ข่าววิเคราะห์ หน้า 3,มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2556
การเดินทางไปเยือนประเทศมองโกเลีย และกล่าวปาฐกถาพิเศษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับกลุ่มคนบางกลุ่มในไทยมาตลอดสัปดาห์
ใจความสำคัญที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวปาฐกถาพิเศษ สรุปว่า ประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อประชาชนในชาติ ประชาธิปไตยทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ ทำให้นักธุรกิจเข้ามาลงทุน และประชาธิปไตยมีความสำคัญกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
แต่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เชื่อในประชาธิปไตย ยังใช้กำลังบังคับให้คนอยู่ในอำนาจ ยกตัวอย่างครอบครัวของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกยึดอำนาจ และต่อมาประชาชนได้ต่อสู้และถูกสลายการชุมนุม เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต 91 ราย จนได้ประชาธิปไตยกลับคืน จึงอยากให้ทุกคนร่วมกันรักษาประชาธิปไตย
ดิฉันขอปิดท้ายด้วยการประกาศว่า ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉันได้รับ ที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองไทย และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ต้องเผชิญจะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทย ขอให้เราทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยเพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักรักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อๆ ไป
หลังจากกล่าวปาฐกถาเสร็จสิ้น ที่ประเทศไทยก็เกิดความเคลื่อนไหว
พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลในช่วงเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2553 ได้ออกมากล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์
กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา ที่รวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่ม ส.ว. 58 รักชาติ แถลงข่าวและกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์
กลุ่มเครือข่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ในโลกไซเบอร์ก็ออกมาประณาม น.ส.ยิ่งลักษณ์
กล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำลายภาพพจน์ของประเทศ นำเอา
ไฟใน ออกไปบอกให้โลกรู้
น่าสังเกตว่า กลุ่มคนที่ออกมาต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มคนที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ
กลุ่มที่ออกมาเปิดโฉม ไม่ได้แตกต่างจากกลุ่มที่ออกมา
เรียกร้องขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เรียกร้องทวงคืนปราสาทพระวิหาร คัดค้านการนิรโทษกรรม ต่อต้านการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และอื่นๆ ที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์นำเสนอ
ปฏิกิริยาหลังการกล่าวปาฐกถาพิเศษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คราวนี้ ตอกย้ำให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มพลังการเมือง 2 กลุ่ม
กลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ
กลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ
น่าสังเกตว่า ในกรณีการปาฐกถาพิเศษเรื่องประชาธิปไตยนี้ กลุ่มที่ออกมาคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์จำกัดอยู่ในวงของกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นส่วนใหญ่
ขณะที่กลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณคงมองเห็นแล้วว่า การเคลื่อนไหวแบบใดที่ทำให้ได้รับแรงหนุนจากมวลชน
ดูเหมือนว่า การเคลื่อนไหวด้วยการสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างจริงจัง จะทำให้รัฐบาลได้รับอานิสงส์อย่างน้อย 2 อย่าง
หนึ่ง คือ จำกัดวงกลุ่มต่อต้านที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อขับไล่รัฐบาล
น่าสังเกตว่า การปาฐกถาพิเศษครั้งนี้ แม้จะมีกลุ่มการเมืองฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณออกมาเคลื่อนไหวคึกคัก แต่กลุ่ม
นักวิชาการกลับวางตัวด้วยความเข้าใจและเห็นเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องร้ายกาจรุนแรงเหมือนดั่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกประณาม
นี่อาจเป็นเพราะกาละและเทศะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงปาฐกถาพิเศษนั้นถูกต้อง
เนื้อความประชาธิปไตยที่นำเสนอก็เป็นเนื้อหาที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
เหตุการณ์ที่นำไปยกเป็นอุทาหรณ์ก็ไม่ได้เป็นความลับ ไม่ได้เป็นความเท็จ
ดังนั้น แม้การนำเอาเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศออกไปกล่าวในเวทีนานาชาติ อาจทำให้กลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณขุ่นเคือง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกสายตามองเห็นว่าเกิดขึ้นจริง
สอง คือ การปาฐกถาพิเศษครั้งนี้ ยังได้ใจมวลชนคนเสื้อแดง ทำให้มวลชนที่เคลื่อนไหวเมื่อพฤษภาคม 2553 ได้รับคำยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยลืมเหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนั้น รัฐบาลยังยืนยันในประชาธิปไตย
การประโคมข่าวปาฐกถาพิเศษครั้งนี้ จึงเป็นคุณต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์และเป็นคุณต่อรัฐบาล
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อเกิดปฏิกิริยาคัดค้านปาฐกถาพิเศษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะถือโอกาสพิมพ์
ปาฐกถาพิเศษนี้ออกแจกจ่ายให้ประชาชนได้อ่าน เพราะฝ่ายรัฐบาลรู้ว่า การตอกย้ำประชาธิปไตยจะทำให้ฝ่ายคัดค้านเพลี่ยงพล้ำ
เพลี่ยงพล้ำเพราะการต่อต้านที่ดาหน้ากันออกมา ไปๆ มาๆ จะกลายเป็นการปกปิดการปฏิวัติ และการใช้กำลังสลายการชุมนุม
กระทั่งกลายเป็นกลุ่มต่อต้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น