Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

เสียงจากแดน 1 จากใจนักโทษ 112

จาก หนังสือพิมพ์ เรดพาวเวอร์ ฉบับที่ 32 เดือน มกราคม 2556 คอลัมภ์ไพร่สร้างชาติ



“ไพร่สร้างชาติ” มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนนักโทษการเมืองคดี 112 คือ คุณธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล(หนุ่ม เรดนนท์) คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข และคุณสุรชัย(แซ่ด่าน) ด่านวัฒนานุสรณ์ เมื่อ 20 ธันวาคม 2555 หรือเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ศาลอาญารัชดาภิเษกนัดอ่านคำพิพากษาคดีคุณสมยศ(แต่ศาลเลื่อนพิพากษาไปอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 มกราคม 2556) ทั้งสามคนถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 “ไพร่สร้างชาติ” เห็นว่าการพูดคุยกับนักโทษการเมืองในวันนั้นน่าจะเป็นประโยชน์กับขบวนการประชาธิปไตย อีกทั้งยังเป็นการระลึกถึงความเสียสละและให้กำลังใจพวกเขาว่าเรายังไม่ลืมกัน ขอเชิญพบกับมุมมองและความคิดเห็นบางช่วงบางตอนจากใจของนักโทษการเมืองทั้งสามคนได้ ณ บัดนี้

คุณสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์

เรด พาวเวอร์ : สภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ เป็นยังไงบ้าง

สุรชัย :  ก็อยู่ได้ตามอัตภาพ แต่คุกก็คือคุก ยังไงอยู่นอกคุกก็ดีกว่า ถ้าเป็นตอนหนุ่มๆ ล่ะก็สบาย ถึงจะเคยติดคุกมาแล้วแต่ตอนนี้แก่แล้วไม่แข็งแรงเหมือนเก่า มีโรคประจำตัวหลายโรค ตอนแรกๆก็ต้องปรับตัวหน่อย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมยังไหวใจยังสู้(หัวเราะ) ความเป็นอยู่ของผมยังดีกว่าผู้ต้องขังและนักโทษทั่วประเทศอีกแปดหมื่นกว่าคน พวกนั้นน่าสงสารกว่า ส่วนใหญ่เป็นคนจนทั้งนั้น ติดคุกเพราะจน ไม่ได้ประกันตัวเพราะจน ผมไปขึ้นศาลพัทยาเมื่อเดือนก่อน ต้องไปอยู่เรือนจำพิเศษพัทยา สภาพเหมือน “คุกนรก” น้ำก็ไม่ค่อยพอใช้ เป็นโรคผิวหนังกันทั่ว แถมยังอยู่กันอย่างแออัด เรือนจำจุได้ 600 คน แต่มีคนติดคุกอยู่ 3000 คน เวลานอนต้องสลับหัวสลับเท้า ช่วงไหล่ต้องไปอยู่ช่วงเท้าของอีกคน ใบหน้าอยู่ตรงฝ่าเท้าของอีกคน บางคนต้องนอนบนโถส้วม จะถ่ายทีนึงต้องปลุกให้ลุกขึ้น แน่นขนาดต้องสลับกันยืน สลับกันนอน

เรด พาวเวอร์ : มองภาพรวมการเมืองไทยในปีที่ผ่านมาอย่างไร

สุรชัย : ในทางยุทธศาสตร์ฝ่ายอำมาตย์หมดสภาพการรุก จะล้มรัฐบาล ยุบพรรค แทบเป็นไปไม่ได้ แม้แต่นายอภิสิทธิ์ก็โดนคดี กว่าคดีจะจบอาจใช้เวลาเป็นสิบปี ถือว่าอภิสิทธิ์จบแล้ว การที่อภิสิทธิ์จะรอดจากคดีได้มีทางเดียวคือนิรโทษกรรม แต่เกิดขึ้นได้ยากเพราะฝ่ายเขาก็ไม่เอา ฝ่ายแดงก็ไม่เอา ฝ่ายประชาธิปไตยทั้งเพื่อไทยและเสื้อแดงเป็นต่อในทางยุทธศาสตร์แต่เป็นฝ่ายตั้งรับในทางยุทธวิธี ไม่ว่าจะเป็นยุทธวิธีปรองดอง หรือการดำเนินคดีการเมืองที่มีตุลาการเป็นหัวขบวน

เรด พาวเวอร์ : คิดว่าทิศทางการเมืองไทยปี 56 จะเป็นอย่างไร

สุรชัย : แนวโน้มการเมืองต่อไป คือ สถานการณ์ “รอการเปลี่ยนแปลง” ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาล แต่เป็น “การเปลี่ยนผ่าน” ซึ่งอยากให้เป็นการเปลี่ยนผ่านโดยสันติ พม่ามีบทสรุปของตัวเองว่าไม่สามารถขัดขืนการเปลี่ยนแปลงได้จึงยอมเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ ไทยต้องดูบทเรียนจากพม่า ดูจากอาหรับสปริง(Arab Spring) ตลอด 6-7 ปี มานี้ฝ่ายอำมาตย์ควรจะได้บทเรียนและยอมกลับมาเป็นประชาธิปไตยเสียที ยอมรับเสียทีว่าการรัฐประหาร ยุบพรรค แช่แข็ง ไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป ฝ่ายประชาธิปไตยไม่กลัวอีกแล้ว

เรด พาวเวอร์ : ขบวนการประชาธิปไตยควรจะเดินอย่างไรในปี 56

สุรชัย : เดินสองแนวทาง ไม่ใช่สองขา แนวทางปฏิรูปหรือแนวทางสภาเป็นเรื่องของพรรค โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การชนะเลือกตั้งและเป็นรัฐบาล แต่ก็มีอำนาจไม่เต็มที่ ส่วนแนวทางนอกสภาเป็นของมวลชน คนเสื้อแดงต้องเล่นนอกสภา เป็นรถคนละคัน แต่ต้องประสานนอกและในสภา ถ้ามีการเลือกตั้งก็ต้องหนุน ถ้ามีการรัฐประหารก็ต้องต้าน มีสภาก็สู้ในสภา ไม่มีสภาก็สู้นอกสภา

เรด พาวเวอร์ : คิดอย่างไรเรื่องประชามติรัฐธรรมนูญ

สุรชัย : การแก้รัฐธรรมนูญจะถือเป็นยุทธศาสตร์ไม่ได้ เป็นได้แค่ยุทธวิธี อย่าไปฝากความหวังมากเกินไปว่าจะแก้ปัญหาได้ รัฐบาลควรประกาศว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะยุบสภา นายกฯและพรรคเพื่อไทยอย่าไปกลัว เลือกตั้งเมื่อไหร่ประชาธิปัตย์ก็แพ้อีก เลือกตั้งครั้งหน้าก็ประกาศเป็นนโยบายอีกครั้งว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า โดยเสนอทางเลือกให้ประชาชนเลือกระหว่าง “แก้รัฐธรรมนูญ” กับ “แช่แข็งประเทศไทย”

สมยศ พฤกษาเกษมสุข

เรด พาวเวอร์ : มองภาพรวมการเมืองไทยในปีที่ผ่านมาอย่างไร

สมยศ : รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยล้มเหลวในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เช่น กรณี 112 รัฐบาลติดกับดักฝ่ายอำมาตย์ ติดหลุมพรางประชาธิปัตย์ เรื่องนักโทษการเมืองก็ล้มเหลวในการปล่อยตัว พวกเราสู้เพื่อขอสิทธิประกันตัว รัฐบาลกลับไม่ผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง กลัวมากไป ส่วนเรื่องสิทธิของผู้ต้องขังและนักโทษทั่วไปที่มีเกือบหนึ่งแสนคนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่คือคนจน รัฐบาลละเลยไม่สนใจ ควรเข้ามาผลักดัน ดูแลสิทธิตลอดจนความยุติธรรมต่อคนเหล่านี้อย่างจริงจัง

เรื่องนำทักษินกลับไทย รัฐบาลต้องยืนยันให้จริงจังหนักแน่นกว่านี้ว่าทักษินต้องกลับไทย เพราะหกปีแล้วที่ทักษิณต้องอยู่ต่างประเทศ รัฐบาลต้องทำเรื่องนี้ทันที

เรื่องรัฐธรรมนูญ รัฐบาลผิดพลาดที่ไม่เสนอให้ทำประชามติเลือกระหว่าง รธน. 40 กับ 50 แต่มาติดกับดักประชามติตามคำสั่งอำมาตย์ทำให้ต้องทำประชามติ 2 ครั้ง รัฐบาลไม่แน่วแน่เพียงพอ

เรื่องการปรองดอง ร่าง พรบ.ปรองดองที่ณัฐวุฒิเสนอไว้ถูกต้องที่สุดที่ให้เว้นไม่นิรโทษกรรมคดีฆ่าคนตายและก่อการร้าย ต้องยืนยันทำเรื่องนี้ต่อไปไม่ใช่แค่เสนอแล้วปล่อยให้ค้างไว้อย่างนี้ ต้องเป็นภารกิจเร่งด่วน ณัฐวุฒิควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่เสนอด้วยการเร่งผลักดันให้เดินหน้าต่อไปโดยเร็ว

โดยสรุปรวมๆแล้ว รัฐบาลล้มเหลวทั้งในแง่ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ส่วนนายกยิ่งลักษณ์ก็ไม่กล้าหาญเพียงพอที่จะเป็นผู้นำของขบวนการประชาธิปไตย เพราะยังเกรงใจอำมาตย์มากไปหน่อย

เรด พาวเวอร์ : มองการเมืองปี 56 อย่างไร

สมยศ : ปี 56 ควรจะเป็นปีที่คนเสื้อแดงต้องขับเคลื่อนประชาธิปไตยและนโยบายสาธารณะให้มากขึ้น ต้องพร้อมจะตำหนิรัฐบาล แม้แต่ ส.ส. ถ้าคนไหนทำผิด คุกคามทางเพศก็ต้องตำหนิกันเองด้วย คนเสื้อแดงอย่าเล่นบทหางเครื่องมากเกินไป แต่ให้เล่นบทประชาธิปไตยจริงๆ เป็นหางเครื่องเพื่อไทยมากเสียจนไม่สามารถผลักดันนโยบายสาธารณะที่สำคัญได้ ในระยะยาวต้องทำให้ได้ ส่วนรัฐบาลควรเอาข้อเสนอของ ครก.112 มาพิจารณา และ ครก.112 ก็ควรยื่นเสนอใหม่ ประธานรัฐสภาควรพิจารณาตัวเองที่ทำให้การเสนอแก้ไข 112 ของประชาชนต้องตกไป นายกยิ่งลักษณ์ต้องกล้าหาญที่จะเป็นผู้นำประชาธิปไตยมากกว่านี้

ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล(หนุ่ม เรดนนท์)

เรด พาวเวอร์ : ในโอกาสปีใหม่และวันเด็กที่กำลังจะมาถึง มีอะไรที่อยากพูดจาก “ลูกกรง” ถึง “ลูกชาย” บ้าง

หนุ่ม : ผมเสียดายเวลาที่ผ่านไป ไม่มีโอกาสเห็นพัฒนาการของลูก ผมไม่โทษใครนอกจากโทษตัวเอง ขณะนี้ผมยุติการสู้คดีแล้ว อยากให้รัฐบาลช่วยดำเนินการเรื่องขออภัยโทษโดยเร็ว ผมอยากออกไปใช้ชีวิตกับลูกให้เร็วที่สุด ลูกผมไม่มีแม่ ผมคิดถึงลูก อยากกลับไปใช้ชีวิตกับลูกโดยสงบ หวังว่าผู้มีอำนาจจะเห็นใจ(น้ำตาไหล)

เรด พาวเวอร์ : ในฐานะที่พี่หนุ่มมีบทบาทอย่างเข้มแข็งในการช่วยเหลือและให้กำลังใจเพื่อนนักโทษการเมืองด้วยกันมาตลอด ขอให้ช่วยส่งผ่านความเข้มแข็งนี้ไปยังคนรักประชาธิปไตยด้วยการอวยพรปีใหม่ด้วยครับ

หนุ่ม : ผมเชื่อมั่นเสมอว่าประชาชนเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ และประชาชนจะนำพาพวกเราออกจากการจองจำ ประชาชนจะนำพาพวกเราไปสู่อิสระภาพ ขอให้พี่น้องประชาชนจงต่อสู้อย่างอดทน ขอให้มองต่อไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง ขอบคุณคนข้างนอกที่ไม่ทอดทิ้ง ไม่ลืมพวกเรา คุกหลักสี่กับคุกที่นี่ไม่แตกต่างกันเพราะเราต่างก็ไร้อิสรภาพ แม้จะอยู่กันคนละที่แต่พวกเรามีจิตใจที่สื่อถึงกัน เรายังระลึกถึงพี่น้องเราที่นั่นเสมอ เรายังมีความหวังร่วมกับพี่น้องประชาชนว่าสักวันเราจะได้รับอิสรภาพออกไปสู่สังคมใหม่คือประชาธิปไตยที่เราใฝ่ฝัน

หมายเหตุ : สำหรับคุณหนุ่ม เราได้คุยกันไม่กี่คำถามก็หมดเวลาเยี่ยมเสียก่อน
................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น