ที่มา:มติชนรายวัน 14 พ.ค.2556
ถามว่าเหตุใดเมื่อเริ่มก่อรูปและเคลื่อนไหวในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป้าของการยื่นหนังสือจึงพุ่งไปยัง 2 จุด
จุด 1 คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
จุด 1 คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
เพราะว่าคนที่เข้าร่วมในการเคลื่อนไหว ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า และในกาลต่อมาไม่เพียงแต่มี พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศุกร์ และรวมถึง พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป
หากยังมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
คนเหล่านี้ล้วนได้รับการเรียกขานว่าเป็น "เด็กป๋า" ทำงานใกล้ชิดและรับใช้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาอย่างยาวนาน
ขณะเดียวกัน ความพยายามเคลื่อนขบวนไปบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบกกระทั่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยอมให้เข้าพบ
นับว่ามี "นัยยะ" สำคัญ
เพราะจากการเคลื่อนไหวนัดแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ กระทั่งในที่สุดในเดือนกันยายน 2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็ก่อการรัฐประหาร
โค่นรัฐบาล "ทักษิณ"
ปัจจัยที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องทำหนังสือยื่นผ่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และขอเข้าพบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จึงสำคัญ
สำคัญต่อการเมืองไทย
หากใครติดตามการปราศรัยของนักพูดบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในแต่ละคืนก็จะจับทางได้
จับทางในการร้องหา "ทหาร"
เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งได้เกิดบรรยากาศและเสียงกู่ร้องทางการเมืองในลักษณะที่กลายเป็นกระแสในทำนองว่า
"คิดถึงสฤษดิ์จริงโว้ย"
คำว่า "สฤษดิ์" ในที่นี้หมายถึง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อันเป็นปฏิมาของทหารที่ปกครองประเทศด้วยปากกระบอกปืน
ใช้อำนาจเผด็จการอย่างเฉียบขาด
ในที่สุด การเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ ที่สามารถระดมคนได้เรือนแสนก็เท่ากับเป็นการปูทางและสร้างเงื่อนไขนำไปสู่สภาพทางการเมืองในแบบ
"คิดถึงสฤษดิ์จริงโว้ย"
อย่าแปลกใจที่เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปแสดงปาฐกถาพิเศษในประชาคมประชาธิปไตยโลก ณ กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย
จึงนำไปสู่ "ปฏิกิริยา" เป็นอย่างสูง
เพราะว่าปาฐกถาพิเศษนั้นเสนอ "เส้นแบ่ง" อย่างสำคัญต่อประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ของไทยว่าเนื่องแต่
รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
บทบาทของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 จึงเหมือนกับหินลองทองอันคมแหลมและเหมือนกับสันปันน้ำในทางความคิด
ใครเห็นด้วย ใครไม่เห็นด้วย
ที่ทะเลาะเบาะแว้งอยู่ในขณะนี้ก็ล้วนแต่มีรากที่มาจากการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ทั้งสิ้น ที่คร่ำครวญหวนไห้และสำแดงอาการเหมือนกับเป็นการกวักมือเรียกทหารให้ออกมาอีกครั้ง
ก็เนื่องแต่อาการถวิลหารัฐประหารทั้งสิ้น
การทำความเข้าใจต่อเงื่อนไข มูลเชื้อและผลสะเทือนอันเนื่องแต่รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 จึงมีความจำเป็น
ไม่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
การเคลื่อนไหวทางการเมือง ทุกก้าวย่างจึงเริ่มจากจุดนั้นและทำท่าจะหวนกลับไปสู่จุดนั้นอีก
เพราะว่าฝ่ายที่เคยคิดว่ากำชัยเริ่มตระหนักแล้วว่ามิได้กำชัยอย่างแท้จริง จึงหวังอีกครั้งว่าจะพลิกเวลาให้หวนกลับเพื่อที่จะได้เรียกชัยได้คืนมา
1 ประเทศ 2 อำนาจรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น