เรื่องจากปกจากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 8 ฉบับที่ 3458 ประจำวัน อังคาร ที่ 8 มกราคม 2013
ผ่านปีใหม่มาได้ไม่กี่วัน บรรยากาศแห่งความสุขที่ได้เฉลิมฉลอง
ได้เดินทางท่องเที่ยวยังไม่ทันจางหาย
การเมืองก็ปรับเข้าสู่โหมดความขัดแย้ง
ไม่ให้คนไทยได้พักหายใจสูดอากาศบริสุทธิ์ให้รู้สึกโล่งโปร่งสบายกันเลย
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจองกฐินกันตั้งแต่ต้นปี
เคลื่อนไหวเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อปูพื้นเอาไว้เผด็จศึกรัฐบาลในวันข้างหน้า
โดยนำเรื่องพื้นที่ทับซ้อนรอบปราสาทพระวิหารขึ้นมาเป็นประเด็น
เท้าความย้อนหลังไปก่อนหน้านี้หลังเกิดการรบพุ่งใส่กันพอหอมปากหอมคอระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา
จนไม่สามารถเจรจากันได้
รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจยื่นฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก
ให้ตีความคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหารให้เกิดความชัดเจนว่าพื้นที่รอบบริเวณปราสาทที่ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ
เถียงกันมาตลอดนั้นเป็นของใครกันแน่
โดยศาลโลกมีกำหนดจะชี้ขาดประมาณเดือนตุลาคมนี้
หากจำกันได้การสู้รบที่เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากฝ่ายสนับสนุน
เพื่อให้ใช้กำลังหักเอาพื้นที่มาเป็นของไทย
เมื่อยุไม่ขึ้นจากการสนับสนุนได้แปรเปลี่ยนมาเป็นการขับไล่
และหยุดเคลื่อนไหวไปพักใหญ่หลังมีคดีความขึ้นศาลโลก
มาปีนี้เป็นปีที่ศาลโลกจะตัดสิน
กลุ่มเคลื่อนไหวซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็เริ่มกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวจะมีชั้นเชิง เป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายโค่นล้มรัฐบาล
ตามโปรแกรมวันที่ 8 มกราคมนี้
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ไม่ให้รับอำนาจศาลโลกที่จะทำให้ไทยต้องเสียดินแดน
ต่อด้วยกลุ่มเเนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาเเผ่นดิน ซึ่งเป็นแนวร่วมพันธมิตรฯ
เข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีกรณีเดียวกันในวันที่ 14 มกราคม
นอกจากนี้จะยื่นฟ้องต่อศาลให้เอาผิดรัฐบาลที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
กรณีให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว
จากนั้นวันที่ 21
มกราคมจะมีการชุมนุมเคลื่อนไหวกดดันกองทัพและประธานศาลฎีกาให้ร่วมกันกดดันรัฐบาลหยุดยั้งกระบวนการพิจารณาในศาลโลกด้วยการประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก
เป้าหมายชัดว่าต้องการให้กระบวนการตุลาการภิวัฒน์และกองทัพหยุดยั้ง
ถึงอาจขยายผลโค่นล้มรัฐบาลให้ได้อีกครั้ง
หลังจากจัดชุมนุมใหญ่ขับไล่ปลายปีที่แล้วแป้กไม่เป็นท่า ม้วนเดียวจอด
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
หากจะเคลื่อนไหวแบบเดิมก็คงไม่ง่าย เพราะคดีความของระดับแกนนำขึ้นสู่ศาลแล้ว
ทำให้ขับเคลื่อนในวิถีเดิมๆได้ไม่สะดวก
จึงต้องปรับกระบวนท่ากันใหม่
หันมาปลุกปั่นให้กองทัพกับตุลาภิวัฒน์สำแดงเดชอีกครั้ง
ประเด็นเสียดินแดนสุดอ่อนไหว อาจจุดติดโค่นล้มรัฐบาลได้ง่าย
โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ไทยขาดจากการเป็นภาคีสมาชิกศาลโลกมาแล้วตั้งแต่ปี 2502
เพราะได้ลงนามประกาศปฏิญญารับรองเขตอำนาจครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2492
ซึ่งการรับรองแต่ละครั้งมีอายุ 10 ปี
ขาดการต่ออายุสมาชิกจึงไม่จำเป็นต้องยอมรับคำตัดสินของศาลโลก
ประเด็นนี้น่าจะใช้จุดติดต่อต้านรัฐบาลได้ง่าย ทั้งในแง่ปลุกระดมมวลชน
และในแง่การใช้อำนาจทางทหารกดดัน
ใช้อำนาจศาลตัดสินให้มีความผิดหากรัฐบาลยอมรับอำนาจศาลโลก
เมื่อรัฐบาลรู้อย่างนี้แล้วก็ต้องหาทางออกให้ดี การแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกวันที่
15-19 เมษายนนี้น่าจะเป็นเดดไลน์วัดอนาคตรัฐบาล
หากไม่เดินตามแนวทางของฝ่ายต่อต้านก็ต้องเตรียมหาทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ดีว่าจะรับมือกับความวุ่นวายอย่างไร
จะเคลียร์กับกองทัพอย่างไร
สำคัญที่สุดคือ จะรอดพ้นจากกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ได้อย่างไร
**********************************************************************
สันปันเขา สันปันน้ำ แค่ดูด้วยตาก็รู้ว่าเป็นของไทยชัดๆ ขะแมไว้ใจไม่ได้หรอกครับ จากลูกตาพะยา
ตอบลบ