โดย นายทหารเอก กรุงธน
บทวิเคราะห์ จาก RED POWER ฉบับที่ 18 ปักหลัง สิงหาคม 2554
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ได้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้วของคืนวันที่ 9 สิงหาคม 2554 ด้วยความฉงนงุนงงว่าไม่มีเงาของแกนนำเสื้อแดงแม้แต่คนเดียว อะไรทำให้เกิดภาวการณ์เช่นนี้?
มองย้อนหลังกลับไปเพียงเดือนเดียวก็ตาสว่างเห็นความจริงแห่งโครงสร้างอำนาจการเมืองไทย
ภาวะคลุกคลักก่อนที่ ก.ก.ต.จะรับรอง ยิ่งลักษณ์ และแกนนำ นปช.ทำให้หลายคนใจหายใจคว่ำ เป็นภาวะแห่งการทำใจไม่ได้ของบุคคลบางคนที่สะท้อนออกให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศไทยขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของบุคคลที่มีฐานะเป็นเอกชน มิใช่ขับเคลื่อนด้วยระบบของระบอบอำนาจแห่งมหาชน
บทบาทของ ก.ก.ต. ที่จะเอาเป็นเอาตายกับยิ่งลักษณ์ เพราะ ผัดหมี่โคราชและจะเอาเป็นเอาตายกับแกนนำ นปช.โดยเฉพาะกับ จตุพร พรหมพันธุ์ ทั้งที่หาความผิดไม่ได้ เนื้อแท้เป็นเพียงบทละครที่ส่งสัญญาณให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ รู้ถึงความยุ่งยากและมีผลต่อการเลือกเฟ้นและคัดออกของสีสันคนเสื้อแดงในคณะรัฐมนตรีโดยเจือสีเข้มข้นด้วยคนของอำมาตย์สายตรงเข้ามากุมกองกำลังและความมั่นคง
เล่นละครได้ผลจริงๆ
ละครปิดท้ายก่อนตั้งนายกรัฐมนตรี ด้วยอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงแต่ส่งผลจริง คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ยังเป็นนายกฯไม่ได้ในเย็นของวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม หลังจากสภายกมือไว้วางใจด้วยเสียง 296 เสียง
โผ ค.ร.ม. จึงต้องเปลี่ยนอีกครั้งชื่อ พ.อ.อภิวันท์ – ณัฐวุฒิ – จตุพร 3 เกลอแดงใน ค.ร.ม.ก็หายไป
เห็นฤทธิ์เดชบทละครที่เนียนยิ่งของระบอบการเมืองไทยหรือยัง?
มองอีกด้านหนึ่งของบทละครจึงเกิดอาการตาสว่างว่าเนื้อแท้ของระบอบปกครองของไทยวันนี้ คือ ระบอบเผด็จการแบบไทยๆ (ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ) ที่ใช้เครือข่ายอำนาจแห่งระเบียบและขั้นตอนของระบบราชการเบี่ยงเบนอำนาจของประชาชนได้จนนาทีสุดท้าย
นี้คือสิ่งที่เรียกว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
หากมองเชิงโครงสร้างนี้คืออำนาจนอกระบบที่ฝังตัวเป็นแก่นกลางของระบบที่ใครๆก็เชื่อว่าเป็นประชาธิปไตย
ระบอบเผด็จการแบบไทยๆ กำลังวิตกกังวลว่าอำนาจของตนกำลังจะพังทลายจึงเกิดภาวะความถี่กระชั้นของการใช้อำนาจมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ระบอบเผด็จการที่เคลือบด้วยความหวานของรูปแบบประชาธิปไตยที่หลอกลวงมายาวนานถูกหลอมละลายออกจนเห็นเนื้อแท้และแม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ก็แสดงออกถึงการแทรกแซงอำนาจของประชาชนอย่างน่าเกลียดน่าชัง
ระบบการเมืองไทยวันนี้จึงมีลักษณะของ “10 ล้อโมเดล” กล่าวคือ หากรถ 10 ล้อไม่จ่ายส่วยทางหลวงก็จะถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจตลอดทางด้วย เพราะระบบกฎหมายจุ๊กๆจิ๊กๆที่เปิดโอกาสให้อำนาจตำรวจเล่นงานตรวจสอบได้ตลอดเวลาด้วยข้ออ้างเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน
ระบบการเมืองไทยวันนี้กำลังเสริมสร้างอำนาจให้แก่ระบบราชการที่ไม่ต่างอะไรกับตำรวจทางหลวง โดยใช้อำนาจองค์กรอิสระและระบบราชการเข้าควบคุมอำนาจของประชาชนด้วยเหตุผลคล้ายกัน คือ เพื่อให้เกิดคุณธรรมเพื่อความปลอดภัยในสภาโดยเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจุ๊กๆจิ๊กๆไม่ต่างอะไรจากกฎหมายจราจรเพื่อเปิดโอกาสให้แก่ระบบข้าราชการประจำจับผิดพรรคการเมืองและนักการเมืองได้ตลอดเวลา พรรคการเมืองจึงไม่ต่างอะไรกับรถ 10 ล้อ
ที่หนักหนาสาหัสที่สุดและอันตรายที่สุด คือ เขียนรัฐธรรมนูญโดยให้ศาลเป็นผู้มีอำนาจในการตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้มาควบคุมรัฐบาล และออกกฎหมายเองได้และมีอำนาจยุบพรรคตัดสิทธิ์ ส.ส. ได้
ระบบการเมืองไทยวันนี้จึงถูกสร้างให้มีองค์กรอิสระมากมายไม่ใช่เฉพาะ ก.ก.ต. หรือ ปปช. หากแต่องค์กรเจ้าหน้าที่ ต่างๆทั้งทหาร – ตำรวจ – อัยการ รัฐวิสาหกิจและองค์กรมหาชนก็ที่มีฐานะเป็นองค์กรอิสระที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลหรือนัยหนึ่งคือฝ่ายอำมาตย์ได้ออกแบบโครงสร้างอำนาจให้องค์กรต่างๆมีฐานะแอบแฝงเป็นองค์กรนอกเหนืออำนาจของประชาชนโดยให้ขึ้นตรงต่ออำนาจของมือมองไม่เห็นเอาไว้ควบคุมพรรคการเมืองและนักการเมือง
ดังนั้นระบอบการปกครองของไทยวันนี้เรียกให้ถูกต้อง ต้องเรียกว่าระบอบเผด็จการแบบไทยๆโดยมือมองไม่เห็นใช้การกล่าวอ้างทางคุณธรรม ทางศาสนา เข้าควบคุมกลไกรัฐทั้งหมดและรวมทั้งกลไกมหาวิทยาลัยอันเป็นแหล่งวิชาการอิสระด้วย
แม้ควบคุมถึงขนาดนี้แต่มติมหาชนก็ยังรวมตัวแหวกวงล้อมมอบอำนาจให้แก่ คุณยิ่งลักษณ์ ที่ขัดหูขัดตาใครบางคนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่สุดท้ายของสุดท้ายก่อนเข้าสู่ประตูอำนาจ คุณยิ่งลักษณ์ ยังถูกรีดน้ำหนักออกอีกหลายกิโล
ภาวะวิบัติแห่งระบอบรัฐจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยาก
ภาวะนอกหลักเกณฑ์ประชาธิปไตยที่ใครๆ ในโลกก็ไม่เคยเห็น ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีเสียงข้างมากถึง 300 เสียงแต่กลับจะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ
คอยดูเถอะ เพราะอดีตของรัฐบาลทักษิณ 377 เสียง ก็ยังไปไม่รอด.
ต่อให้ คุณยิ่งลักษณ์ ตั้งคณะรัฐมนตรี ดรีมทีมหรือสลีปทีม อย่างไรก็ไปไม่รอด หากรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์เป็นขวัญใจประชาชน
ทางรอดมีทางเดียวที่ประชาชนจะนำพาประเทศออกจากวิกฤติชั่วคราวนี้ได้ คือ ต้องอดทนและต้องจัดตั้งกำลังขึ้นพึ่งตัวเอง เพื่อปกป้องรัฐบาลของประชาชนและอย่าหวังอะไรกับอาจารย์มหาวิทยาลัยและกองทัพไทยในภาวะล้มละลายทางปัญญาในวันนี้เลย
ยิ่งลักษณ์ – ทักษิณ ต้องมั่นคงกุมหัวใจพลังอำนาจประชาธิปไตยให้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น