ที่มา
ประชาไท
โดย สมยศ
พฤกษาเกษมสุข
มนุษย์ไม่อาจดำรงอยู่ได้หากปราศจากเสรีภาพ
ซึ่งเป็นหลักประกันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
พัฒนาการของมนุษย์เป็นการต่อสู้ดิ้นรนจากการถูกจำกัดมาสู่อิสระเสรี
การจำกัดเสรีภาพจึงต้องมีขอบเขตจำกัดและควบคุมมนุษย์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และสันติสุขของสังคม
คนคุกหรือนักโทษคือ
อาชญากรที่ฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นกติการ่วมกันของสังคม
นักโทษเหล่านี้ย่อมได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง
แม้กระนั้นจำนวนนักโทษมิได้ลดลงแต่อย่างใด กลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น
และถึงแม้จะมีการสร้างคุกตะรางมากขึ้น ก็ยังไม่พอรองรับการขยายตัวของนักโทษ
จนแต่ละคุกแออัดยัดเยียดแน่นขนัด
สภาพความเป็นอยู่ของนักโทษจึงเลวร้ายไม่ต่างไปจากไก่ในเข่งที่ส่งไปเชือด
หรือหมาในกรงขังที่ส่งไปขายที่เวียดนาม
นักโทษส่วนใหญ่เป็นคนยากจน
เป็นชนชั้นล่างของสังคมถูกจับเข้าคุกด้วยข้อหาลัก-ชิง-ปล้นทรัพย์ หลอกลวง ฉ้อฉล
ทำร้ายร่างกายผู้อื่น อาชญากรเหล่านี้สะท้อนปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคม กล่าวคือ
เป็นคนว่างงาน ยากจน จึงต้องทำผิดกฎหมายเพื่อความอยู่รอดของตนเอง
การจับคนเหล่านี้เข้าคุกตะพึดตะพือไม่ได้แก้ปัญหาอาชญากรรมแต่อย่างใด
กลับเพิ่มความรุนแรง และความสามารถในการกระทำความผิดได้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
นักโทษหลายคนเดินเข้า-ออกคุกเป็นว่าเล่น
ไม่ได้เข็ดหลาบหรือสะทกสะท้านสภาพการถูกจองจำอันเลวร้ายในคุกแม้แต่น้อย
บางคนปล่อยตัวได้เพียง 5
วันก็กลับเข้ามาอีก
มาดี บุญช่วย ชาวศรีสะเกษ วัย 56 ปี
เป็นนักโทษที่เข้า-ออกเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถึง 5 ครั้งด้วยกัน
ครั้งหลังสุดเข้าไปในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น หยิบบะหมี่สำเร็จรูป 5 ซอง เดินออกจากร้านไปยืนรอให้ตำรวจมาจับกุม
เข้ามาขังอยู่ในคุกอย่างน้อยที่สุดก็มีที่ซุกหัวนอนและมีข้าวกิน
อีกจำนวนมากที่ถูกคุมขังเป็นนักโทษ
ซึ่งถือเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ว่า “ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า
ผู้ต้องหาหรือจำเลย ไม่มีความผิดก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด
แสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น
เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้”
นั่นเป็นถ้อยคำสวยหรู
เป็นการยอมรับหลักการสิทธิมนุษยชนที่ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญ แต่ทว่าในความเป็นจริง
ศาลมักจะไม่ให้สิทธิการประกันตัว หรือการปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ
หนึ่ง คดีมีโทษสูงกลัวการหลบหนี เป็นเหตุผลครอบจักรวาล
เพราะเป็นเพียงการใช้ดุลยพินิจของผู้พิพากษา
จึงมักปรากฏว่าหากจะได้รับการประกันตัว ตามหลักสิทธิมนุษยชนต้องมีการ “วิ่งเต้น”
จ่ายเงินใต้โต๊ะ ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านาน สอง ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีหลักทรัพย์
หรือมีบุคคลน่าเชื่อถือค้ำประกัน ดังนั้นคนยากจนย่อมต้องถูกคุมขัง
ไม่ได้รับสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนคนรวยมักจะได้รับสิทธิกันง่ายดาย
1.
นายประสิทธิ์ วัชรบัณฑิตย์
เป็นวิทยากรบรรยายธุรกิจขายตรงให้กับบริษัทอีซี่เน็ตเวิร์คมาเก็ตติ้ง
ถูกกล่าวหามีความผิดตามพรบ.ขายตรง และพรก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
ถูกจับกุมคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพกับพวกรวม 13 คน
บริษัทดังกล่าวชักชวนและจูงใจให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมฟังการบรรยาย อบรม
เพื่อลงทุนซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น ข้าวสาร กาแฟ บะหมี่สำเร็จรูป ฯลฯ
โดยคิดมูลค้าการลงทุนซื้อเป็นหุ้น
และจ่ายผลตอบแทนเงินปันผลในจำนวนที่สูงขึ้นภายในระยะเวลา 6 เดือน
เขาเป็นนักโทษถูกขังอยู่ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา
ปัจจุบันอายุ 65 ปี ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
เคยผ่าตัดบายพาสและบอลลูน 2 ครั้ง คดียังอยู่ในระหว่างการไต่สวนของศาลมา
4 ปีแล้ว ยังไต่สวนไม่เสร็จ ได้ขอใช้สิทธิประกันตัว
พร้อมหลักทรัพย์ตามเกณฑ์กำหนดมา 9 ครั้งแล้ว ศาลไม่อนุมัติ
ช่วง 4 ปีในคุกบุตรสาวล้มป่วยจนเสียชีวิต
โดยที่นายประสิทธิ์ไม่สามารถไปร่วมงานศพของลูกสาวได้
2.
นายมานพ เอี่ยมสะอาด ผู้ต้องหาในความผิดตามพรบ.ขายตรง
และพรก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ในคดีเดียวกันกับนายประสิทธิ์และพวก 13
คน ตำรวจจับกุมตัวเขาได้ และส่งตัวขังคุก เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 ได้รับการประกันตัวปล่อยออกไป
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555
3.
นายประภากร วรวรรณ ณ อยุธยา ผู้ต้องหาในความผิดฐานลักทรัพย์บัตรเครดิตผู้อื่น
นำไปใช้ชำระซื้อสินค้าลงชื่อในบันทึกการขาย เป็นการปลอมเอกสารสิทธิ ศาลตัดสินจำคุก
3 กระทง กระทงละ 2 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ
ลดโทษหนึ่งในสาม รวม 4 ปี 16 เดือน
นายประภากรต่อสู้คดี นำสืบเป็นราชนิกูล ร่ำรวยมาก
ไม่มีความจำเป็นลักทรัพย์ แต่ที่กระทำลงไป เพราะมีจิตบกพร่อง
หรือโรคจิตที่เรียกว่า “Bipolar
Disorder” มีหลักฐานเป็นเวชระเบียบ และนายแพทย์โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
มาเบิกความว่านายประภากรป่วยทางจิต อารมณ์แปรปรวน
หากอาการกำเริบไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมตนเอง
ศาลวินิจฉัยว่านายประภากรประกอบอาชีพขายน้ำหอมที่ห้างมาบุญครอง
สามารถอธิบายสินค้าและเจรจาต่อรองได้ ทำความผิดด้วยการใช้อุบาย
ระหว่างสอบสวนโต้ตอบได้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ากระทำความผิดเพราะจิตบกพร่อง
ตามมาตรา 65
ประมวลกฎหมายอาญา
ต่อมาเดือนกรกฎาคม 2555 นายประภากรยื่นคำร้องขอประกันตัว
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ว่าเป็นโรคจิตประเภทอารมณ์แปรปรวน ทำความผิดหลายครั้ง
สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของแพทย์ หากปล่อยตัวชั่วคราวจะเป็นอันตรายต่อสังคม
และกลัวการหลบหนี จึงไม่อนุญาตประกันตัว
นายประภากรถูกคุมขังมา 2 ปี
ไม่มีญาติมาเยี่ยมเยือนปล่อยให้เป็นนักโทษราชนิกูลอนาถา ทำให้ขาดโอกาสการรับการรักษาพยาบาลให้หายขาดเป็นปกติได้
4.
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ
(นปช.) ถูกกล่าวหาก่อการร้าย ยุยงปลุกปั่นประชาชนก่อความวุ่นวายหลายครั้งด้วยกัน
หลบหนีการจับกุมเป็นเวลา 1 ปี
กลับเข้ามามอบตัวถูกจับขังคุกเมื่อ 7 ธันวาตม 54 ได้รับสิทธิการประกันตัวออกไปเมื่อ 28 ธันวาคม 2554
5.
นายสุรภักดิ์ อายุ 41 ปี
สมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์ Facebook จำนวน
5 ครั้ง ถูกจับเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2554
นายสุรภักดิ์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยื่นคำร้องขอประกันตัว 5 ครั้ง ศาลไม่อนุญาตเกรงว่าจะหลบหนี
6.
สนธิ ลิ้มทองกุล
ถูกกล่าวหาร่วมกันทำรายงานการประชุมกรรมการบริษัทเป็นเท็จเกี่ยวกับการค้ำประกันเงินกู้กับธนาคารกรุงไทย
6 ครั้ง เป็นเงิน 1,078 ล้านบาท
โดยไม่ทำรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์เป็นการลวงนักลงทุน ศาลพิพากษาจำคุก 85 ปี นายสนธิรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 42 ปี
แต่กฎหมายลงโทษสูงสุด 20 ปี
แต่นายสนธิได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 10 ล้านบาท
ระยะเวลา 1 ปี ที่ผมถูกคุมขัง
เป็นนักโทษการเมืองตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2554 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้เจอะเจอผู้ถูกกล่าวหาถูกคุมขัง
ได้รับทราบจากการบอกเล่าโดยตรงว่า
สำหรับคนร่ำรวยอยู่คุกไม่กี่วันได้รับสิทธิประกันตัวด้วยเงินที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะกันรายละ
1-5 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เป็นไปตามกฎเกณฑ์กำหนดจากโทษที่ระบุไว้ในกฎหมาย เช่น โทษ 1 ปี ต้องใช้หลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 1 แสนบาท โทษ 10
ปีก็ต้องใช้หลักทรัพย์ 1 ล้านบาท เป็นต้น
ในส่วนของผู้พิพากษายังไม่มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
ไม่ต้องแสดงทรัพย์สินก่อนและหลังรับตำแหน่ง ไม่มีการตรวจสอบความร่ำรวยผิดปกติ
เหมือนกับฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร
กระบวนการยุติธรรมจึงเต็มไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่น
กินสินบาทคาดสินบน ใช้อิทธิพล เส้นสายช่วยเหลือผู้กระทำความผิด
ตลอดจนใช้เป็นช่องทางกลั่นแกล้งทางการเมืองและการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน “จริยธรรม”
และ “ศีลธรรม” เป็นเพียงการแอบอ้าง
และการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้ตนเองอยู่เหนือประชาชน เป็นพวกอภิสิทธิ์ชนในสังคม
อีกประเภทหนึ่งของคนไร้สิทธิเสรีภาพโดยสิ้นเชิง
คือผู้ถูกกล่าวหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา
ที่จะไม่มีโอกาสได้รับสิทธิประกันตัว เว้นแต่บุคคลที่เป็นนักการเมือง
หรือผู้มีอิทธิพลก็จะเป็นข้อยกเว้นให้ได้รับการประกันตัวเช่นกัน
การไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว
เท่ากับเป็นการมัดมือชกผู้ถูกกล่าวหา ไม่สามารถต่อสู้คดีอย่างเที่ยงธรรม
ตามหลักนิติธรรม
ผู้ถูกกล่าวหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องยอมรับสารภาพในภาวะการถูกบีบบังคับเพื่อรับโทษกึ่งหนึ่ง
และขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
ทุกวันนี้เราจึงมีนักโทษทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์
ผู้กระทำความผิดจริง เป็นผู้ถูกกักขังอยู่ในคุกทั่วประเทศ 142 แห่ง
เป็นจำนวน 2.8 แสนคน ในจำนวนนี้ 40% หรือราว
80,000 คน เป็นผู้ต้องขังอยู่ในระหว่างการไต่สวนของศาล
ซึ่งยังไม่มีความผิด แต่ถูกกระทำเสมือนผู้กระทำผิดไปแล้ว
คุกตะรางและเหล่านักโทษที่มีชีวิตเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
คือบาดแผลอักเสบของสังคมไทย ตราบเท่าที่สังคมยังมีชนชั้นและความเหลื่อมล้ำต่ำสูง
ยังมีคนรวยล้นฟ้า และคนจนต่ำติดดิน คนรวยมีอำนาจอิทธิพลต่อกระบวนการยุติธรรม
จึงได้รับสิทธิพิเศษเป็นอภิสิทธิ์ชน กฎหมายและศาลมีไว้เพื่อปกป้องทรัพย์สินคนรวย
คุกตะรางนอกจากมีไว้กักขังพวกที่ถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรที่เป็นอันตรายต่อสังคมแล้ว
คุกตะรางยังมีไว้เพื่อกลั่นแกล้งผู้บริสุทธิ์ ใช้เป็นเครื่องมือปิดหูปิดตาประชาชน
เพื่อความมั่นคงของอำนาจรัฐเผด็จการอีกด้วย
(ติดตามอ่านตอนต่อไป)
13
สิงหาคม 2555
โดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข
โดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น