ข่าวเจาะลึกนึกไม่ถึง RED POWER ฉบับที่ 35 เดือนเมษายน
2556
red power ได้คุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปๆ
มาๆ ระหว่างยุโรปและอเมริกา ผู้ใหญ่คนนั้นเล่าให้ฟังว่า 2-3 ปีมานี้มีคนระดับบิ๊กๆ
จากเมืองไทย(หลายคนมีชื่อปรากฏในวิกิลีกส์)เดินสายพบปะพูดคุยกับชุมชนคนไทยและผู้นำทางการเมืองระดับสูงในยุโรปและอเมริกาอย่างคึกคึก
ไม่นานมานี้ตัวเขามีโอกาสไปฟังบุคคลสำคัญคนหนึ่งชื่อ
“สุเมธ”(ชอบขี่รถเฟอรารี่แบบพอเพียง)ไปพูดในงานสัมมนาของคนไทยในยุโรปตอนเหนือ สิ่งที่สุเมธ
เฟอรารี่ พูดนั้นเกี่ยวข้องกับคุณงามความดี พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ น่าแปลกตรงที่
อยู่ๆ ก็มีการเดินสายพบปะพูดคุย โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ภาพลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ และยิ่งน่าสนใจว่าทำไมต้องเดินสายถึงยุโรปและอเมริกา
ถ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงท่าทีของประเทศยุโรปและอเมริกาตั้งแต่รัฐประหาร
49 เป็นต้นมา จะพบว่าประเทศเหล่านั้นไม่ค่อยสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยเท่าใดนัก
บางประเทศสนับสนุนเผด็จการด้วยซ้ำ ต้องยอมรับความจริงว่าหลายประเทศไม่ชอบทักษิณและรัฐบาลไทยรักไทยมาตั้งแต่ต้น
พอเกิดรัฐประหารจึงไม่มีท่าทีต่อต้านเผด็จการอย่างชัดเจน อีกทั้งไม่แน่ใจว่าประชาชนที่ออกมาต้านเผด็จการเป็นคนรักประชาธิปไตยจริงหรือไม่
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เกิดความชัดเจนในความเลวร้ายของเผด็จการที่ฆ่าประชานเป็นผักปลา
และขบวนการประชาธิปไตยได้พิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ประเทศยุโรปและอเมริกาจึงมีท่าทีเปลี่ยนไปหันมาสนใจและสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยมากขึ้น
เมื่อเร็วๆนี้ สหภาพยุโรปซึ่งเป็นตัวแทนของยี่สิบกว่าประเทศแสดงท่าทีคัดค้านกฎหมายมาตรา
112 อย่างชัดเจน แม้แต่ประธานาธิบดีโอบามาเมื่อครั้งมาเยือนไทยก็ส่งสัญญาณ(แบบรักษาหน้า)มายังฝ่ายเผด็จการว่า“อย่าล้ำเส้น”
อีก
ไม่เพียงเท่านั้น
คนไทยได้ตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยมากมายทั่วยุโรปและอเมริกา
และร่วมขับเคลื่อนการต่อสู้ในต่างประเทศจนกลายเป็นแนวรบสำคัญและจะมีส่วนชี้ขาดชัยชนะในวันหน้าอย่างแน่นอน
ความสำคัญของแนวรบต่างประเทศมีมากถึงขนาดที่นายภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ(โพสต์ทูเดย์,
14 มี.ค. 56) เอามาป้ายสีคนไทยในอเมริกาว่าพยายามล็อบบี้สมาชิกรัฐสภาและรัฐบาลอเมริกาจนส่งผลให้
“เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” รวมทั้งมีการสร้างเวบไซต์ เขียนบทความหลายภาษา
จัดประชุมวิชาการ ตีพิมพ์หนังสือโจมตีสถาบัน
ไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาและหน่วยงานของรัฐหลายแห่งในอเมริกาก็กลายเป็นกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยไปแล้ว
การเดินสายประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สถาบันกษัตริย์ในต่างประเทศ
นับเป็นพยายามของฝ่ายศักดินาอำมาตยาธิปไตยที่จะหยุดยั้งความเสื่อมทรุดของฝ่ายตน คนพวกนี้ก็ยังไม่ทิ้งสันดานเดิมคือยัดข้อหา
“ล้มเจ้า” มาทำลายฝ่ายประชาธิปไตย แต่พวกเขาลืมไปอย่างหนึ่งว่า ยิ่งออกไปเปิดเกมส์แลกหมัดในเวทีการเมืองระหว่างประเทศจะยิ่งเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน
เพราะจะยิ่งทำให้สถาบันกษัตริย์ไทยกลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้นทุกที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ถูกยกระดับไปสู่การเมืองภายในของมหาอำนาจทั้งอเมริกาและยุโรปเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น