ไพร่ชื่นชมอำนาจ
ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยวันนี้ เป็นผลจากการคาดไม่ถึงของฝ่ายอำมาตย์ในการเติบโตตื่นตัวของประชาชนที่พวกเขาดูถูกว่าเป็นคนโง่
ไม่ต้องวิเคราะห์ ไม่ต้องวิจัย ไม่ต้องปิดบัง ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไปแล้วว่าคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยมาได้อย่างไร
คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย คือ คะแนนเสียงของทักษิณเต็มๆ
เป็นกระแสธารแห่งคะแนนเสียงที่ต่อเชื่อมกับการต่อต้านการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ด้วยชีวิตของ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์
สัญลักษณ์ของผู้ยึดอำนาจ คือ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ในนามพรรคมาตุภูมิได้ 2 เสียง
สัญลักษณ์ของผู้ถูกยึดอำนาจ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในนามพรรคเพื่อไทยได้ 265 เสียง
การร่วมมือกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ – พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การบริหารจัดการของมือที่มองไม่เห็น ก่อจลาจลยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน เพื่อล้มรัฐบาล สมัคร – สมชาย หรือนัยหนึ่งก็คือทำลายอำนาจทักษิณให้สิ้นซาก แล้วจัดตั้งรัฐบาลหุ่นอภิสิทธิ์ขึ้นนั้น เป็นการตอกย้ำความสิ้นสงสัยของประชาชนว่า อำนาจของฝ่ายอำมาตย์เลวร้ายและไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตยจริงๆ
คำถาม : หากประชาชนมีพลังตื่นตัวและเติบใหญ่เช่นนั้นจริงๆ ทำไมฝ่ายอำมาตย์ที่มีอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นลูกสมุน มีสารพัดเครือค่ายหน่วยงานวิชาการ และกองกำลังศาล – ทหาร – ตำรวจ เป็นผู้ควบคุมทำไมจึงไม่ระแคะระคายบ้างเลยหรือว่าจะประสบความพ่ายแพ้เช่นนี้ ?
คำตอบ : ระบบสมองของราชการตายมานานแล้ว แต่ที่เห็นอยู่วันนี้เป็นเพียงโครงสร้างที่มีเพียงลมหายใจรวยรินเท่านั้นจึงคาดไม่ถึง
ด้วยเหตุนี้ฝ่ายอำมาตย์จึงเชื่อตลอดเวลาจากข้อมูลผิดๆของระบบสมองที่มีเพียงลมหายใจรวยรินนี้ว่า กองกำลังพลเรือนและกองกำลังอาวุธ ยังควบคุมมติมหาชนได้ จึงเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยของทักษิณต้องแพ้ แม้ชนะมาเป็นที่ 1 ก็ไม่ถึงครึ่ง และอย่างไรก็จะใช้สูตรเดิมเติมสีสันความชอบธรรมเชิดหุ่นประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลผสมที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบขึ้น จะได้พ้นอายเสียที
จึงไม่แปลกที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้การตำรวจหลายจังหวัดทำหน้าที่ร่วมกันเป็นผู้ว่าราชการเลือกตั้งให้แก่พรรคการเมืองบางพรรคของฝ่ายอำมาตย์
จึงไม่แปลกที่เราเห็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทย แม้จะได้เสียงมาเป็นอันดับที่สอง
แล้วในที่สุดก็พังทลาย แม้แต่ในค่ายทหารก็ยังคุมคะแนนเสียงเทให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้
แนวคิดประชาธิปไตย คือ ระบบคิดที่รับรองว่าประชาชนมีอำนาจที่จะปกครองตนเองได้หยั่งรากลึกแล้ว แม้แต่ในค่ายทหารของ (เซนต์เซอร์)
ชัยชนะของเพื่อไทยวันนี้ คือ ชัยชนะของทักษิณ คือ ชัยชนะแห่งสำนึกของประชาชนในกระบวนคิดประชาธิปไตยในโครงสร้างของระบอบอำมาตย์ ดังนั้นการเมืองไทยวันนี้จึงเป็นการเมืองแห่งภาวะพะอืดพะอมของอำมาตย์ ท่ามกลางสายตาของเอกอัครราชทูตทั่วโลกที่ถือคัมภีร์แห่งศาสนาประชาธิปไตยที่มีพระเจ้าองค์เดียวกัน คือ ประชาชน
อำมาตย์จำต้องทำใจเปิดประตูเมืองให้ผองไพร่เข้ามาชื่นชมอำนาจด้วยมือที่กุมเพียงจอบและเสียม
ผองไพร่ทั้งหลายต้องระวังจงหนัก !
ทุกหลืบ ทุกซอก ทุกมุม ถูกซุกซ่อนด้วยกำลังอาวุธและกับระเบิดของลูกสมุนที่ถูกชุบเลี้ยงไว้เป็นพิเศษพร้อมจะปฏิบัติการตามคำสั่ง
คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งของการรักษาอำนาจของประชาชนแห่งระบอบประชาธิปไตย และเป็นภาวะการบริหารอำนาจที่ยากยิ่งภายใต้ภาวะที่อำมาตย์พะอืดพะอมและไพร่กำลังชื่นชมอำนาจ
เอาใจอำมาตย์ ประชาชนก็ไม่ยอม !
เอาใจประชาชน อำมาตย์ก็ไม่ยอม !
ไม่เอาทักษิณกลับมา ประชาชนก็ไม่ยอม !
เอาทักษิณกลับมา อำมาตย์ก็ไม่ยอม !
ในสถานการณ์เช่นนี้ ค.ร.ม.ยิ่งลักษณ์ ต้องทั้งบริหารและต้องระวังป้องกันตัวจากศัตรูมือถืออาวุธที่แอบอยู่ทุกซอกตึกและหลืบประตู และที่อันตรายที่สุด คือ ต้องรักษาความสามัคคีภายในพรรคและความสามัคคีระหว่างพรรคกับประชาชนคนเสื้อแดงให้มั่น
ภาวะพะอืดพะอมของอำมาตย์จะคลี่คลายเมื่อภายในพรรคเพื่อไทยแตก และความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและประชาชนคนเสื้อแดงแตก
เห็นคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 1 แล้วเป็นห่วงจริงๆ
Very interesting opinion but all too true. Yingluck's government will have to exert their power by announcing that they'll bring to justice those people, who closed the international airport, occupied the government house and above all who massacred the innocent people.
ตอบลบIt isn't enough just to free the political prisoners albeit important. This way the elected government will have a legitimate tool to make a bargain, if that were the case.
นี้คือยุคเสื่อมของอำมาตย์และกำลังเข้าสู้ยุคของประชาชนเป็นใหญ่ครับ
ตอบลบ