Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

2 ปี 10 เมษา"53 - สิ่งที่ได้และขาดหาย

จากข่าวสด 10 เมษายน 2555



หมายเหตุ : ครบรอบ 2 ปี เหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ในความทรงจำของใครหลายคน เหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้นอาจลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่สำหรับญาติของ เหยื่อž ผู้เสียชีวิต คงยากที่จะทำใจกับการสูญเสียครั้งสำคัญ
บทเรียนจากเหตุการณ์ 10 เมษาž สอนอะไรแก่พวกเขา และยังมีอะไรที่ต้องเรียกร้องต่อไป

---------------------
นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม
ภรรยาพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม


หลังจากพ.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิตก็ได้หน่วยงานต้นสังกัดคือกองทัพบกเข้ามาช่วยเหลือ ได้เงินตามสิทธิ์ที่พึงจะได้รับตามปกติ ส่วนที่รัฐบาลจะให้เพิ่มทราบว่าคณะของอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ประธานปคอป. กำลังพิจารณาหลักเกณฑ์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีหลายฝ่ายต้องการให้มีความปรองดอง สมานฉันท์ ต้องใช้เวลาและทำด้วยความรอบคอบ ต้องคำนึงถึงคู่กรณีของทุกฝ่าย อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชน คนไทยทั่วไปก็ต้องถามความรู้สึกเขาด้วย

จะเร่งรีบให้เกิดความปรองดองคงไม่ได้ ต้องใช้เวลา เพราะเวลาจะช่วยรักษาและเยียวยาตัวมันเองด้วย แต่ถ้าเร่งรีบอาจเกิดผลเสียที่รุนแรงมากว่าเดิมก็อาจเป็นได้

และในขณะที่มีการพูดถึงการเยียวยากระบวนการอื่นก็ต้องเดินหน้าควบคู่กันไปด้วยคือ การค้นหาข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรม

เรื่องคดีญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมดไม่เคยได้รับแจ้งความคืบหน้าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบใดๆ เลย แต่เมื่อต้นปีมีโอกาสพบกับผู้ใหญ่ในรัฐบาล ท่านเลยส่งเอกสารมาให้

ในเอกสารระบุไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ เมื่อย้อนเวลากลับไปจะเห็นว่าดีเอสไอออกมาแถลงว่าคดีของพ.อ.ร่มเกล้า และนายทหารที่เสียชีวิต ระบุเสียชีวิตจากการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุม มีการจับตัวผู้ต้องสงสัยและผู้กระทำความผิดได้และปล่อยตัวไป

ผ่านไป 1 ปี กลับกลายเป็นว่าไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้ โดยไม่มีการพูดถึงเนื้อหาที่เคยแถลงเอาไว้ก่อนหน้านี้เลย จึงเกิดความข้องใจ และต้องการความกระจ่าง

เหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 ซึ่งครบ 2 ปี ขอฝากผู้เกี่ยวข้องว่าการค้นหาข้อเท็จจริงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจความเป็นมาของเหตุการณ์ว่ามีความเป็นมาอย่างไร แล้วหาทางป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก

แต่ถ้าเราข้ามความจริง ข้ามขบวนการค้นหาข้อเท็จจริงแล้วไม่เปิดเผยข้อเท็จจริง ก็จะทำให้เหตุการณ์ที่ผ่านมาสูญเปล่า ไม่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเลย ที่สำคัญคือคนผิดก็ยังอยู่ และสังคมก็มีความเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างที่ผ่านมาอีก






นางกรทอง สิริกุลวาณิชย์
ภรรยานายอนันต์ สิริกุลวาณิชย์


สามีถูกยิงบริเวณสี่แยกคอกวัว รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกระทั่งเสียชีวิตวันที่ 14 พ.ค.2553 หลังเขาเสียชีวิตครอบครัวลำบากมากเพราะมีลูกสาว 2 คน คนเล็กยังอยู่ในวัยเรียน

สามีเป็นช่างรับเหมาทำอะลูมิเนียม เป็นเสาหลักของบ้าน ดูแลค่าใช้จ่ายของลูกและค่าเช่าห้องเดือนละ 2,200 บาท ส่วนดิฉันรับจ้างทั่วไปได้เงินวันละ 250 บาท

เมื่อขาดสามี ลำพังเงินจากการรับจ้างรายวันของตัวเองก็ไม่พอ ที่สำคัญเมื่อก่อนเวลาลูกมีปัญหาก็จะปรึกษาพ่อ เพราะสามีจบปริญญา ส่วนดิฉันมีความรู้ไม่มากเมื่อลูกปรึกษาอะไรแล้วตอบไม่ได้ก็รู้สึกเสียใจ

หลังจากสามีเสียชีวิตครอบครัวได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 4 แสนบาท, สำนักพระราชวัง 5 หมื่นบาท กระทรวงยุติธรรม 1 แสนบาท และพรรคเพื่อไทย

แต่ไม่ได้ทำให้ครอบครัวสบายขึ้นเพราะกว่าจะได้รับเงินเยียวยาใช้เวลานานหลายเดือน บางหน่วยงานใช้เวลายื่นเรื่องเกือบปี ระหว่างรอก็มีค่าใช้จ่าย

ขณะนี้ยังคงรอการเยียวยาจากรัฐบาลอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้ก่อนสิ้นเม.ย.นี้ตามที่รัฐบาลบอกไว้หรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่าเงินคือชีวิตคนที่ซื้อไม่ได้ ดิฉันอยากให้สามีกลับมา ลูกอยากให้พ่อกลับมา แต่ก็รู้ว่าไปไม่ได้

ทุกวันนี้ดิฉันยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ยังอยู่บ้านเช่าและยังรับจ้างขายของรายวัน วันไหนร้านปิดก็ขาดรายได้ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ขณะที่ลูกสาวคนเล็กกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ต้องเรียนพิเศษ

ดิฉันไม่อยากให้เหตุการณ์แบบวันที่ 10 เม.ย.2553 เกิดขึ้นอีกแล้ว ไม่อยากให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องทางการเมืองต้องรับเคราะห์ ใครไม่เคยประสบไม่รู้หากครอบครัวขาดพ่อ หรือขาดแม่ ลูกจะไปปรึกษาใครและจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร

ทุกวันนี้ดิฉันไม่คิดว่าจะมีใครเอาตัวคนสั่งการฆ่า หรือคนผิดมาลงโทษได้ จึงใช้ธรรมะเข้าข่มให้เป็นเรื่องของเวรกรรมที่ใครทำอะไรต้องได้รับผลแบบนั้น

---------------------

นายสำราญ วางาม
พ่อนายสวาท วางาม


วันที่ 10 เม.ย.2553 ผมและลูกชายอีก 2 คน ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เราอยู่กันตรงสี่แยกคอกวัว ตอนที่ลูกชายคนโตคือนายสวาท ถูกยิงผมก็อยู่กับลูก กระสุนถูกหัว ลูกเสียชีวิตคาที่

ผ่านมา 2 ปีแล้ว ชีวิตผมลำบากมากเพราะลูกชายทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ขับรถรับส่งเฟอร์นิเจอร์ เขาเป็นหลักของบ้าน ได้เงินมาทุกครึ่งเดือนก็เอามาให้ผมไว้ซื้อกับข้าวและจ่ายค่าเช่าบ้าน

ส่วนผมทำงานรับจ้างรายวันได้เงินวันละ 300 บาท บางวันมีงาน บางวันก็ไม่มี โดยเฉพาะหลังน้ำท่วมงานแทบไม่มี ค่ากินเล็กๆ น้อยๆ ก็มาจากลูกชายคนเล็กที่ทำงานรับจ้างอยู่ที่ตลาดสามยอด ได้ค่าจ้างวันละ 250 บาท ค่าเช่าบ้านบางเดือนต้องติดเขาไว้ก่อน

หลังลูกชายเสียชีวิตได้รับเงินช่วยเหลือจากหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สำนักพระราชวัง และพรรคเพื่อไทย

แต่เงินที่ได้มาก็ต้องนำไปใช้หนี้ และนำไปเป็นค่าเดินทางในการติดตามคดีของลูก ส่วนหนึ่งต้องนำไปเลี้ยงดูลูกสาวกับหลานอีก 2 คน ค่าใช้จ่ายรวมๆ เยอะมาก

หลังเสียลูกผมลำบากมากเพราะเงินเยียวยาไม่พอกับค่าใช้จ่าย ตอนนี้สิ่งที่อยากได้มากที่สุดก็คือเงินจากรัฐบาลที่บอกว่าจะช่วยเหลือ แต่รอมานานแล้วก็ยังไม่ได้รับ

ผมไม่ได้คิดว่าเงินเป็นเรื่องสำคัญ หากเทียบกับชีวิตลูก 10 ล้านก็ยังน้อยไป แต่เมื่อกลับไปแก้ไขนำชีวิตลูกกลับคืนมาไม่ได้แล้วก็อยากได้รับการเยียวยาให้ดีที่สุด ช่วงปีแรกผมทำใจไม่ได้แต่ระยะหลังก็เริ่มทำใจและคิดว่าทำงานให้ลืมๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมกับประชาชน รัฐบาลที่ประชาชนไม่ได้เลือกกลับมาทำร้ายประชาชน ในชีวิตไม่เคยนึกเคยฝันว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะนำมาซึ่งความรุนแรงขนาดนี้

หากเจ้าหน้าที่จะปราบปรามประชาชนก็ควรแค่ฉีดน้ำ ไม่ใช่ยิงประชาชนแบบที่ผ่านมา ทั้งที่เงินที่นำมาซื้ออาวุธก็เป็นเงินภาษีของประชาชน ดังนั้น การจะทำอะไรต่อจากนี้ขอให้คิดไว้เสมอว่าประชาชนเป็นใหญ่ที่สุด

---------------------

น.ส.สุนันทา ปรีชาเวศ
พี่สาวนายทศชัย เมฆงามฟ้า


น้องชายถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา หลังเกิดเหตุการณ์ได้รับการเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ 4 แสนบาท และจากสำนักพระราชวังอีก 5 หมื่นบาท

นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ยังจ่ายเงินค่าขนมแก่ลูกของน้องชายอีกเดือนละ 1,000 บาท แต่ไม่ได้รับมา 6-7 เดือนแล้ว เมื่อไปสอบถามก็บอกว่าสิ้นปีงบประมาณและหายเงียบไป

ยิ่งตอนหลังมีปัญหาเรื่องเงินเยียวยา 7.75 ล้านบาท จึงคิดว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมฯ อาจไม่ให้เงินส่วนนี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม การเยียวยาทั้งหมดไม่คุ้มกับสิ่งที่ขาดหายไป ธรรมดาเราควรฝากผีฝากไข้กับน้องชาย แต่วันนี้กลายเป็นเราต้องรับภาระดูแลลูกของเขาแทน

น้องชายมีลูก 2 คน อายุ 20 ปี และ 13 ปี ที่แย่คือลูกคนเล็กเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่สูญเสียพ่อ ตอนนี้รักษาที่โรงพยาบาลประสาทซึ่งเราเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

จากเอกสารที่น้องถูกยิง ไม่ได้บอกว่าน้องมีอาวุธอะไรเลย แต่ใบชันสูตรของนิติเวชบอกว่าน้องโดนยิงจนพรุน กระดูกแตกหมด คุณทำอย่างนี้กับประชาชนได้อย่างไร

ส่วนเรื่องคดีคดี ไม่พอใจก็ต้องพอใจ เวลาผ่านไป 2 ปีกว่า เพิ่งมีหนังสือให้ไปขึ้นศาลวันที่ 19 พ.ค.นี้ ดีใจที่อย่างน้อยศาลยังให้ความเป็นธรรม แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รับความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน

ตอนนี้สิ่งที่อยากได้มากที่สุดคือขอความเป็นธรรมให้น้อง น้องไม่ใช่พวกบ้าคลั่ง เป็นคนชอบอ่านการ์ตูน เป็นช่างศิลป์ อารมณ์ดี ทำไมต้องมาตายเพราะอาวุธปืน ถึงตอนนี้เรายังรู้สึกอึดอัดอย่างที่สุด

ในส่วนของรัฐบาลเองก็ไม่รู้จะขออะไร เพราะรัฐบาลก็ทะเลาะกันทุกวัน ประชุมสภาทุกครั้งก็ทะเลาะกันตลอด ถ้าขอได้อยากขอความเป็นธรรมให้ทุกคนที่ตาย พวกเขาเหล่านี้ไม่มีอาวุธเลย

2 ปีผ่านไป สภาพจิตใจไม่ได้ดีขึ้น ขอให้เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ พวกเราอยากได้ความเป็นธรรมและขอให้มาดูแลครอบครัวของเราบ้าง

ขณะที่รัฐบาลควรเรียนรู้ว่าอย่าทำอย่างนี้กับประชาชนอีก ทำแล้วไม่ได้อะไรนอกจากคำสาปแช่ง

---------------------

นางบุญสวย จันทร์หา
ภรรยานายสมศักดิ์ แก้วสาน


สามีขับแท็กซี่อยู่ในกรุงเทพฯ ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตที่แยกคอกวัว วันนี้คดียังไม่คืบหน้า

หลังเกิดเหตุมีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ อาทิ มูลนิธิไทยคมและบ้านราชวิถี ถือว่ายังดีที่เยียวยาให้แต่ก็ไม่คุ้มกันกับ 1 ชีวิตที่สูญเสียไป

ตอนนี้ดิฉันมีภาระต้องเลี้ยงดูลูก 3 คน คนโตเพิ่งจบป.6 คนรองเรียนอยู่ชั้น ป.1 และคนเล็กเพิ่งเข้าอนุบาล แต่เราหาเงินอยู่คนเดียวจึงต้องทำงานหนัก

ทุกวันนี้ก็รับจ้างทั่วไป ได้เงินวันละ 200-300 บาท ไม่เพียงพอเป็นค่าอาหาร ค่าเรียนลูก เพราะเด็กๆ โตขึ้นทุกวัน อยากให้รัฐบาลช่วยจ่ายเงินชดเชยไวๆ เพราะงานรับจ้างหายากขึ้นทุกวัน

ทุกวันนี้ลูกคนเล็กยังมาถามว่าพ่อไปเกิดใหม่หรือยัง แล้วจะกลับมาหาอีกหรือไม่ เราก็ได้แต่พูดปลอบไป

รัฐบาลที่แล้วทำรุนแรงเกินไป ไม่น่าจะทำกันขนาดนี้ หากมีกรณีการชุมนุมเช่นนี้อีก ขอให้ค่อยๆ พูดคุยกัน ไม่ใช่ใช้ความรุนแรง

ผู้ที่ลงมือในเหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 อยากให้ออกมารับผิดชอบ และอย่าขัดขวางการเยียวยาของรัฐบาล ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับครอบครัวของเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร

---------------------


นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์
พ่อนายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์


ลูกผมถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิด 6 นัด กระสุนถูกราวนมด้านซ้าย 2 นัด หน้าอก 4 นัด ถูกกระสุนปลอมที่หน้าอกอีก 1 นัด เสียชีวิตบริเวณแยกคอกวัว

การสูญเสียลูกทำให้ครอบครัวเดือดร้อนเพราะลูกชายผมรับภาระต่างๆ ในบ้านทั้งหมด เมื่อเสียลูกไปภาระทั้งหมดก็ตกอยู่ที่พ่อแม่ ทั้งค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งผมกับภรรยามีแค่ร้านขายของชำเล็กๆ ทำกินกันไปวันๆ

ก่อนหน้านี้ ได้รับการเยียวจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ 4 แสนบาท และลงทะเบียนรอรับการเยียวยาจากรัฐบาลอยู่

ที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือเยียวยาถือเป็นความถูกต้องที่สุดแล้ว และอยากให้เร่งช่วยเหลือเพราะเป็นเหมือนความหวังของทุกคนไม่ว่าจะสีไหน กลุ่มไหน

เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นความหวังของทุกคนก็จะหลุดลอยไป จึงไม่อยากจะให้ใครออกมาคัดค้าน เพราะครั้งนี้ไม่ได้มี 2 มาตรฐาน สีเหลืองหรือหลากสีก็อยากให้ได้กันทุกคน

อยากบอกพี่น้องประชาชนว่าการร่วมชุมนุมก็แค่พอสมควร เห็นอะไรที่มันเสี่ยงมากก็อย่าเข้าไปใกล้ ถอยออกมา เพราะการช่วยเหลือไม่มีคำว่า 100 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นอะไรขึ้นมาได้เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม ความเสียใจของคนข้างหลังมันใหญ่หลวงมาก

ลึกๆ แล้วก็อยากให้คนผิดออกมารับโทษหรือรับผิด เท่าที่ทราบมีการขออภัยโทษ เชื่อว่าสังคมพร้อมให้อภัย ทุกอย่างจะได้เดินหน้าสู่ความปรองดองจริงๆ เสียที

---------------------

10 เมษายน 2553 เป็นอีกเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เช้าวันที่ 10 เม.ย. เสื้อแดงสั่งระดมมวลชนเพราะมีข่าวรัฐบาลเตรียมสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เพื่อเปิดการจราจรย่านเศรษฐกิจ

ช่วงสาย แกนนำเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้าฯ นำมวลชนบุกกองทัพภาค 1 ถ.ราชดำเนิน ซึ่งมีการเสริมกำลัง การเปิดฉากปะทะจึงเกิดขึ้นแต่ไม่รุนแรง


ช่วงบ่าย รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และศอฉ.สั่งสลายการชุมนุมด้วยการประกาศ ขอคืนพื้นที่ž กำลังสองฝ่ายยื้อกันไปมาแต่ยังไม่มีการปะทะหนัก ทหารสามารถเปิดแนวรุกเพิ่ม เจาะเข้าทางถ.ดินสอ โผล่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เข้าบางลำพูผ่านถ.ตะนาว โผล่ที่สี่แยกคอกวัว หวังผลักดันผู้ชุมนุมให้ถอยร่นไปที่หน้าเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ บีบให้ถอยออกทางถนนหลานหลวง
เจ้าหน้าที่แม้จะรุกคืบได้แต่เสื้อแดงก็ต้านทานอย่างทรหด การปฏิบัติการให้เสร็จสิ้นจึงไม่ง่าย

กระทั่งพลบค่ำ มีเสียงเตือนให้รัฐบาลหยุดการปฏิบัติการเพราะหวั่น มือที่สามž แต่กลับมีคำสั่งให้ทหารเดินหน้า

ท่ามกลางความมืดสถานการณ์เริ่มชุลมุนวุ่นวาย ถ.ตะนาว ถ.ดินสอ และแยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน อึกทึกไปด้วยเสียงปืน ระเบิด และคาวเลือด พร้อมๆ กับการปรากฏกายของ ชายชุดดำž นับชั่วโมงกว่าที่สองฝ่ายจะถอนออกจากพื้นที่
เหตุปะทะทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1,400 ราย ผู้เสียชีวิต 27 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน รวมถึงนายฮิโรยูกิ มูราโมโต นักข่าวชาวญี่ปุ่น และพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น