ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มี ข่าวใดที่คนไทยให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์มากเท่ากับการชกมวยสากลสมัครเล่น
รุ่นไลท์ฟลายเวท 49 กิโลกรัม ชิงเหรียญทองโอลิมปิกระหว่าง “แก้ว พงษ์ประยูร” กับ “โจว
ซื่อหมิง” (Zou Shiming) หรือที่สื่อไทยเรียก “ซู ซิหมิง” นักชกจากสาธารณรัฐประชา ชนจีน
ว่านักชกไทยถูกโกง ถูกปล้นชัยชนะ!
ขณะที่สื่อต่างประเทศ เช่น สำนักข่าว “บีบีซี” และ “รอยเตอร์ส”
ของอังกฤษ ก็ใช้คำแบบเสียดสีว่า “โจว ซื่อหมิง
ป้องกันแชมป์โอลิมปิกได้อย่างหวุดหวิด ท่ามกลางเสียงโต้แย้ง”
ส่วน “ดิเอจ” สื่อของออสเตรเลีย และ “สปอร์ตติงไลฟ์” สื่อดังของอังกฤษ ออกมาแสดงความเห็นว่านักชกไทยน่าจะทำได้ดีกว่าอย่างน้อย 2
ยก
สื่อในเอเชียอย่าง “แชนเนลนิวส์ เอเชีย” ระ บุว่าเป็นผลการแข่งขันที่ “ขัดใจ” แฟนมวยในสนามอย่างยิ่ง ท่ามกลางเสียงโห่ไม่ยอมรับการตัดสิน
ขณะที่ก่อนหน้านี้สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่ามีการตั้งคำถามเกี่ยวกับระบบการให้คะแนนของการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นชายในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้
โดยเมื่อปีที่แล้วผู้ที่อยู่ในแวดวงกีฬาชกมวยของโอลิมปิกเปิดเผยว่า ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกลอนดอน
2012 นี้อาจมีการซื้อเหรียญรางวัลกันเกิดขึ้น คืออาเซอร์ไบจานยอมจ่ายเงินจำนวน
9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 280 ล้านบาท
ให้แก่สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานา ชาติ (ไอบา) เพื่อให้ได้ 2 เหรียญทอง แต่ไอบาออกมาปฏิเสธและประกาศจะยื่นฟ้องบีบีซี หลังจากคณะ กรรมการจัดงานโอลิมปิกไม่พบหลักฐานอย่างเป็นทาง
การใดๆเกี่ยวกับการจ่ายเงินเพื่อซื้อเหรียญรางวัล
อย่างไรก็ตาม ผลการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นหลายรุ่นก็สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระบบการให้คะแนน
อย่างกรณี “มาโกเมด อับดุลลา มิดอฟ” นักชกจากอาเซอร์ไบจาน
เอาชนะนักชกจากญี่ปุ่นในการชกรุ่นแบนตัมเวท ทั้งที่นักชกของอาเซอร์ไบจานถูกชกล้มลงกับพื้นถึง
6 ครั้งในยกสุดท้าย แต่ญี่ปุ่นได้ประท้วงและมีการเปลี่ยนผลคำตัดสินให้นักชกจากอาเซอร์ไบจานแพ้
แต่กรณี “สายลม อาดี”
นักชกรุ่น 60 กิโล กรัมของไทย ที่แพ้คะแนนดิบ “กานี ซาอลาอูฟ” จากคาซัคสถาน หลังจากเสมอกัน 12-12
หมัด พ.ต.ธง ทวีคูณ โค้ชไทย ได้ยื่นหนังสือประท้วงทันที ตามกฎ
แต่ไม่เป็นผล โดยไอบาระบุว่ายื่นเรื่องช้าไป ทั้งที่ยื่นทันทีแต่ต้องนั่งรอนานถึง 2
ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการตัดสินมวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก
แต่มีการพูดกันมาตลอดเรื่อง “ล็อกผลคำตัดสิน” ว่าไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะโอลิมปิกปี 1988 ที่กรุงโซล
ประเทศเกาหลีใต้ รอย โจนส์ จูเนียร์ ที่ต่อมาเป็นนักมวยสากลอาชีพโลก
แพ้แก่นักชกเกา หลีใต้เจ้าถิ่น ทั้งที่ถูกชกจนสะบักสะบอม หลังจากนั้นกรรมการ 3
คน ถูกสั่งพักงานเพราะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ารับสินบน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเกาหลีใต้เพื่อแลกกับ 2 เหรียญทอง
และทำให้ทีมนักชกจากสหรัฐประท้วงไม่ขึ้นรับเหรียญ
ทำไมพลาดเหรียญทอง?
มีคำถามข้องใจว่าทำไม “สมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” ไม่ประท้วงตามกติกาภายใน 5 นาทีหลังจบการแข่งขัน
แต่มาร้องแรกแหกกระเชอโวยวาย ซึ่งสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯจะอ้างไม่ได้ว่าไม่รู้กฎกติกาของไอบา
แต่หากเห็นว่าถูกกลั่นแกล้งจริงก็สามารถประท้วงเพื่อประจานไอบาได้โดยการไม่ขึ้นไปรับเหรียญรางวัล
ขณะที่นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ
แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊คว่า “แก้ว” พลาดเหรียญทองเพราะประท้วงเกิน
5 นาที? โดยอ้างข่าวหลายสำนักที่รายงานตรงกันว่าเมื่อการแข่งขันจบลง
“เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯของไทย รีบประท้วงกรณีชกแล้วคะแนนไม่ขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ไอบาไม่รับเรื่องเพราะเกินเวลา
5 นาทีที่กำหนด ไทยจึงเสียสิทธิประท้วง
นายวีรพัฒน์จึงตั้งคำถามว่าข่าวรายงานครบถ้วนหรือไม่
ตนไม่ทราบ แต่ในฐานะนักกฎหมายย้ำว่าในโลกใบนี้ไม่มีกฎกติกาอะไรที่ไร้สาระเช่นนั้น
“กฎ 5 นาทีที่ไอบาอ้างเพื่อปฏิเสธสิทธิประ
ท้วงของไทยนั้นต้องพิจารณาตามกฎระเบียบการแข่งขันที่เรียกว่า AIBA
Technical & Competi tion Rules โดยกฎข้อ 9.11.1 กำหนดว่าทีมนักชกไทยมีสิทธิประท้วงผลภายในเวลา 30 นาทีหลังจากการแข่งขัน
ในทางกฎหมาย ข้อ 9.11.1 ถือเป็นบททั่วไป นำไปใช้ได้กับการประท้วงการชกทุกนัด
แต่มีกฎอีกข้อคือ ข้อ 9.11.6 ระบุว่า หากเป็นการชกรอบ
ชิงชนะเลิศ การประท้วงควรทำภายใน 5 นาที”
ข้อ 9.11.6 ที่กำหนดว่า
“ควร” ประท้วงภาย ใน 5 นาที ถือเป็นบทเสริมบททั่วไป นำไปใช้ตีความ ประกอบเฉพาะนัดชิงชนะเลิศ
แต่ในทางกฎหมายไม่ใช่ “บทยกเว้น” คือไม่ได้ยกเว้นว่าเวลาประท้วง
30 นาทีในนัดปรกติจะหดลงเหลือ 5 นาทีในนัดชิงชนะเลิศ
คือเวลา 30 นาทียังใช้บังคับอยู่ตามเดิม
คำสำคัญคือคำว่า “shall
be” กับ “should be” Shall คือการกำหนดสิทธิหน้าที่ว่า
“ต้อง” ทำการประท้วงภายใน 30 นาที Should คือการกำหนดแนว ทางว่า “ควร” ทำการประท้วงภายใน 5 นาทีหลังนัด
ชิงชนะเลิศ ซึ่งอินเดียเคยยื่นฟ้องศาลอนุญาโต ตุลาการกีฬาโลก แต่ผลการตัดสินศาลกีฬาโลกไม่มีสิทธิไปละเมิดหรือกลับคำตัดสินของผู้ตัดสิน
ชำแหละสมาคมมวยฯ?
พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์
อดีตนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯหลายสมัย วิจารณ์การชกของ “แก้ว” กับ “โจว ซื่อหมิง”
ว่าจากประสบ การณ์ที่ดูมวยมาเป็นหมื่นคู่ มวยคู่นี้สามารถออกได้ทั้ง
2 ฝ่าย แต่อยากแนะนำสมาคมว่าปัญหาที่เกิดกับ “แก้ว” ครั้งนี้อย่าไปตกใจอะไร เพราะตัวอย่างโอลิมปิกที่จีนครั้งที่แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่มวยของคิวบาไม่มีเหรียญทองกลับบ้านเลย
ซึ่งสมาคมมวยคิวบาก็ไม่พูดอะไร แต่กลับไปสร้างนักมวยขึ้นมาใหม่ ประเทศไทยจึงต้องสร้างนักมวยที่เน้นชกให้ชนะขาด
ไม่ต้องมานั่งลุ้นเหมือนที่ผ่านมา หากเราทำได้เขาก็ไม่สามารถโกงได้
เช่นเดียวกับสมรักษ์ คำสิงห์
ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ก็เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในการชกของ “แก้ว” ครั้งนี้มาจากสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯชุดนี้เป็นมือใหม่ทั้งหมด
ที่เพิ่งเข้ามาทำงานก็ได้รับงานใหญ่ทันที ดังนั้น หากนักมวยไทยจะไปต่อยที่ไหนก็ตามจะต้องฝึกชกให้ชนะขาด
เพราะหากนักมวยไทยทำได้ก็ไม่มีใครโกงได้แน่นอน
ปฏิรูปไม่ใช่ด่าทอ?
กรณีของ “แก้ว” จึงมีมุมมองหลากหลาย ไม่ใช่โหนตามกระแส “คลั่งชาติ”
จนละเลยความจริงที่เป็นความผิดพลาดหรือความบกพร่องของสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ
ซึ่งต้องกลับมาประเมินผลงานว่าทำไมโอลิมปิกครั้งนี้นักมวยไทยจึงได้ไปชกแค่ 3
คน และมีเพียงคนเดียวที่เข้าชิง แถมยังโดนโกงอีก
ถ้ามีนักมวยเข้าไป 5-6 คนอย่างที่ผ่านมา และเข้าไปชิงสัก 3-4 คน ให้รู้ไปว่าถ้าโดนโกงได้ทั้งหมดก็เป็นเรื่องโคตรเหลือเชื่อ
และประเทศทั่วโลกก็คงไม่ยอมรับพฤติกรรมของไอบาเช่นกัน
สมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯจึงต้องแยกระหว่างเรื่อง
“โดนโกง” กับเรื่องของ “ผลงาน” เป็นคนละเรื่อง ก่อนจะประกาศบอยคอตไม่รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์โลกในเดือนพฤศจิกายนนี้
หรือประกาศจะไม่รับตำแหน่งในไอบา ทั้งที่ยังเป็นสมาชิกของไอบาและส่งนักมวยเข้าแข่งขันในรายการต่างๆ
แทนที่จะเดินหน้าต่อสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในไอบาอย่างจริงจัง
หากทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างกับพรรคการเมืองไทยที่ “บอยคอต” ไม่ส่งคนลงสมัครเลือกตั้งและอ้างว่ายืนหยัดในระบอบประชาธิปไตย
แต่กลับไม่ยอมรับเสียงของประชาชน!!?
ด้านนายกนกพันธุ์ จุลเกษม
ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประกาศว่า จะต้องมีการเปลี่ยน
แปลงเรื่องของการบริหารงานสมาคมกีฬาต่างๆ เพราะในโลกกีฬามีการบริหารงานหลายแบบ
อย่างจีนที่รัฐบาลดูแล 100% ส่งผลถึงการเตรียมนักกีฬาได้เต็มประสิทธิภาพ ขณะที่ประเทศแถบสแกนดิเนเวียให้เอกชนดูแลทั้งหมด
ซึ่งได้ผลไม่แพ้กัน หรือสหรัฐให้รัฐบาลและเอกชนทำงานร่วมกัน
แต่ของไทยกลับไม่เข้าที่เข้าทาง ซึ่งกำลังเร่งให้ พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ออกมาใช้
น่าจะทำให้วงการกีฬาได้รับประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในโอลิมปิกเกมส์อีก 4 ปีข้างหน้าที่รีโอเดจาเนโรที่บราซิล ไม่ให้เหมือน “ลอนดอนเกมส์”
ส่วนนายวิจิตร สิทธินาวิน
นายกสมาคมไตรกีฬาแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลกล้าปฏิรูปจริงๆ
โดยปลดนายกสมาคมกีฬาที่ทำผลงานล้มเหลว แล้วแต่งตั้งคนของรัฐบาลเป็นแทน
ยืนยันว่ารัฐบาล ทำได้แน่นอน อย่างโครงการนักกีฬาช้างเผือก
ที่เป็นโครงการของแต่ละมหาวิทยาลัย ปัจจุบันกลายเป็นโครงการนักกีฬาควายป่ามากกว่า เล่นกีฬาแล้วเรียนไม่จบเพราะสถานศึกษาไม่ให้การช่วยเหลือ
สื่อไทยใจกล้า?
อย่างไรก็ตาม กรณี “แก้ว” ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคน ไทยทั้งประเทศ ทุกสี ทุกฝ่ายไม่พอใจการตัดสินของ
ไอบาว่า “ไม่ยุติธรรม” และ “2 มาตรฐาน” จะเพราะ รักชาติ คลั่งชาติ
หรือโกรธแค้นก็ตาม ต่างรุมประ ณามผ่านเว็บบอร์ดของไอบาอย่างรุนแรงกว่า
200,000 ความเห็นเพียงไม่กี่วัน
รวมถึงนักชกจีนก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย ทั้งที่ต้นเหตุสำคัญอยู่ที่กรรมการ หรือ “มือที่มองไม่เห็น” ที่มีอำนาจเหนือไอบา
โดยเฉพาะสื่อไทยฉวยโอกาส “โหนกระแส” ใจกล้ารุมประณามการตัดสินของไอบาทันทีว่า
“ไม่ยุติธรรม” ซึ่งไม่ผิดที่จะวิพากษ์วิจารณ์ความไม่ยุติธรรม
การเล่นพรรคเล่นพวก ตัดสินให้นักชกฉบับบกระเป๋าของไทยแพ้ไปอย่างค้านสายตา
แต่หากมองสื่อไทยกับวิกฤตการเมืองที่ผ่านมากว่า
6 ปี กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่อง จากความ “อยุติธรรม” และ “2 มาตรฐาน”
ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเห็นชัดเจนว่าสื่อไทยส่วนใหญ่กลับเลือกข้าง โดยไม่คำนึงว่าอะไรคือความเป็นธรรม
อะไรคือความอยุติธรรม หรือ 2 มาตรฐาน
ขณะที่บางสื่อก็ตะแบงเป็น “แอ๊บขาว” ว่ามีจรรยาบรรณ แต่กลับไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ความ
“อยุติธรรม” ที่เกิดจาก “อำนาจนอกระบบ” และ “อำนาจในระบบ”
ทั้งที่ “มองเห็น” และ “มองไม่เห็น” แม้แต่ “วงจรอุบาทว์”
รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ฉีกรัฐธรรมนูญและทำให้บ้านเมืองถอยหลังมาจนทุกวันนี้
การเมือง-การมวย
คำพังเพยที่ว่า “ดูหนัง ดูละคร ย้อนดูตัว” จึงน่าจะเป็นอุทาหรณ์เช่นกันว่า
“ดูมวยโอลิมปิกแล้วอย่าลืมย้อนดูการเมืองไทย”
“แก้ว” โดนโกง แพ้ชวดเหรียญทอง
แต่ชนะใจ!
“ทักษิณ” โดนรัฐประหาร
แต่ชนะทุกครั้งที่ส่งตัวแทนขึ้นชกบนเวทีเลือกตั้ง!
“ประชาธิปัตย์” แพ้เลือกตั้ง
แต่เคยชนะใจคน ไทยหรือไม่? อดใจรอ 4 ปี
เพื่อชนะเลือกตั้งไหวมั้ย?
“กติกาไม่แฟร์” ยังไม่เท่ามี “กรรมการเอียง”!
อย่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มดลูกเผด็จการ” ที่เกิดจาก “อำนาจนอกระบบ”
ผลพวง “รัฐประ หาร” ส่งพวกพ้องเข้าไปเป็นกรรมการตัดสินกีฬาการเมืองทุกประเภท
ไม่ต่างจากไอบา ตุลาการภิวัฒน์ วุฒิสมาชิกที่ครึ่งหนึ่งลากตั้ง
(หรืออีกชื่อฟังดูดีว่า “สรรหา”) โดยเฉพาะกรรมการในองค์กรอิสระเกือบทุกองค์กรขณะนี้ล้วนถูกตั้งคำถามเรื่องที่มาและคำตัดสินที่มีความคลางแคลงในเรื่อง
“ความยุติธรรม” และ “เป็นธรรม”
ทั้งสิ้น
ความรู้สึกของคนไทย (ไม่แบ่งสี)
ที่รู้สึกว่าถูกโกงเกมกีฬา เป็นความรู้สึกจริงๆ คือนั่งดู ยืนเชียร์
แต่ดันแพ้เพราะกรรมการตัดสินอย่างค้านสายตา แต่ไม่อาจหาความรู้สึกนี้ได้จากเกมการเมืองที่เลวร้ายยิ่งกว่า
เพราะคนไทยกลายเป็นพวกที่ไร้ความรู้สึก ไม่ห่วงใยคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
เสียดายว่านั่นเป็นเกมกีฬา แพ้ก็รอ 4 ปี เพื่อฝึกฝนไปแข่งโอลิมปิกใหม่ได้ เพราะไม่มีการส่องฝ่ายตรงข้ามด้วย “สไนเปอร์” หรือถูกตัดสินให้ติดคุกแต่ฝ่ายเดียว
ข้อนี้ยังไม่นับเรื่องเอียงไม่เอียง
ผิดหรือถูก ทั้งจากความรู้สึกของคนไทยต่างสี จากรัฐบาลวิธีพิเศษ
และจากสื่อมวลชนกระแสหลัก (ปักขี้เลน)
“ไอบา” ไม่ร้ายเท่า “ตุลาการภิวัฒน์”
ดังนั้น ความรู้สึกที่คนไทยโกรธเกลียด “ไอบา” ว่าโกงหรือปล้นชัยชนะนั้นคงไม่เลวร้ายเท่ากับกรณี
“ตุลาการภิวัฒน์” ที่ใช้ “องค์กรอิสระ” เป็นเครื่องมือเหมือนกับกรรมการไอบาหรือประธานไอบา
(ว่ากันว่าเป็นคนของจีน) ที่ยืนยันว่าไม่รู้ไม่เห็น และยืนยันว่ากรรมการทุกคนทำดีที่สุดและยุติธรรม
ก็ไม่ต่างจาก “อำนาจนอกระบบ” หรือ
“มือที่มองไม่เห็น” ในการเมืองไทย แม้จะใช้อำนาจและอิทธิพลสารพัดแต่ก็แพ้เลือกตั้งชวดเหรียญทอง
แต่ก็พยายามล้มพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน แทนที่จะเอาชนะใจประชาชนอย่างสง่างาม
ไม่ต่างกับพรรคประชาธิปัตย์ที่เหมือนสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ
ที่เอาแต่โวยว่าถูกโกงแต่ดันลืมประเมินตนเอง
ความรู้สึกคนไทย (สีเหลือง) ตรงข้ามกับความ
รู้สึกคนไทย (สีแดง) ต่อผลลัพธ์ทางการเมืองทุกเรื่อง ในขณะที่ความรู้สึกคนไทย
(ทุกสี) ต่อผลลัพธ์ของมวยกลับเห็นตรงกันว่า “เราถูกโกง
ไม่เป็นธรรม”
อย่าแปลกใจที่เห็นสื่อมว ลชนไทยต่างรุมประ ณามไอบาที่ตัดสินค้านสายตาอย่างดุเดือด
ค้านสาย ตา...ด่าได้ทันที เพราะพี่แก (ไอบา) ไม่ใช่ศาล! (อิอิ)
“ถ้าไม่ถูกโกง เราต้องชนะ” วาทกรรมนี้ถูกใช้ในความรู้สึกของกองเชียร์ไทยในบริบทที่นักชกไทยชวดเหรียญทอง
“ถ้าไม่ถูกโกง เราต้องชนะ” วาทกรรมนี้ถูกใช้เสมอมาในความรู้สึกของกองเชียร์พรรคเก่าแก่ในบริบทที่แพ้เลือกตั้งเสมอมา
“ถ้าตุลาการไม่เอียง เราจะได้ความเป็นธรรม” วาทกรรมนี้เกิดขึ้นในความรู้สึกของกองเชียร์สีแดงต่อบริบท!?...(เขียนไม่ได้กลัวเจอข้อหาหมิ่นฯ) ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรื่องรักชาติ เชียร์ไทย
จึงเป็นเรื่องปรกติของการเชียร์กีฬา ซึ่งเราล้วนต่างยินดีกับ “แก้ว พงษ์ประยูร” ที่ชนะใจคนไทยทั้งประเทศ และขอบคุณบรรดาสปอนเซอร์ที่ยังรับปากว่าจะให้นักชกไทยได้อัดฉีดเทียบเท่าเหรียญทอง
แต่อย่าลืมฉุกคิดเรื่อง “อำนาจนอกระบบการเมืองไทย” ที่ส่งพวกพ้องเข้าไปเป็นกรรมการตัดสินในทุกองค์กรอิสระและไม่อิสระได้จนเป็นเรื่องปรกติ
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่แต่ละประเทศต่างจะส่งคนของตนไปเป็นกรรมการในการตัดสินกีฬาต่างๆในโอลิมปิก
หรือเป็นเพราะเราเก่ง...เบ่งได้แต่ในบ้าน?
ถ้าคนไทย (ทุกสี) รู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรม
เหมือนรับรู้ผลการตัดสินของไอบา รู้สึกว่าเหมือนถูกโกง ถูกปล้นเหรียญทอง
เจ็บช้ำน้ำใจจนทนไม่ได้ คิดแบบเป็นเหตุผล อย่างมีตรรกะ
เฉกเช่นการดูมวยในโอลิมปิกแล้วค้านสายตาจากผลของคำตัดสิน
แต่ต้องไม่ใช่ข้ออ้างว่า “กรูแพ้เพราะมรึงโกง”, “รอ 4 ปีไม่ไหวก็ยึดอำนาจซะ
แล้วยุบพรรคแมร่งเลย”, “ตุลาการวันนี้ พวกกรูทั้งนั้น นี่คือยุติธรรมอันหาที่สุดมิได้”
ถ้าสื่อไทยใจเป็นธรรม ลุกขึ้นมาประณามและชื่นชมนักข่าวไทยที่กล้าสงสัยในกระบวนการตุลาการ
ซึ่งเป็นต้นธารแห่งความยุติธรรม เหมือนกับขณะนี้ที่ชื่นชมนักข่าวไทยที่ใจกล้าไล่ต้อนประธานไอบาบ้าง
คนไทยคงไม่ต้องต่างสีกันถึงขนาดนี้ เพราะมีความรู้สึกต่อความเป็นธรรมในบริบทเดียวกัน
ในฐานะสื่อไทยที่ใส่ใจ “การมวย” เราขอประ ณาม..ประธานไอบาเฮงซวย..กรรมการตัดสินมวยเฮงซวย..ปล้น
เหรียญทองไทย!
ในฐานะ
สื่อไทยใจหาญกล้า...เอ่อ..ข้าแต่...ที่เคารพ “ตุลาการภิวัฒน์”
จงเจริญ! (แฮะๆ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น