การล้อมปราบประชาชน เมษา-พฤษภา 53 มีคนตายนับร้อย
มีเจ้าหน้าที่รัฐตายจำนวนหนึ่ง โดยยังสรุปไม่ได้ว่าใครฆ่าเจ้าหน้าที่
ข้อสรุปของอภิสิทธิ์-สุเทพ
คือชายชุดดำเป็นคนฆ่าและชายชุดดำคือพวกเดียวกับผู้ชุมนุม ข้อกล่าวหานี้จะจริงหรือไม่
ไม่สำคัญ ที่สำคัญกว่าคือ
ประชาชนมีสิทธิและความชอบธรรมที่จะฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐได้เช่นเดียวกับที่ทำกับประชาชน
เหตุผลง่ายๆ พื้นๆ ก็คือ ถ้าใครแบกปืนขนอาวุธสงครามมาไล่ฆ่าประชาชนกลางเมือง
ถ้าประชาชนจะป้องกันชีวิตตัวเองก็ไม่แปลกอะไร แปลไทยเป็นไทยคือ “ถ้าพวกมึงไม่ฆ่าประชาชนก่อน
ใครเขาจะไปทำอะไรพวกมึง”
ที่กล่าวมานี้มิได้หมายความว่าจะยอมรับว่าชายชุดดำเป็นคนฆ่าเจ้าหน้าที่และไม่ยอมรับด้วยว่าชายชุดดำคือพวกเดียวกับผู้ชุมนุม
เพียงแต่จะบอกว่าในสถานการณ์ที่ประชาชนถูกไล่ฆ่า ถ้าพวกเขาจะเอาตัวรอดด้วยการก่อการจราจลหรือป้องกันตัวจนทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บล้มตายก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้
และสมควรทำอย่างยิ่ง
ตลอดเจ็ดปีมานี้ประชาชนเลือกใช้สันติวิธีเป็นส่วนใหญ่เพื่อมิให้เกิดความสูญเสียแก่ทั้งสองฝ่าย
ทั้งที่จริงๆแล้วประชาชนมีสิทธิและความชอบธรรมตั้งแต่ต้นที่จะใช้กำลังความรุนแรง(รวมถึงการฆ่า)เข้าจัดการกับเผด็จการทรราชย์ทั้งหลายที่ปล้นชิงอำนาจสูงสุดของประชาชน
และปัจจุบัน ณ เวลานี้
ประชาชนยังคงมีสิทธิและความชอบธรรมที่จะใช้ความรุนแรงจัดการกับเผด็จการทรราชย์ที่ยึดอำนาจเมื่อปี
49
โดยสมบูรณ์ทุกประการ เพราะอำนาจส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในมือเผด็จการปี 49
ยังไม่คืนกลับมาสู่ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจตัวจริง
ถ้าวันใดมีการใช้กำลังความรุนแรงเข้าจัดการประชาชนอีก
ประชาชนก็สามารถใช้สิทธิตอบโต้ด้วยความรุนแรงได้ทันที
หรือถ้าเผด็จการยังดื้อด้านไม่ยอมลงจากอำนาจและยังบ่อนทำลายอำนาจประชาชน
ยังบ่อนทำลายสถาบันหรือบุคคลที่ประชาชนมอบหมายให้ใช้อำนาจแทนโดยไม่ยอมหยุด
ถ้าประชาชนทนไม่ไหวขึ้นมาก็ย่อมสามารถใช้สิทธิตอบโต้ด้วยความรุนแรงเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม
ที่กล่าวมานี้มิได้ต้องการให้ประชาชนใช้ความรุนแรงทุกกรณีอยู่ร่ำไป
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคงมีคนล้มตายอีกมากมายทั้งสองฝ่าย
ซึ่งไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น
สิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดคือประชาชนต้องยืนหยัดในแนวทางสันติต่อไป
เพียงแต่ต้องยืนยันว่าสิทธิและความชอบธรรมที่จะใช้กำลังความรุนแรงจัดการหรือฆ่าเผด็จการทรราชย์นั้นเป็นของประชาชนเสมอโดยสมบูรณ์
ส่วนประชาชนจะใช้หรือไม่ย่อมเป็นเรื่องของประชาชนแต่ละคนแต่ละกลุ่มต้องตัดสินใจเอาเอง
ต้องแบกรับความเสี่ยงเอาเอง
สิทธิและความชอบธรรมนี้คือการยืนยันว่าไม่มีใครสามารถจะเข่นฆ่าประชาชนได้ตามอำเภอใจเหมือนที่ผ่านมาได้อีกต่อไป
แม้แต่รัฐก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ และจงจำไว้ว่ารัฐไม่ใช่ผู้ที่ผูกขาดการใช้กำลังความรุนแรงฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป
ประชาชนต่างหากที่ผูกขาดสิทธิและความชอบธรรมในการจัดการกับเผด็จการทราชย์ได้ทุกวิถีทางทั้งด้วยสันติวิธีและความรุนแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น