โดย จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา facebook จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
ที่มา facebook จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
(๑) เมื่อสองวันก่อนผมได้รับคำถามหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร โดยอยากทราบความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับตัวผม คำถามนั้นออกจากมีนัยลบอยู่บ้าง เพราะใช้คำว่า "ขี้ข้าทักษิณ" และถามว่าผมมาทำงานให้กับท่านผู้นี้ทำไมทั้งๆ ที่ผมก็ "ดูมีอุดมการณ์" ผมรับปากในวันก่อนว่าผมจะตอบให้ท่านหายแคลงใจ ซึ่งก็จะขอตอบในวันนี้และขณะนี้เลยครับ
แต่ ก่อนที่จะตอบนั้น ผมขอออกตัวไว้ก่อนว่าผมยังตอบแบบหมดเปลือกไม่ได้ เพราะจะเสียการเมืองและทำให้เกิดสับสนไปโดยใช่เหตุ หลายอย่างในชีวิตคนเราก็ต้องเก็บงำไว้กับตัว โดยเฉพาะในความเจ็บปวดรวดร้าวบางอย่างที่ส่งผลเฉพาะตัวเราเอง ใครอยากเป็นผู้นำทางการเมืองจะต้องฝึกหัดขัตติยธรรมข้อนี้ไว้ให้มาก เราจะอ้าปากพูดก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นกระทบต่อบ้านเมืองและผู้คนในวงกว้าง อะไรที่เป็นส่วนตัวต้องข่มใจเอาไว้บ้าง อย่าคร่ำครวญพร่ำเพรื่อ การต่อสู้ทางการเมืองในขณะนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เจ็บปวด ไม่มีใครที่ไม่สูญเสียอะไร เราควรรู้สึกเป็นเกียรติยศด้วยซ้ำที่ได้ร่วมสู้ร่วมฟันฝ่า ไม่ว่าจะสวมเสื้อสีใดหรือไม่มีสีเลยก็ตาม แต่ถึงจะพูดไม่ได้เต็มที่ ข้อความต่อไปนี้ก็คือความจริงทั้งสิ้นครับ...
(๒) ผมได้รับชวนเข้าสู่การเมืองในตำ แหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตร ีในช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ ๑ บุคคลที่มีบทบาทอย่างสำคัญในการ "เจรจา" กันคือ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กับ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในขณ ะนั้น ดร.ทักษิณฯ ไม่เคยรู้จักผมเลย ผมก็ไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตั วแม้แต่น้อยนิด เคยวิจารณ์ท่านในวงอภิปรายมาแล้ วหลายครั้งด้วยซ้ำ เพราะผมรู้สึกว่าการบริหารงานแบบธุรกิจมีความเป็นเผด็จการสูง กลัวว่าท่านจะนำมาใช้ในวงการเมื องมากเกินไป
แต่ผมก็รับตำแหน่งเพราะอยากเป็น
หนึ่ง-ผมเกิดความศรัทธาว่า ดร.ทักษิณฯ จะเป็นผู้นำที่เปลี่ยนแปลงเมือง
สอง-ผมตระหนักมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๗ ว่า ผลงานของรัฐบาลทักษิณจะทำให้เกิ
(๓) แนวคิดนั้นคงจะตอบคำถามได้ว่า หมดวาระในตำแหน่งโฆษกประจำสำนัก
ถ้าจะนำชีวิตการเมืองมาเขียนเป็นกร
สรุปแล้วแนวคิดและสัญญาใจนี่เอง
(๔) ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับท่านอดีตนายกรัฐมนตรี เรียกว่า ความสัมพันธ์ทางการเมือง (political relationship) ที่ยึดเอาไว้ด้วยเป้าหมายบางอย่างต่อบ้านเมืองนี้ ผมรู้สึกเคารพนับถือท่าน เพราะท่านเป็นคนมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง ผมรู้สึกขอบคุณท่านเป็นการส่วนตัว เพราะท่านให้โอกาสทางการเมืองกับผม
จน ผมเข้ามารับใช้บ้านเมืองในระดับนโยบายได้ ผมได้รับความช่วยเหลือจากท่านเป็นการส่วนตัวเป็นครั้งคราว เพื่อให้มีลมหายใจที่จะต่อสู้ได้อีก ไม่ถึงขนาดจะสร้างฐานะร่ำรวยขึ้นมาได้ ใครที่เคยอยู่กับนักธุรกิจชนิดสร้างตัวเอง อาจจะเข้าใจได้มากกว่าคนที่ไม่เคย พระเวสสันดรมีอยู่แต่ในทศชาติ และซานตาคลอสมีอยู่แต่ในนิยายคริสต์มาส ในปัจจุบันไม่มีหรอกครับ เรื่องเงินจึงไม่ต้องเอามาพูดกันเลย ใครสงสัยควรไปถามท่านอดีตนายกรัฐมนตรีโดยตรง อย่าเล่าลือกันไปมาผิดๆ เพราะท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ให้ถามได้
ส่วน ความรู้สึกต่อตัวผมนั้น ท่านก็รักในฐานะที่เป็นนักต่อสู้ แต่บางครั้งเมื่อเราหัวแข็ง ขัดใจ และไม่ทำตัวเป็นลูกทีมที่ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด จะให้รักกันอยู่ตลอดเวลาอย่างไรได้ ผมยอมรับในเรื่องนี้ สิ่งที่เรียกว่า ความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งชัง (love-hate relationship) ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ตราบเท่าที่ยังมีเป้าหมายทางการเมืองเดียวกันยึดโยงอยู่ ผมยืนยันว่า ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีมีส่วนดีต่อบ้านเมืองมากกว่าส่วนเสีย และเพียงแค่นั้นผมก็ยืนระยะต่อไปได้
สำหรับ ท่านที่รู้สึกตรงข้ามกับผม โดยเฉพาะคนที่ถึงขั้นเกลียด ดร.ทักษิณฯ นั้น ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเพราะท่านไม่เคยรู้ว่าคนบางคนที่เราวิจารณ์เขาไม่ได้ นั้น แท้ที่จริงมีความเลวร้ายต่อบ้านเมืองขนาดไหนและทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพ เกวียนที่ตกหล่มขนาดไหน เมื่อไหร่ก็ตามที่บ้านเมืองนี้มีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์มากกว่านี้ หลายท่านจะกลับมาเข้าใจผมว่า ผมเลือกเส้นทางนี้เพราะอะไร นานเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรครับ ต่อให้ผมตายจากไปแล้วค่อยย้อนกลับมาเข้าใจผมก็ยังได้ วันนี้พูดยังไม่ได้เต็มปาก เราก็ต้องยอมรับสภาพไปก่อน
การอยู่กับใคร ในทางการเมือง ไม่ได้แปลว่าเราต้องหลงรักเขาสุดหัวใจ ชนิดตาบอดหรือไม่แลเห็นข้อบกพร่องเอาเสียเลย เพราะการเมืองเป็นเรื่องเปรียบเทียบระหว่างคนมีกิเลสที่หนากว่าและบางกว่า ไม่มีเทวดาใดๆ มาเป็นตัวเลือก เมื่อเรายอมรับความจริงได้ว่า รัฐของประชาชนก็ต้องกระโดกกระเดกบ้างอย่างนี้ ผู้นำบางคนเริ่มดี พอต่อมาก็เริ่มออกลาย ผู้นำบางคนถูกดูถูก แต่กลับทำงานให้บ้านเมืองได้ดีกว่าคนที่คอยดูถูกเขา ผู้นำบางคนเกิดในชนชั้น "โง่ จน เจ็บ" ก็พกปมด้อยมาจนเต็มกระเป๋า กว่าจะล้างหมดก็เสียคน
บาง ท่านเป็นนักต่อสู้เดือนตุลาพฤษภา แต่ผิดหวังกับชีวิตเสียจนกระทั่งมองโลกในแง่ร้าย เทศนาให้คนเชื่อว่า ความดี ความงาม และความจริง เป็นสิ่งที่ไม่มีแล้วในโลก ฯลฯ เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของโลกที่เป็นจริง เราจึงต้องสร้างระบบการเมืองที่ไม่หวังให่ใครเป็นเทวดา แต่ยอมรับว่าทุกคนเป็นปุถุชนชนิดกึ่งดิบกึ่งดี และตรวจสอบ ถ่วงดุล เลือกตั้ง จนคนที่ดีกว่าได้อยู่ในอำนาจได้นานกว่าคนอื่นเขาหน่อยเท่านั้นเอง
วันหนึ่งผมจะพูดได้ตรงกว่านี้ ถึงวันนั้นท่านคอยทวงนะครับ ยังมีเรื่องเล่าสู่กันฟังอีกทั้งคืน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น