรัฐอินเดียเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย นอกจากนี้ ฝ่ายยูกันดาได้แต่งตั้งนายทวี บุตรสุนทร เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ยูกันดาประจำประเทศไทย ส่วนฝ่ายไทยได้แต่งตั้งนาย James Mulwana เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไทยประจำยูกันดา

1.2 ด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ? การค้าระหว่างไทยกับยูกันดายังมีมูลค่าไม่มากแต่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าการค้าของไทยกับยูกันดาในปี 2553 (ค.ศ. 2010) มีมูลค่า 19.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกสินค้าไปยูกันดามูลค่า 19.52 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าสินค้าจากยูกันดามูลค่า 0.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ามูลค่า 19.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

??? สินค้าออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ น้ำตาลทราย เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ รองเท้าและชิ้นส่วน เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์

สินค้านำเข้าที่สำคัญจากยูกันดา ได้แก่ ด้ายและเส้นใย สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ชา กาแฟ และเครื่องเทศ

1.3 ความร่วมมือทางวิชาการ ไทยมีนโยบายกระชับความสัมพันธ์กับยูกันดา ในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาภายใต้กรอบ South-South โดยในปี 2553 (ค.ศ. 2010) ไทยได้มอบทุนให้แก่เจ้าหน้าที่จากยูกันดา เป็นจำนวน 11 ทุน ในสาขา เทคโนโลยีการเกษตร และการสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยว และเศรษฐศาสตร์ นอกจากนี้ หน่วยงานราชการของยูกันดาสนใจมาศึกษาดูงานด้านต่างๆในประเทศไทย อาทิ การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ การจัดการทรัพยากรป่าไม้ และการจัดการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น

1.4 การศึกษา ชาวยูกันดาที่มีฐานะดีนิยมส่งบุตรหลานมาศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในหลักสูตรนานาชาติที่ประเทศไทยมากขึ้น

2. ความตกลงที่สำคัญกับไทย
ไทยและยูกันดาได้เจรจาความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ (Air Service Agreement) ระหว่างกัน ลงนามย่อรับรองร่างความตกลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2539 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติการทำความตกลงฯ เมื่อเดือนมีนาคม 2540 แต่ปัจจุบันยังมิได้มีการลงนามในความตกลงฯ ดังกล่าว

3. การเยือนของผู้นำระดับสูง
3.1 ฝ่ายไทย
ระหว่างวันที่ 23 - 24 มิถุนายน 2548
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนยูกันดาเพื่อส่งเสริมและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและยูกันดาร่วมทั้งเป็นประธานเปิดศูนย์กระจายสินค้าไทย (Thai Distribution Center) ณ กรุงกัมปาลา

ระหว่างวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2554 (ค.ศ. 2011) นายโฆษิต ฉัตรไพบูรณ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ นาย Yoweri Museveni ณ กรุงกัมปาลา

3.2 ฝ่ายยูกันดา
(1) พระราชวงศ์
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม - 3 กันยายน 2548
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบูกันดา (Kabaka Ronald Muwenda Mutebi ll) เสด็จฯ เยือนไทย โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบูกันดาในวันที่ 30 สิงหาคม 2548 สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบูกันดาได้ทอดพระเนตรศูนย์ศิลปาชีพพิเศษบางไทร รวมทั้งโครงการหลวงห้วยฮ่องไคร้และดอยอินทนนท์

(2) รัฐบาล
- ประธานาธิบดี
เมื่อวันที่ 25 - 28 กันยายน 2546 นาย Yoweri Museveni ประธานาธิบดียูกันดา เยือนไทยก่อนเดินทางเข้าร่วมประชุม Tokyo International Conference on African Development หรือ TICAD ครั้งที่ 3 ณ ประเทศญี่ปุ่น และได้มีโอกาสพบหารือนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในระดับผู้นำระหว่างสองประเทศ และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังได้พบปะผู้แทนภาคเอกชนไทย อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน (the Joint-Standing Committee on Trade, Industries and Banking) เพื่อส่งเสริมการลงทุนในยูกันดาในด้านต่าง ๆ ภาคเอกชนยูกันดาที่ร่วมอยู่ในคณะฯ อีก 60 คน ยังได้พบเจรจากับภาคเอกชนของไทย ซึ่งมุ่งเน้นความร่วมมือด้านการค้าและ การลงทุนระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ

เมื่อวันที่ 11 - 13 กรกฎาคม 2547 นาย Yoweri Museveni เข้าร่วมการประชุมนานาชาติว่าด้วยโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งไทยและยูกันดาเป็นสองประเทศที่ได้รับคำชมเชยจากสหประชาชาติในความสำเร็จด้านการป้องกันและบำบัดโรคเอดส์

- รองประธานาธิบดี
เมื่อวันที่ 15 - 20 กันยายน 2549 Professor Gilbert Balibaseka Bukenya รองประธานาธิบดียูกันดา นำคณะเยือนประเทศไทย

- รัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2536 นาย Ally M. Kirunda - Kivejinja รัฐมนตรีประจำสำนักประธานาธิบดีกิจการต่างประเทศเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อมอบสาส์นจากประธานาธิบดียูกันดาและขอเสียงสนับสนุนให้แก่ผู้แทนยูกันดาซึ่งสมัครเป็นรองผู้อำนวยการ International Organization for Migration (IOM)

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2537 นาย Richard H. Kaijuka รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมยูกันดา และนาย James Mulwana กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำยูกันดา เข้าพบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 11 - 20 กุมภาพันธ์ 2543 นาย Moses Ali รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยว การค้าและอุตสาหกรรมยูกันดา เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ครั้งที่ 10

เมื่อวันที่ 11 - 20 กุมภาพันธ์ 2543 (ค.ศ. 2000) นาย Moses Ali รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยว การค้าและอุตสาหกรรมยูกันดา เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ครั้งที่ 10??

เมื่อวันที่ 11 - 15 สิงหาคม 2545 นาย Gerald Sendaula รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การวางแผน และการพัฒนาเศรษฐกิจยูกันดาและคณะเยือนไทย เพื่อชักชวนนักธุรกิจไทยไปลงทุนในยูกันดา

เมื่อวันที่ 8 - 22 ธันวาคม 2547 นาย Omwony Ojwok รัฐมนตรีแห่งรัฐดูแลเรื่องเศรษฐกิจ (Minister of State in Charge of Economic Monitoring) และคณะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อศึกษา ดูงานด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเกษตร รวมทั้งความร่วมมือทางวิชาการและบทบาทของภาครัฐในกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทย

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2548 นาย Ezra Suruma รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วางแผน และการพัฒนาเศรษฐกิจเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ) ได้เข้าพบผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) และเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) ในวันเดียวกันด้วย

เมื่อวันที่ 20 - 25 เมษายน 2549 นาย Khiddu Makubuya รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอัยการสูงสุดเป็นผู้แทนรองประธานาธิบดียูกันดา เพื่อศึกษาดูงานด้านการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายประวิช รัตนเพียร เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็น 25 เมษายน 2549)

สถานะเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2554



[1] กลุ่มกบฏ Lord Resistance Army (LRA) นำโดยนาย Joseph Kony มีเป้าหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูกันดาเพื่อก่อตั้งรัฐบาล Theocratic ซึ่งเป็นระบบการปกครองที่ยึดถือพระเจ้าหรือเทพเจ้าเป็นหลัก ถึงแม้ว่า LRA ไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับรัฐบาลยูกันดาก็ตาม แต่ก็ได้ก่อความไม่สงบทางตอนเหนือของยูกันดาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี ส่งผลให้ปัจจุบันมีชาวยูกันดาซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือจำนวนมากต้องประสบปัญหาความยากจน ขาดแคลนอาหาร มีอัตราการตายของเด็กสูง มีจำนวนผู้พลัดถิ่นสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น