Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

บิ๊กกสทช. เผย "ช่อง 3" สั่งถอดเหนือเมฆ 2 เอง-เนื้อหาล่อแหลมผิด มาตรา 37 - "ปู" งงไม่เคยดู

 
ที่มา:ข่าวสดออนไลน์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357435258&grpid=03&catid=&subcatid=
 
 
 
 
จากกรณีที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ประกาศถอดละคร "เหนือเมฆ 2" ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์ ออกจากสถานี เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งที่ละครยังไม่ถึงตอนจบของเรื่อง และได้นำละครเรื่องใหม่"แรงปรารถนา" เข้าเสียบแทนในช่วงเวลาหลังข่าวภาคค่ำ ทำให้มีผู้คนที่ติดตามละครเรื่องดังกล่าวอยู่จำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และเรียกร้องให้ทางสถานีชี้แจงถึงสาเหตุการถอดละครเรื่องดังกล่าวออกอย่างชัดเจน จนกลายเป็นประเด็นในทั่วสังคมออนไลน์ และเป็นที่จับกลุ่มของบุคคลที่ติดตาม คาดเดาสถานการณ์ว่า น่าจะมาจากเรื่องการเมืองด้วยนั้น
 
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรับผิดชอบดูแล องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท) ผู้ดูแลสัมปทานของช่อง 3 ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวนั้นเพิ่งจะทราบเรื่องเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 มกราคม และขอยืนยันว่า ไม่มีการแทรกแซงแน่นอน โดยเฉพาะส่วนตัวที่กำกับดูแล อ.ส.ม.ท. อยู่ในขณะนี้ ซึ่งตนยังไม่ทราบเนื้อหาของละคร และไม่เคยดูด้วย  แต่ได้ตรวจสอบทาง อสมท แล้วว่าเข้าไปดูแลเรื่องนี้หรือไม่ ก็ได้รับการยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีการดำเนินการใดๆ ของอสมท  ทั้งสิ้น และตนเองยังไม่ได้พูดคุยกับทางด้านผู้บริหารของ อสมท   คงไม่สามารถเป็นไปได้ที่อสมท  จะดำเนินการในลักษณะนั้น อีกทั้่งการดูแลเนื้อหาของละครนั้น เป็นความร่วมมือกันของผู้ผลิตและสถานี ในการที่จะกำกับเนื้อหาสาระให้ไม่ไปกระทบกับศีลธรรม หรือสิ่งที่จะไม่เป็นผลดีกับสังคมโดยรวม
 
"ผมคงไม่สามารถตอบได้ว่า มีใครไปแทรกแซงการทำงานของ อสมท  แต่คงไม่น่าจะมีใครเข้าไปแทรกแซง  เชื่อว่าถ้ามีก็คงจะเป็นข่าว และก็คงจะปิดเรื่องนี้กันไม่มิด ซึ่งจะทำความเสียหายให้แก่ตนเอง และคงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป" นายวราเทพ กล่าว

ด้าน "แซนด์" ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทวิตถึงกรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สั่งถอดละครเหนือเมฆออกจากการออกอากาศอย่างกระทันหันว่า ละครเรื่องดังกล่าวทั้งนายกรัฐมนตรี และทีมงานไม่เคยได้ดู และไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และขอให้ทางสถานีช่อง 3 ใช้เวทีครอบครัวข่าวชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
 
 
"แซนด์" ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทวิตถึงกรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สั่งถอดละครเหนือเมฆออกจากการออกอากาศอย่างกระทันหันว่า ละครเรื่องดังกล่าวทั้งนายกรัฐมนตรี และทีมงานไม่เคยได้ดู และไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และขอให้ทางสถานีช่อง 3 ใช้เวทีครอบครัวข่าวชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
 
 
 
วันที่ 5 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวนักการเมืองอดีตนายกรัฐมนตรีแทรกแซงสื่อสั่งลาจอละครเหนือเมฆ2 ว่า เป็นไปไม่ได้ และไม่มีเหตุผลที่ใครจะไปทำอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จริง ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะ พ.ต.ท ทักษิณ พำนักอยู่ในต่างประเทศ ย่อมไม่มีโอกาสได้ดูละครเรื่องนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ บริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหาร ช่อง 3 ก็เป็นบริษัทมหาชน อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ย่อมต้องมีแนวทางบริหารงานที่ชัดเจน และมีทีมผู้บริหารคอยตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ แบบมืออาชีพ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้อยู่แล้ว และไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะไปทำเช่นนั้น และคงไม่มีเวลาไปทำอย่างนั้นด้วย เพราะลำพังแค่การบริหารประเทศ ก็แทบไม่มีเวลาจะนอนอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหน ไปตามเช็คละครเรื่องนั้น เรื่องนี้ 
 
 ร.ท.หญิง ระบุว่า อันที่จริงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ถือเป็นเรื่องธรรมดา รัฐบาลยินดีรับฟัง ขนาดสื่อต่าง ๆ ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับรัฐบาล แต่งเรื่องใส่ร้ายโจมตีรัฐบาล โดยใช้ถ้อยคำที่ก้าวร้าวรุนแรง ทั้งยังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ต่าง ๆ นานา รัฐบาลก็ยังอดทน ไม่ได้ไปปิดกั้นเสรีภาพในการพูดของใครเลย แล้วกะอีแค่ละครเรื่องเดียว รัฐบาลคงไม่มีเวลาไปตอแยด้วย เพราะละครก็คือละคร จบเรื่องนี้ไป เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่มา ไม่เห็นมีอะไรต้องคิดมาก และไม่ว่าเนื้อหาของละครจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะก็ไม่ได้เป็นละครที่ถูกพูดถึงอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องไปขอให้หยุดแพร่ภาพ รัฐบาลจะไปช่วยเพิ่มเรตติ้งให้ละครโดยใช่เหตุทำไม จึงขอให้ทุกฝ่ายเลิกโยงเรื่องละครมาเป็นประเด็นการเมืองได้แล้ว


‘สุภิญญา’ไล่บี้‘ช่อง3’ชี้แจง

 น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วันที่ 7 ม.ค.นี้ เตรียมนัดหารือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ซึ่งมีกรรมการทั้งหมด 5 คน กรณีไทยทีวีสีช่อง 3 สั่งแบนละครเหนือเมฆ 2 เมื่อ 4 ม.ค.ที่ผ่านมาทั้งที่ยังไม่ถึงตอนอวสาน โดยอ้างว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม อย่างไรก็ดี กระแสสังคมในขณะนี้กดดันให้ช่อง 3 ออกมาชี้แจงเ ซึ่งกสทช.ที่มีอำนาจกำกับดูแลช่อง 3 โดยตรงก็เห็นด้วยที่จะต้องแสดงท่าทีเพื่อให้ผู้บริหารช่อง 3 ออกมาชี้แจงต่อกรณีการสั่งแบนละครเหนือเมฆกลางอากาศ ซึ่งถือว่าผิดปกติ และกระทบผู้ชมที่รอดูละครเรื่องนี้จำนวนมากทำให้ผู้บริโภคเสียหาย ฉะนั้นช่อง 3 ต้องมีคำอธิบายว่าแบนด้วยเหตุผลอะไร และทางสถานีต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

ซัดปิดกั้นเสรีภาพประชาชน

  น.ส.สุภิญญา ระบุว่า ขณะเดียวกันหากช่อง 3 กังวลว่าเนื้อหาของละครอาจกระทบกับการเมืองก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะเป็นการปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ในทางตรงข้าม หากเนื้อหาละครถูกถูกแทรกแซงจากทางการเมืองหรือมือที่มองไม่เห็นก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณผิดๆ เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน อีกทั้งทำให้อุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยถดถอย ทั้งที่ละครเสียดสีสังคมการเมืองในต่างประเทศแรงกว่ามากเพื่อต้องการยกระดับการรับรู้ของประชาชนให้ก้าวหน้าขึ้น และหากโดนแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองจริง จะทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้านำเสนอละครสร้างสรรค์สังคม 

 "กสทช.มีอำนาจตามมาตรา 37 ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และที่ผ่านมายังไม่เคยใช้และระวังการใช้มาก แม้แต่ละครเรื่องแรงเงา ที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องเนื้อหาละครเข้ามาจำนวนมาก กสท.ยังไม่เคยแบน แต่แนะนำให้ระวังการใช้คำให้เหมาะสม" น.ส.สุภิญญา กล่าว

แนะ‘ช่อง3’ให้รีบทิ้งสัมปทาน

 กรรมการกสทช. กล่าวอีกว่าโดยส่วนตัวหากช่อง 3 ปลดละครเหนือเมฆกลางอากาศเพราะกลัวมือที่มองไม่เห็น หรือกลัวการเมือง เนื่องจากขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการต่อสัมปทาน 10 ปีของช่อง 3 เมื่อปี 2553 ว่าอาจกระทำผิดเงื่อนไขสัญญาสัมปทานนั้น แนะนำว่าให้ช่อง 3 ทิ้งสัญญาสัมปทานดังกล่าว และให้หันมาส่งสัญญาณผ่านทีวีดิจิตอลที่กสทช.กำลังจะเปิดประมูล 24 ช่อง

 “หากเรื่องสัญญาสัมปทานดังกล่าวยังมีปัญหาอยู่ ไม่แน่ใจว่าการเมืองจะสร้างเงื่อนไขในการนำเสนอเนื้อหาการออกอากาศของช่อง 3 ไปตลอดอีก 10 หรือไม่” น.ส.สุภิญญา กล่าว  

สถานีแจ้งข้อมูล‘กสทช’.แล้ว

 พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกสทช. ในฐานะประธานอนุกรรมการกำกับเนื้อหา กล่าวกรณีช่อง 3 ระงับการออกอากาศเหนือเมฆ 2 ว่า ในหลักการเมื่อเทียบกับประเทศเจริญแล้ว ถ้าปล่อยให้สื่อไปหารายได้เอง ผลคือรายการที่ผลิตออกมาจะขึ้นอยู่กับเรื่องของการตลาดไม่อิงกับหลักการของปรัชญาและศาสนา เพราะไม่ได้เป็นเรื่องของการตลาด 

 พล.ท.พีระพงษ์ ระบุต่อว่า วันนี้จะบอกว่าสื่อไม่รักชาติคงไม่ใช่ เพราะประเทศไทยมีหลักการแบบนี้ ซึ่งต้องลงทุน ต้องหารายได้ และไม่มีอะไรฟรี ส่วนกรณีของละครเหนือเมฆ 2 กสทช.ทำหน้าที่กำกับรายการและเนื้อหา โดยไม่มีระบบเซ็นเซอร์เนื้อหา ซึ่งการทำหน้าที่นี้ช่อง 3 ต้องแจ้งรายละเอียดผังรายการที่เปลี่ยนมาให้กสทช.ทราบ โดยที่ในเนื้อหารายละเอียดต่างๆ ของรายการ ช่อง 3 มีระบบตรวจสอบของสถานีเอง อาทิ กรณีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ที่เปลือยอกวาดภาพ ช่อง 3 ก็ยอมรับว่าเกิดการตรวจสอบที่ผิดพลาดและชี้แจงมายัง กสทช. ดังนั้น เมื่อเคยเกิดความผิดพลาดยิ่งทำให้ช่อง 3 ต้องระวังมากขึ้น ดังนั้น กรณีของละครเหนือเมฆ 2 ช่อง 3 คงตรวจสอบแล้วว่าอาจผิดตามมาตรา 37 จึงสั่งให้หยุดการออกอากาศ ซึ่งเป็นการกำกับดูแลตัวเองของช่อง 3


บิ๊กช่อง3รับ-เนื้อหาขัดม.37

 พล.ท.พีระพงษ์ ชี้ว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น การทำงานศิลปะต้องดูด้วยว่าไปกระทบกับใคร เพราะอาจเข้าข่ายละเมิด เรื่องที่ว่าดี เป็นเรื่องของอัตวิสัย ถ้าดีแล้วเข้าข่ายหมิ่นประมาท ช่อง 3 อาจมองว่าตัดออกดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงว่าผลกระทบจะก่อให้เกิดความขัดแย้งไหม

 "ส่วนตัวได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 ซึ่งบอกว่าเนื้อหาของละครขัดมาตรา 37 จึงต้องงดออกอากาศ แต่ไม่ได้บอกว่าเนื้อหาตรงส่วนไหนขัด การที่ช่อง 3 งดออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 คิดว่าช่อง 3 คงพิจารณาดีแล้วว่าตัวเนื้อหาละครไม่เหมาะสม” 

 สำหรับมาตรา 37 ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ออกอากาศเนื้อหารายการที่มีลักษณะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจารหรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง

ไม่พบรัฐบาลแทรกแซง

 พล.ท.พีระพงษ์ เผยว่า กสทช. มีอำนาจหน้าที่ถามและขอให้ช่อง 3 ชี้แจง สาเหตุของการงดออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 มาที่กสทช.กรณีมีประชาชนเดือดร้อนจากการไม่ได้รับชมร้องเรียนเข้ามา ซึ่งการเปลี่ยนเรื่องละครที่จะออกอากาศ ช่อง 3 ได้แจ้งมาที่กสทช.แล้ว เป็นลักษณะการเปลี่ยนเรื่องละคร ไม่ได้เปลี่ยนแปลงลักษณะรายการ ขณะที่ส่วนตัวมีความคิดเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการปรับตัวของสื่อ ซึ่งเกิดจากระบบตรวจสอบที่เคยผิดพลาดกรณีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ทำให้ช่อง 3 มีการตรวจสอบที่เข้มงวด และตรวจสอบก่อนจะผิดพลาดอีก ซึ่งสิ่งที่ต้องทำของช่อง 3 ขณะนี้คือ ต้องชี้แจงกับประชาชนว่าทำไมต้องจบละครเรื่องเหนือเมฆ 2 เร็ว

 "โดยส่วนตัวเห็นว่าประเทศไทยควรทำละครที่มีเนื้อหาการเมือง แต่ต้องเน้นให้คนเข้าใจที่ข้อเท็จจริง ไม่ใช่เน้นตัวบุคคล แต่ให้ชี้ไปที่โครงสร้างซึ่งปัญหาในเรื่องของโครงสร้างเป็นสิ่งที่เราต้องไปจับจ้อง และกรณีเหนือเมฆ 2 ที่งดออกอากาศ รัฐบาลไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซง และไม่เห็นว่ารัฐบาลเข้าไปยุ่งหรือกำกับสื่อแต่อย่างใด"  กรรมการกสทช. กล่าว
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น