จาก หนังสือพิมพ์ เรดพาวเวอร์ ฉบับที่ 32
เดือน มกราคม 2556 รายงานพิเศษ (หน้า 27)
ต้นเดือนธันวาคม 2555 สถาบันเอเชียโซไซตี้(Asia Society) ศูนย์ฮ่องกง เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม มีผู้เข้าร่วมเป็นนักธุรกิจชั้นนำทั่วเอเชียที่ต้องการทราบความเป็นไปของประเทศไทย
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงภาพรวมการเมืองไทยปี 2556 ว่า
“...ปีหน้า
จะเป็นปีที่การเมืองไทย จะก้าวเข้าสู่การปรองดอง ที่อาจจะเกิดขึ้นหรือเริ่มต้นขึ้น
นายกรัฐมนตรีบอกผมว่า เธอกำลังหาทางที่จะสร้างความปรองดอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การแก้ปัญหาความเห็นต่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกขัดขวางโดยศาลรัฐธรรมนูญ
นี่จะเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความกังวลเป็นอย่างมาก และอาจทำให้เกิดการเผชิญหน้า
แต่แนวคิดของนายกรัฐมนตรีเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์มากๆ เพราะเธอตกลงที่จะนำแนวคิดดังกล่าวมาให้ประชาชนร่วมพิจารณา
ผ่านการลงประชามติ หลายฝ่ายกังวลว่าหากมีการทำประชามติ
อาจจะมีผู้มาลงคะแนนเสียงไม่มากพอ
แต่เราเชื่อว่านี่คือทางเลือกของชาวไทยที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าหรือจะถอยไปข้างหลัง...”
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า
อยากเห็นประเทศไทยเดินหน้า ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน สามเสาหลักคือ
อำนาจนิติบัญญัติ ตุลาการ บริหาร ต้องทำหน้าที่อิสระจากกัน มีความโปร่งใส
ตรวจสอบได้ นอกจากนั้นยังกล่าวถึงการปรองดองว่า “การปรองดองไม่ได้มีเพื่อนำผมกลับมาประเทศไทย
ตอนนี้ผมเริ่มคุ้นชินกับการอยู่นอกประเทศ...ผมไม่สนใจว่าผมจะได้กลับเมืองไทยหรือไม่
ถ้าผมกลับมาประเทศไทย ผมต้องแน่ใจว่าจะเกิดความสงบสุขภายในประเทศ
แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับกลัวผมมาก...ไม่รู้ทำไม ”
ส่วนด้านเศรษฐกิจ พ.ต.ท. ทักษิณ
ชี้ให้เห็นพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้ดี แม้โลกต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ
แต่รัฐบาลพยายามปรับนโยบายส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศให้เข้มแข็ง
ด้วยการเพิ่มการบริโภคภายใน โดยไม่หวังพึ่งการส่งออกเพียงอย่างเดียว จึงทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้ดี
ทั้งนี้เป็นผลมาจากระบบการกระจายรายได้ไปสู่คนจน ที่แม้ว่าสูญเสียเงินไปแต่ก็ไม่มาก
และเม็ดเงินเหล่านี้ก็กลับไปสู่ประชาชนคนยากจน
นี่คือบางส่วนที่อดีตนายกรัฐมนตรี
ได้กล่าวกับนักธุรกิจชั้นนำ ณ สถาบันเอเชียโซไซตี้ ศูนย์ฮ่องกง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น