การแพ้การเลือกตั้งของผู้สมัคร
ส.ส.และนายกฯอบจ.ที่สังกัดพรรคเพื่อไทยในจังหวัดปทุมธานีเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะยกระดับการเรียนรู้ถึงพัฒนาการทางการเมืองไทยของ
ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และยกระดับการเรียนรู้ของขบวนการคนเสื้อแดงว่าการเมืองไทยได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
และการเมืองไทยได้เข้าสู่กระบวนการแห่งเนื้อหาของประชาธิปไตยแล้วที่จะต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้งและจะต้องนับถือประชาชนเป็นพระเจ้าที่เดินดินแทนพระเจ้าที่อยู่บนฟ้า
ผมจึงขอนำเหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษา (Case Study)
และขอบอกกับเพื่อนๆว่า “เป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อน” และสิ่งนี้คือความล้ำเลิศของระบอบประชาธิปไตยโดยมีข้อสังเกตดังนี้
1.ต้องยอมรับการตัดสินใจของพี่น้องปทุมธานี
ก่อนอื่นต้องยอมรับการตัดสินใจของพี่น้องชาวปทุมธานีก่อนว่าเขาพึงพอใจเช่นนั้นอย่าใช้ทัศนะของพรรคประชาธิปัตย์หรือทัศนะพวกอำมาตย์ที่ไม่เคารพประชาชน
จะเห็นได้ว่าหากทุกครั้งที่พวกเขาแพ้เลือกตั้งพวกเขาจะบอกว่าพรรคฝ่ายตรงข้ามที่ชนะเกิดจากการซื้อเสียงแล้วนำไปสู่การให้ร้ายระบอบประชาธิปไตยทุกครั้งว่าเป็นธุรกิจการเมือง
และจบลงที่รัฐประหารยึดอำนาจแล้วเริ่มต้นใหม่
การยอมรับนี้มิใช่เป็นการเสแสร้งแต่เป็นการยอมรับด้วยความจริงใจและน้อมรับผลการตัดสินใจมาศึกษาเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินการของพรรคและของขบวนการคนเสื้อแดง
เมื่อเกิดความพ่ายแพ้ก็เป็นธรรมชาติของปุถุชนที่จะเสียใจ
ดังนั้น จึงเกิดภาวการณ์ทางความคิดสุดโต่ง 2 ด้านคือ พวกหนึ่งจะเกิดความเสียใจอย่างรุนแรงเลยเถิดไปถึงเกิดความหดหู่ใจแล้วตัดสินใจละทิ้งขบวนการจนเลิกที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป
รวมถึงไปปลุกปั่นคนใกล้ชิดให้หดหู่ใจและละทิ้งแนวทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วย
ส่วนอีกพวกหนึ่งจะเกิดความโกรธแค้นพวกเดียวกันแล้วด่าทออย่างไม่ถนอมน้ำใจโดยขาดการศึกษาข้อมูลว่าอะไรเป็นอะไรอย่างมีเหตุผล
แต่อย่างไรก็ตามต้องถือว่า “มวลชนด่าว่าเพราะมวลชนรัก”
เมื่อรักมากห่วงมากจึงด่ามาก ส.ส.เพื่อไทยก็ต้องน้อมรับฟังก็คิดเสียว่าในเมื่อประชาธิปัตย์ด่าว่าในสภายังอดทนนั่งฟังได้ เมื่อมวลชนด่าว่าด้วยความรักก็ต้องทนฟังได้
ปกติผมไม่ชอบที่จะรับรองใครแต่ในที่นี้ผมขอยืนยันว่าคุณสุเมธ ฤทธาคนี
เป็นส.ส.ที่ดีและมีความคิดกล้าต่อสู้คนหนึ่งในพรรคเพื่อไทยที่ได้เคยแสดงบทบาทร่วมกับคนเสื้อแดงต่อต้านการบุกยึดสถานีถ่ายทอดดาวเทียมของอำนาจเผด็จการทหารในรัฐบาลอภิสิทธิ์
– สุเทพ
เพียงแต่เป็นการก้าวพลาดครั้งสำคัญต่อการประเมินมวลชนและไม่ยอมรับฟังการทัดทานของผู้นำพรรคฯที่ห้ามไม่ให้ลาออกและผลจากการตัดสินใจผิดพลาดของคุณสุเมธนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งและจะเป็นผลร้ายต่อตัวคุณสุเมธอย่างรุนแรง
ซึ่งถือเป็นบทลงโทษจากการประเมินมวลชนผิดพลาด
ประชาชนเปรียบดุจดังท้องทะเลหากชาวประมงผู้ใดประเมินทะเลผิดก็อาจจะสูญเสียชีวิตในพายุใหญ่ท่ามกลางความเงียบสงบของท้องทะเล
3.นักการเมืองต้องเห็นหัว(ใจ)มวลชน
คำว่าเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางกินความลึกซึ่งมาก
ถ้าจะพูดอย่างภาษาชาวบ้านคือ “ต้องเห็นหัว (ใจ) มวลชน”
เมื่อชนะเลือกตั้งยกเขตจังหวัดปทุมธานีในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาอย่าได้คิดว่า
“มวลชนเป็นของเรา” ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิดเพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของมวลชน
มีแต่ความถูกต้องเป็นเจ้าของมวลชน
มีแต่นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชนเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของมวลชน
มวลชนเป็นผู้มีเหตุผล
และเหตุผลของมวลชนมีภาวะผันแปรตลอดเวลา
มวลชนจึงไม่ต่างจากพระเจ้าตัวจริงที่เดินดินและใครที่อ้างว่าเป็นเจ้าของมวลชนและทำอะไรตามใจตัวเองโดยปล่อยให้มวลชนอดอยากและหลอกลวงมวลชนไปวันๆ
วันหนึ่งเขาจะรู้ความจริงดังคำกล่าวข้างต้นว่ามวลชนคือพระเจ้าและไม่มีใครเป็นเจ้าของพระเจ้าได้นอกจากตัวพระเจ้าเอง
คำถามที่คุณสุเมธผู้ที่ลาออกจาก
ส.ส.ไปสมัครนายกฯอบจ.แก้ไม่ตกคือ “ พวกผมเลือกคุณมาแล้วคุณลาออกทำไม
? ”
นักการเมืองทั้งหลายต้องรู้ว่าธรรมชาติแห่งมวลชนในระบอบประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งซ่อม
ทุกครั้งโดยปกติรัฐบาลเสียงข้างมากจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะทัศนะคติของมวลชนคนเมือง(Voter) ที่มิได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลพึ่งพิงส.ส.และลัทธิบูชาตัวบุคคล
จะมีความเห็นเป็นปกติว่า ก็รัฐบาลมีเสียงข้างมากแล้วทำไมพวกเขาจะต้องไปเพิ่มเสียงให้อีก
ดังนั้น แนวโน้มของการเลือกตั้งซ่อมประชาชนมักจะเลือก
ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเพื่อถ่วงดุล
ยิ่งเป็นการลาออกด้วยจงใจเพื่อไปสมัครนายกฯอบจ.ที่คนทั่วไปเข้าใจว่ามีผลประโยชน์การถือเงินบริหารมากกว่าจึงเป็นเรื่องที่ถูกเหตุผลในทางร้ายถมทับอย่างแก้ไม่ตก
ลักษณะตัดสินใจเอาผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นตัวตั้งและหลงตัวเองว่า
“ประชาชนนิยมฉัน!” เป็นภาวะทั่วไปของส.ส.ไทยไม่ว่าพรรคไหนเพราะกรอบความคิดของส.ส.ไทยมักจะมองมวลชนเป็นเพียงพรรคพวกของหัวคะแนนที่ตนสามารถควบคุมได้
เพื่อนส.ส.เพื่อไทยอีกหลายคนขอให้เปลี่ยนทัศนะเสียเถิดอย่ามองข้ามเหตุผลของพระเจ้าผู้เดินดินเลย
เพื่อนเสื้อแดงทั้งหลายขอให้ทราบเถิดครับว่าผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยเขาห้ามแล้วและผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่ผมรู้มาเขาเหนื่อยกับส.ส.ผู้ดื้อรั้นอย่างไร้เหตุผลทางการเมือง
แต่เขาพูดไม่ออกและขณะนี้ท่านจะเห็นความดื้อรั้นและภาวะสายตาสั้นของนักการเมืองผู้หลงตัวเองในการเลือกตั้งนายกฯอบจ.อีกหลายจังหวัดที่กำลังเกิดขึ้น
ด้วยเหตุนี้
การพ่ายแพ้ที่ปทุมธานีจึงเป็นเรื่องโชคดีที่แพ้ก่อนเพราะมีเหตุผลมากขึ้นที่ผู้ใหญ่ในพรรคจะต้องเร่งยกเครื่อง
ระบบ Primary Vote หรือการประเมินส.ส.ที่จะลงเลือกตั้งครั้งต่อไปได้เร็วขึ้น
และเป็นจริงมากขึ้น และนี้คือการพัฒนาประชาธิปไตยที่มีตัวชี้วัดคือ “มวลชน” ของจริงจะต้องเกิดขึ้นอย่างน้อยที่สุดเหตุการณ์ที่ปทุมจะเป็นประโยชน์ต่อทุกพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกคนที่จะต้องรู้จัก
“เห็นหัวประชาชน” กันบ้าง
4.ขอให้เข้าใจความเป็นจริงเรื่องน้ำท่วมน้ำขังรอบกรุงเทพฯที่ยาวนาน
การโจมตีส.ส.ปทุมธานีของพรรคเพื่อไทยที่ปล่อยให้น้ำท่วมขังรอบกรุงเทพฯยาวนานและนำความเจ็บปวดโกรธแค้นมาสู่มวลชนนั้นเป็นข้อวิจารณ์กันอย่างมากของพี่น้องเสื้อแดงที่ต้องแยกแยะ
กล่าวคือ ส่วนหนึ่ง เกิดจากความไม่รู้โดยสุจริตใจของพี่น้องเสื้อแดง อีกส่วนหนึ่ง
เป็นคำวิจารณ์ให้ร้ายของศัตรูที่ฉวยโอกาสแอบแฝงเป็นคนเสื้อแดงทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเหตุการณ์น้ำท่วมเกิดจากอะไร
ในที่นี้ผมไม่ได้แก้ตัวแต่ต้นเหตุเป็นเรื่องที่
“แม้ตายก็บอกไม่ได้” แต่ทุกคนต้องรับเคราะห์
ผมขอตั้งข้อสังเกตหน่อยเถิดว่า “ทำไมน้ำท่วมเอ่อล้น 2 ฝั่งเจ้าพระยาตั้งแต่นครสวรรค์ ถึง ปทุมธานี
แต่ทำไมไม่เอ่อล้นท่วม 2 ฝั่งเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานคร? ”
ด้วยเหตุนี้
เมื่อพระแม่คงคาไม่อาจจะผ่านเข้ากรุงเทพฯได้ท่านจึงต้องทะลักเข้าสู่ที่ดอนแม้แต่ “ดอนเมือง” ซึ่งไม่เคยมีน้ำท่วมก็ยังไม่เว้น
ความผิดปกติทางธรรมชาตินี้ถ้าไปถามหม่อมบางท่านก็น่าจะรู้ความจริง
บทสรุป
ได้เวลายกระดับความคิดครั้งใหญ่ของส.ส.และคนเสื้อแดงแล้ว
จงใช้วิกฤติเป็นโอกาส
ใช้กรณีพ่ายแพ้ที่ปทุมธานีเป็นกรณีศึกษาภายใต้คำขวัญว่า “โชคดีที่แพ้ก่อน” เพื่อจะสืบต่อชัยชนะต่อไปและสะสมชัยชนะให้เติบใหญ่ขึ้น
(1) ความเร่งด่วนของพรรคเพื่อไทย
ฝ่ายบริหารพรรคฯต้องเร่งแก่ไขทัศนะดื้อรั้นที่ผิดพลาดของส.ส.พรรคฯที่เอาผลประโยชน์เฉพาะตนกล่าวแอบอ้างว่าเป็นประโยชน์ของพรรคฯและส.ส.พรรคฯที่ชอบแต่แสวงหาผลประโยชน์เฉพาะหน้าโดยกล่าวแอบอ้างว่าเป็นผลประโยชน์ระยะยาวด้วยใช้มติลงโทษส.ส.ผู้ไม่ฟังการตัดสินใจของกรรมการบริหาร
(2) ความเร่งด่วนของขบวนคนเสื้อแดง
ต้องเร่งยกระดับการเรียนรู้ของประชาชนคนเสื้อแดงที่มีความจริงใจต่อการต่อสู้
แต่ขาดประสบการณ์ทางการเมืองโดยขอให้ นปช. ที่มีภารกิจทางประวัติศาสตร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ขณะนี้ปรับขบวนการการแสดงออกบนเวทีที่ต้องเน้นเนื้อหาความคิดและการเรียนรู้ยุทธศาสตร์
ยุทธวิธีมากขึ้น และขอให้แกนนำ
นปช.บางคนอย่าได้ผูกขาดว่าเสื้อแดงคือหัวคะแนนผู้อยู่ในโอวาทของตัวเองที่จะแสดงอะไรก็ได้บนเวที
รวมถึงแสดงความคับแคบที่กีดกันแนวร่วมที่ไม่ใกล้ชิดตัวเองและการไร้วินัยที่กินเหล้าเมาก่อนขึ้นปราศรัยต่อหน้ามวลชน
อันเป็นการไม่เคารพมวลชนอย่างยิ่ง
เพราะการชุมนุมมวลชนแต่ละครั้งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรอยต่อระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาธิปไตยที่กำลังต่อสู้ขับเคี่ยวกันอยู่ในขณะนี้
ในรายละเอียดยังมีอีกมาก
ขอให้ถนอมรักกันอภัยกันและช่วยกันคิดแก้ไข ยังไม่สายเกินไปหรอกครับ
น่าเหนื่อยใจจริงๆ จะลาออกมาทำไม สมน้ำหน้าจับปลาหลายมือ คิดว่าประชาชนโง่ ทำเสียชื่อพรรค จะมีใครลาออกมาอีกไหม?
ตอบลบนี่คือ บทสรุป ของ สส.ที่ไม่นับถือประชาชน
ตอบลบบทสรุปที่ทรงคณค่า อย่ามองว่าประชาชนกินหญ้าคิดว่าอย่างไรมันก็ต้องเลือกฉัน เพื่อไทยไม่ได้แพ้ปชป.แต่แพ้ตัวเอง การต่อสู้ที่ผ่านมา นปช.คือส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ออกมามีความคืดเป็นของตัวเองก็มาก ไม่ใช่มาเพราะถูกยุให้มา เวลาได้แล้วมองไม่เห็นคุณค่าของ ปชช.
ตอบลบนับถือใจอาจารย์สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ คุณสมยศ พฤกษาเกษม และพี่น้องที่เสียสละอีกหลายคนที่ต้องรับกรรมทั้งที่ความจริงไม่ผิดเลยเมื่อไหร่ฟ้าเปิดแสงสว่างคงส่องลงมาถึงพวกเราบ้าง
ตอบลบที่เชียงรายก็มีปัญหาของการแย่งคะแนนกันเอง จากคนเสื้อแดง คิดว่าเบอร์ 1 พรรคส่งแข่งขันแน่นอน หรือว่าอีกสองเบอร์เขาถูกจ้างลงตัดคะแนน
ตอบลบ