รายงานพิเศษ
ปฏิบัติการบินโฉบรอบบ้าน
บินข้ามหัวอำมาตย์ไปมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
กำลังเป็นที่จับตามองของกองทัพและเหล่าอำมาตย์
ทั้งไปโผล่ไปนอนและพบปะสมาชิกที่ฮ่องกงบ่อยๆ และบินที่ลาว กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมาหลายครั้ง แม้จะไปทำบุญ ทำพิธีแก้เคล็ดต่างๆ ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ หรือไปเจรจาความเมืองแทนรัฐบาลของน้องสาว และโดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ที่มีคนเสื้อแดงแห่กันไปรดน้ำดำหัว ส่วนระดับแกนนำพรรค และผองเพื่อน จะไปกันที่สิงคโปร์ หลังจากนั้น
หรือแม้แต่แอบบินไปมาเลเซีย ที่กำลังถูกแฉและโจมตี เพราะไปแอบเจรจาลับกับแกนนำโจรใต้ ที่ถูกโยนให้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุคาร์บอมบ์หาดใหญ่ ที่ทางกองทัพต่อต้าน และจับตามองอย่างใกล้ชิดก็ตาม
แต่อาจมองได้ว่า เป็นการส่งสัญญาณว่า ใกล้จะกลับประเทศ ท่ามกลางความพยายามเรื่องการปรองดองและนิรโทษกรรม
หรืออาจเป็นแค่การทำสงครามจิตวิทยา ให้ฝ่ายอำมาตย์เสียวสันหลัง ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เองรู้ดีว่ายังไม่ใช่เวลาที่เขาจะกลับมา แม้จะประกาศไปแล้วว่า จะกลับประเทศภายในปีนี้
เพราะถ้าเชื่อตามคำทำนายทายทักของหมอดูบางสำนักและพระเกจิอาจารย์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ระบุว่า จะกลับมาได้หลังปี 2556 หากกลับมาก่อน ก็มีแค่ต้องหนีออกไปอีกครั้ง หรือไม่ก็กลับมาตายบ้านเกิด
แต่ไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตัดสินใจอย่างไรเพราะเขาเองเท่านั้นที่จะรู้ว่า จะกลับมาได้หรือยัง ความพยายามในการ "เคลียร์" ของเขากับฝ่ายอำมาตย์และฝ่ายตรงข้าม สำเร็จและวางใจได้หรือไม่
"กลับมาได้ แต่เชื่อว่า อยู่ได้ไม่เกิน 2-3 เดือน โดนแน่ๆ ผมก็ช่วยดูแลไม่ไหว ถ้าจะกลับมาในเร็วๆ นี้" พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี แกนนำ ตท.10 เพื่อนรัก กล่าว
เพราะกรณี เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกลอบยิงหัวกลางดงเสื้อแดง หรือกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ถูกรุมกระหน่ำด้วยกระสุนเป็นร้อยนัด ก็เคยเกิดมาแล้วในเมืองไทย
โดยเพื่อนบางคน ถึงขั้นเชื่อว่า "24 ช.ม. บนแผ่นดินไทยน่าห่วง" โดยเฉพาะที่สนามบิน ไม่ว่าจะสุวรรณภูมิ หรือจะหนีไปลงสนามบินเชียงใหม่บ้านเกิด ในดงคนเสื้อแดงคนรักทักษิณ ก็ตาม
แม้จะเป็นประธานบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย แต่ในฐานะที่เป็นอดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.) และยังมีบารมีอยู่ในกองทัพอากาศ ทำให้ พล.อ.อ.สุเมธ เป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ช่วยเคลียร์เรื่องความปลอดภัย หากเขาตัดสินใจจะกลับไทย
พล.อ.อ.สุเมธ ในเบื้องหลังฉากแล้วเป็นคนที่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เพื่อนรัก ด้วยการใช้อากาศโยธินฝีมือเยี่ยมคอยติดตาม รวมทั้งการหาข่าวในทางลึก
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะดูอ่อนแรง เก็บตัว และเสมือนว่า ยอมแพ้และยอมรับในอำนาจรัฐและพลังของประชาชนก็ตาม แต่ก็อาจเป็นแต่การแสดงละครเท่านั้น
"ผมว่าต้องรออีกสักพัก ให้มั่นใจมากกว่านี้ก่อน ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย" พล.อ.อ.สุเมธ กล่าว
แม้ว่าความสัมพันธ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และกับ ผบ.เหล่าทัพทั้งหลายจะหวานชื่น จน พ.ต.ท.ทักษิณ เอ่ยปากชมน้องสาว ที่ทำตามแผนได้อย่างดี ในการใช้ความอ่อนนุ่มของสตรี สยบความแข็งของกองทัพก็ตาม
โดยเฉพาะการไปชมการซ้อมรบ "คชสีห์" ที่สระแก้ว เมื่อ 5 เมษายน เพราะทั้งปลัดกลาโหม ผบ.สส. ผบ. 3 เหล่าทัพ และบิ๊กๆ ต่างแห่กันไปงานนี้หมด ปล่อยให้ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดงาน สานใจไทยสู้ใจใต้ อย่างเงียบเหงา มีแค่ตัวแทนเหล่าทัพไปร่วมงานเท่านั้น ยิ่งให้ภาพแห่งความชื่นมื่นใกล้ชิดของนายกฯ หญิงกับ พล.อ.ประยุทธ์ แค่ไหนก็ตาม
ท่ามกลางการจับตามองถึงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับผู้บังคับการกรม หรือ พ.อ.พิเศษ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพิจารณาอยู่นี้ จะเป็นดัชนีชี้วัดสัมพันธ์รัฐบาลกับกองทัพได้อีกอย่างหนึ่ง หลังมีรายงานว่า บิ๊กโอ๋ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต หัวหน้าฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม เพื่อนรัก ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เจรจาต่อรองกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทหารทุกกลุ่ม เท่าเทียมกัน ไม่ใช่เอาแต่ บูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือราชินี แต่ดอง วงศ์เทวัญ หรือทหารมหาดเล็กฯ
แต่ทุกอย่างมีเส้นขีดเอาไว้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรือ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. จะวางตัวเช่นนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะพวกเขารู้ดีว่า มีใครจ้องมองบทบาทของพวกเขาอยู่
ต่อให้วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก เป็นกรณีพิเศษแล้วจนจับตามองว่า จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ในวันสำคัญต้นเดือนพฤษภาคม นี้หรือไม่ ก็ตาม
หรือว่า วันนี้จะพอได้ยินเสียงดนตรีขับกล่อม จาก "ริมแม่น้ำเจ้าพระยา" หรือดนตรีในสวน ให้ได้ยินบ้าง อันเป็นการสะท้อนบรรยากาศที่ผ่อนคลายจากชั้นในแล้วก็ตาม
จนมีคนสำคัญฝากข้อความไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยว่า "บอกพี่ชายว่าอย่าเพิ่งเข้ามา ยังไม่ถึงเวลา"
ยิ่งหากพิจารณาจากท่าทีของ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ตั้งแต่ออกมาสาปแช่งคนทรยศต่อชาติบ้านเมืองให้พินาศไป และตอกย้ำเรื่องคนดีคนไม่ดีแล้ว การที่ป๋าเปรม นิ่งเฉยต่อข้อเสนอของ เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พบกับ พล.อ.เปรม ด้วยแล้ว ย่อมมีนัยยะ
"ไปถามคนที่พูดซิ" ป๋าเปรม ตอบคำถามนี้
เมื่อถามว่า เพราะท่านคิดว่า ท่านไม่ใช่คู่ขัดแย้งจึงไม่จำเป็นต้องให้คุณทักษิณ พบหรือไม่ พล.อ.เปรม ย้อนทันทีว่า "นี่สื่อพูดเองนะ ผมไม่ได้พูด"
มีหลายคำถามที่ป๋าเปรม ไม่ตอบ ทั้งป๋าคิดว่า กระบวนการปรองดองจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ หรือแม้แต่ว่า จะฝากอะไรถึงคุณทักษิณ หรือไม่
"เวลานี้ ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาพูดอะไร" ป๋าเปรม ซึ่งมี บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ บิ๊กหมง พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ.สส. ลูกป๋าคนโปรด เดินขนาบข้าง เปรย
ก่อนที่จะตอบคำถามสุดท้ายที่ว่า "ป๋ารู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือรู้สึกยังไงที่ถูกพาดพิงเสมอ" ว่า "ผมสบายดี" พร้อมรอยยิ้มเย็นๆ ก่อนเดินเข้าประตูเหล็กบานมหึมาของบ้านสี่เสาเทเวศร์
แต่นั่นอาจไม่ได้หมายความว่า พล.อ.เปรม จะปฏิเสธการปรองดอง หรือการพบปะหรือพูดคุยทางโทรศัพท์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หากมีการ "ต่อสาย" หรือ ไม่ถูกคนใกล้ชิดป๋า สกัดเสียก่อน
"ป๋าอยู่ในฐานะที่พูดอะไรไม่ได้ แล้วโดยสถานการณ์แล้ว พูดไปก็มีผลกระทบต่อหลายฝ่าย" ผู้การพะจุณณ์ พล.ร.อ.พะจุณ ตามประทีป ลูกป๋าคนสนิท ตอบแทนป๋า
"มันมีหลายเรื่อง ที่ป๋า หรือผมก็พูดไม่ได้ ต้องให้มันตายไปกับตัว" พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าว
แต่ทว่า ในบรรดาลูกป๋า ต่างบอกว่า สิ่งที่ป๋ายังข้องใจก็คือ ทำไม บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ไม่ออกมาพูดให้ชัดว่า พล.อ.เปรม เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือไม่ และเพราะเหตุใดจึงไม่บอกไปเหมือนกับที่ให้สัมภาษณ์ใน "ลับลวงพราง" เล่มแรกว่า คิดและวางแผนกับ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 ในเวลานั้น แค่สองคน
นี่กระมังที่ทำให้ พล.อ.เปรม ต้องเอ่ยแสดงความผิดหวังต่อคนบางคน ในการปาฐกถาพิเศษงาน 12 ปีผู้ตรวจการแผ่นดินที่ ยูเอ็น เมื่อ 3 เมษายน
"การทำความดีแม้จะยาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยากกว่านั้นคือการรักษาความดีให้คงอยู่กับผู้ทำตลอดไปจนกระทั่งตาย มีหลายคนในประเทศของเราเคยทำความดีให้ปรากฏจนกระทั่งได้รับการยกย่องสรรเสริญได้รับความศรัทธา แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถรักษาความดีที่ตนทำไว้ได้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก" วาทะป๋า ที่ลูกป๋าบางคน ตีความไปถึงบิ๊กบัง
"ตอนนี้ ป๋าอาจจะต้องแอ๊กชั่นอะไรให้บรรดาคนรักป๋า หรือป๋ารัก รู้ว่า ป๋ายังเป็นคนเดิม ยังไม่หมดไฟ อย่างที่บางคนวิจารณ์กัน จนป๋าท่านก็น้อยใจ" ลูกป๋าคนหนึ่งเล่า
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ป๋าเปรม มีความผ่อนคลาย สบายๆ นับตั้งแต่ถูกมองว่า ญาติดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่ไปออกงานใหญ่ 2 งานด้วยกัน ทั้งงานเลี้ยงวันกองทัพบก และงานรักเมืองไทย
"ป๋าอ่อนลงมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตลอดไป ตอนนี้ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน และผมยังเชื่อว่า ป๋าท่านยังเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนจุดยืน" ลูกป๋าอีกคนกล่าว
แต่อย่างน้อย ช่วงสงกรานต์ ที่ป๋าเปรม เปิดบ้าน 18 เมษายน นั้น ถูกจับตามอง ทั้งการที่ผู้นำเหล่าทัพจะตบเท้าเข้ารดน้ำขอพร รวมถึงรอดูว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเข้ามาพบป๋าในโอกาสปีใหม่ไทยหรือไม่
ลำพังป๋าเปรม นั้นดูจะรู้ตัวดีว่า กำลังทำอะไรอยู่ และไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ที่ป๋ากำลังจับตามองคือ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะป๋าก็ไม่แน่ใจว่า "ตู่" ของป๋า เปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ หลังจากที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีหญิง
นี่กระมังที่ทำให้ในหนังสือ "ลับลวงพราง ภาค 5" จะมีประโยคหนึ่งของป๋าเปรม ที่หยอกเอิน พล.อ.ประยุทธ์ แบบทีเล่นทีจริง เกี่ยวกับนายกฯ ปู ไว้ให้ถามไถ่กันทั่วว่า จริงหรือไม่
เพราะขนาดป๋าเปรมเองก็ยังอดใจอ่อน เอ็นดู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าป๋าจะเป็นไปตามข่าวลือในเรื่องส่วนตัวหรือไม่ แต่ความเป็นผู้หญิง อ่อนหวานนุ่มนวลของนายกฯ ปู ก็ทำให้ป๋าเปรม เกือบเผลอใจรักอย่างลูกอย่างหลานไปแล้ว
อย่าว่าแต่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.เปรม ที่จะถูกมองว่า อ่อนลง เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ยังมีข่าวร่ำลือ ถึงเสียงชื่นชมและเอ็นดู น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากสถานที่บางแห่ง ว่า "สุภาพอ่อนโยนดีนะ"
หรือแม้แต่เสียงสะท้อนจากกองทัพ จากนายทหารในหลายขั้วหลายระดับ แม้แต่ ผบ.เหล่าทัพบางท่าน ที่เฝ้ามองนายกฯ ปู คนสวยที่แม้จะมีพุงคนนี้อยู่
"นายกฯ เก่งขึ้นนะ การพูดจาอะไรดีขึ้น"
"นายกฯ สวยนะ น่ารัก"
"นายกฯ ท่านเข้าใจทหาร ให้เกียรติกองทัพ"
"นี่ถ้าไม่ได้เป็นน้องสาวทักษิณ ก็คงจะดี"
"น่าเห็นใจนะ ก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นนายกฯ ก็ต้องมีผิดพลาด บกพร่อง บ้าง แต่ก็เก่งขึ้น"
แต่ด้วยเหตุที่มีเรื่องสี และการบางขั้ว จึงทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่แค่ถูกจับตามอง แต่ยังถูกจับผิดในทุกเรื่อง ทั้งการใช้ การพูดภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ภาษาไทย การใช้คำผิด อ่านผิด เรียกผิด อากัปกิริยาต่างๆ โดยเฉพาะการกดโทรศัพท์มือถือดูในระหว่างอยู่ในกระบวนแห่พระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และการนั่งสัปหงก ก็ถูกโจมตีอย่างแรงถึงความไม่เหมาะสม
แถมภาพนี้ยังมี บิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. และ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนอยู่เบื้องหน้าในภาพด้วย จนทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่า ขนาด ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งก็สำคัญและต้องรับรายงานสถานการณ์ตลอดเวลา หรือต้องอ่านข้อความ ก็ไม่ได้ควักโทรศัพท์ออกมาดู
พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้พี่ชาย ที่ซึ่งคอยเป็นผู้กำกับและกุนซือให้น้องสาวมาตลอด ก็คงเหนื่อยที่จะแก้ไขความผิดพลาดบกพร่อง
ที่ผ่านมา มีรายงานว่า นอกจากการอยู่เบื้องหลังการทำงาน การตัดสินใจต่างๆ ของนายกรัฐมนตรี แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคอยแนะเรื่องการพูดจา ที่ให้เน้นการเทิดพระเกียรติในหลวงและสถาบัน
รวมทั้งการดูแลเสื้อผ้าหน้าผม นั้นไม่ใช่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะดูแลเอง หรือมีเพื่อนช่วยแนะนำเท่านั้น แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นดีไซเนอร์ส่วนตัวให้ด้วย เพราะหากเจอเสื้อผ้าหรือชุดแบบไหน ที่เห็นว่าเหมาะกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เขาก็จะแฟกซ์ หรือส่งอี-เมลนั้นมา เพื่อให้น้องสาวไปจัดหาหรือตัดแล้วใส่ตามแบบนั้น โดยเฉพาะงานสำคัญๆ
นี่เป็นวิบากกรรม ที่สองพี่น้องชินวัตร ยังต้องพบเจอ เพื่อพิสูจน์ว่า เป็นทองแท้ หรือไม่ โดยมีกองทัพและผองอำมาตย์ จับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว...
........
ทั้งไปโผล่ไปนอนและพบปะสมาชิกที่ฮ่องกงบ่อยๆ และบินที่ลาว กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมาหลายครั้ง แม้จะไปทำบุญ ทำพิธีแก้เคล็ดต่างๆ ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ หรือไปเจรจาความเมืองแทนรัฐบาลของน้องสาว และโดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ที่มีคนเสื้อแดงแห่กันไปรดน้ำดำหัว ส่วนระดับแกนนำพรรค และผองเพื่อน จะไปกันที่สิงคโปร์ หลังจากนั้น
หรือแม้แต่แอบบินไปมาเลเซีย ที่กำลังถูกแฉและโจมตี เพราะไปแอบเจรจาลับกับแกนนำโจรใต้ ที่ถูกโยนให้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุคาร์บอมบ์หาดใหญ่ ที่ทางกองทัพต่อต้าน และจับตามองอย่างใกล้ชิดก็ตาม
แต่อาจมองได้ว่า เป็นการส่งสัญญาณว่า ใกล้จะกลับประเทศ ท่ามกลางความพยายามเรื่องการปรองดองและนิรโทษกรรม
หรืออาจเป็นแค่การทำสงครามจิตวิทยา ให้ฝ่ายอำมาตย์เสียวสันหลัง ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เองรู้ดีว่ายังไม่ใช่เวลาที่เขาจะกลับมา แม้จะประกาศไปแล้วว่า จะกลับประเทศภายในปีนี้
เพราะถ้าเชื่อตามคำทำนายทายทักของหมอดูบางสำนักและพระเกจิอาจารย์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ระบุว่า จะกลับมาได้หลังปี 2556 หากกลับมาก่อน ก็มีแค่ต้องหนีออกไปอีกครั้ง หรือไม่ก็กลับมาตายบ้านเกิด
แต่ไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตัดสินใจอย่างไรเพราะเขาเองเท่านั้นที่จะรู้ว่า จะกลับมาได้หรือยัง ความพยายามในการ "เคลียร์" ของเขากับฝ่ายอำมาตย์และฝ่ายตรงข้าม สำเร็จและวางใจได้หรือไม่
"กลับมาได้ แต่เชื่อว่า อยู่ได้ไม่เกิน 2-3 เดือน โดนแน่ๆ ผมก็ช่วยดูแลไม่ไหว ถ้าจะกลับมาในเร็วๆ นี้" พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี แกนนำ ตท.10 เพื่อนรัก กล่าว
เพราะกรณี เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกลอบยิงหัวกลางดงเสื้อแดง หรือกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ถูกรุมกระหน่ำด้วยกระสุนเป็นร้อยนัด ก็เคยเกิดมาแล้วในเมืองไทย
โดยเพื่อนบางคน ถึงขั้นเชื่อว่า "24 ช.ม. บนแผ่นดินไทยน่าห่วง" โดยเฉพาะที่สนามบิน ไม่ว่าจะสุวรรณภูมิ หรือจะหนีไปลงสนามบินเชียงใหม่บ้านเกิด ในดงคนเสื้อแดงคนรักทักษิณ ก็ตาม
แม้จะเป็นประธานบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย แต่ในฐานะที่เป็นอดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.) และยังมีบารมีอยู่ในกองทัพอากาศ ทำให้ พล.อ.อ.สุเมธ เป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ช่วยเคลียร์เรื่องความปลอดภัย หากเขาตัดสินใจจะกลับไทย
พล.อ.อ.สุเมธ ในเบื้องหลังฉากแล้วเป็นคนที่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เพื่อนรัก ด้วยการใช้อากาศโยธินฝีมือเยี่ยมคอยติดตาม รวมทั้งการหาข่าวในทางลึก
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะดูอ่อนแรง เก็บตัว และเสมือนว่า ยอมแพ้และยอมรับในอำนาจรัฐและพลังของประชาชนก็ตาม แต่ก็อาจเป็นแต่การแสดงละครเท่านั้น
"ผมว่าต้องรออีกสักพัก ให้มั่นใจมากกว่านี้ก่อน ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย" พล.อ.อ.สุเมธ กล่าว
แม้ว่าความสัมพันธ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และกับ ผบ.เหล่าทัพทั้งหลายจะหวานชื่น จน พ.ต.ท.ทักษิณ เอ่ยปากชมน้องสาว ที่ทำตามแผนได้อย่างดี ในการใช้ความอ่อนนุ่มของสตรี สยบความแข็งของกองทัพก็ตาม
โดยเฉพาะการไปชมการซ้อมรบ "คชสีห์" ที่สระแก้ว เมื่อ 5 เมษายน เพราะทั้งปลัดกลาโหม ผบ.สส. ผบ. 3 เหล่าทัพ และบิ๊กๆ ต่างแห่กันไปงานนี้หมด ปล่อยให้ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดงาน สานใจไทยสู้ใจใต้ อย่างเงียบเหงา มีแค่ตัวแทนเหล่าทัพไปร่วมงานเท่านั้น ยิ่งให้ภาพแห่งความชื่นมื่นใกล้ชิดของนายกฯ หญิงกับ พล.อ.ประยุทธ์ แค่ไหนก็ตาม
ท่ามกลางการจับตามองถึงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับผู้บังคับการกรม หรือ พ.อ.พิเศษ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพิจารณาอยู่นี้ จะเป็นดัชนีชี้วัดสัมพันธ์รัฐบาลกับกองทัพได้อีกอย่างหนึ่ง หลังมีรายงานว่า บิ๊กโอ๋ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต หัวหน้าฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม เพื่อนรัก ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เจรจาต่อรองกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทหารทุกกลุ่ม เท่าเทียมกัน ไม่ใช่เอาแต่ บูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือราชินี แต่ดอง วงศ์เทวัญ หรือทหารมหาดเล็กฯ
แต่ทุกอย่างมีเส้นขีดเอาไว้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรือ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. จะวางตัวเช่นนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะพวกเขารู้ดีว่า มีใครจ้องมองบทบาทของพวกเขาอยู่
ต่อให้วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก เป็นกรณีพิเศษแล้วจนจับตามองว่า จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ในวันสำคัญต้นเดือนพฤษภาคม นี้หรือไม่ ก็ตาม
หรือว่า วันนี้จะพอได้ยินเสียงดนตรีขับกล่อม จาก "ริมแม่น้ำเจ้าพระยา" หรือดนตรีในสวน ให้ได้ยินบ้าง อันเป็นการสะท้อนบรรยากาศที่ผ่อนคลายจากชั้นในแล้วก็ตาม
จนมีคนสำคัญฝากข้อความไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยว่า "บอกพี่ชายว่าอย่าเพิ่งเข้ามา ยังไม่ถึงเวลา"
ยิ่งหากพิจารณาจากท่าทีของ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ตั้งแต่ออกมาสาปแช่งคนทรยศต่อชาติบ้านเมืองให้พินาศไป และตอกย้ำเรื่องคนดีคนไม่ดีแล้ว การที่ป๋าเปรม นิ่งเฉยต่อข้อเสนอของ เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พบกับ พล.อ.เปรม ด้วยแล้ว ย่อมมีนัยยะ
"ไปถามคนที่พูดซิ" ป๋าเปรม ตอบคำถามนี้
เมื่อถามว่า เพราะท่านคิดว่า ท่านไม่ใช่คู่ขัดแย้งจึงไม่จำเป็นต้องให้คุณทักษิณ พบหรือไม่ พล.อ.เปรม ย้อนทันทีว่า "นี่สื่อพูดเองนะ ผมไม่ได้พูด"
มีหลายคำถามที่ป๋าเปรม ไม่ตอบ ทั้งป๋าคิดว่า กระบวนการปรองดองจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ หรือแม้แต่ว่า จะฝากอะไรถึงคุณทักษิณ หรือไม่
"เวลานี้ ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาพูดอะไร" ป๋าเปรม ซึ่งมี บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ บิ๊กหมง พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ.สส. ลูกป๋าคนโปรด เดินขนาบข้าง เปรย
ก่อนที่จะตอบคำถามสุดท้ายที่ว่า "ป๋ารู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือรู้สึกยังไงที่ถูกพาดพิงเสมอ" ว่า "ผมสบายดี" พร้อมรอยยิ้มเย็นๆ ก่อนเดินเข้าประตูเหล็กบานมหึมาของบ้านสี่เสาเทเวศร์
แต่นั่นอาจไม่ได้หมายความว่า พล.อ.เปรม จะปฏิเสธการปรองดอง หรือการพบปะหรือพูดคุยทางโทรศัพท์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หากมีการ "ต่อสาย" หรือ ไม่ถูกคนใกล้ชิดป๋า สกัดเสียก่อน
"ป๋าอยู่ในฐานะที่พูดอะไรไม่ได้ แล้วโดยสถานการณ์แล้ว พูดไปก็มีผลกระทบต่อหลายฝ่าย" ผู้การพะจุณณ์ พล.ร.อ.พะจุณ ตามประทีป ลูกป๋าคนสนิท ตอบแทนป๋า
"มันมีหลายเรื่อง ที่ป๋า หรือผมก็พูดไม่ได้ ต้องให้มันตายไปกับตัว" พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าว
แต่ทว่า ในบรรดาลูกป๋า ต่างบอกว่า สิ่งที่ป๋ายังข้องใจก็คือ ทำไม บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ไม่ออกมาพูดให้ชัดว่า พล.อ.เปรม เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือไม่ และเพราะเหตุใดจึงไม่บอกไปเหมือนกับที่ให้สัมภาษณ์ใน "ลับลวงพราง" เล่มแรกว่า คิดและวางแผนกับ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 ในเวลานั้น แค่สองคน
นี่กระมังที่ทำให้ พล.อ.เปรม ต้องเอ่ยแสดงความผิดหวังต่อคนบางคน ในการปาฐกถาพิเศษงาน 12 ปีผู้ตรวจการแผ่นดินที่ ยูเอ็น เมื่อ 3 เมษายน
"การทำความดีแม้จะยาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยากกว่านั้นคือการรักษาความดีให้คงอยู่กับผู้ทำตลอดไปจนกระทั่งตาย มีหลายคนในประเทศของเราเคยทำความดีให้ปรากฏจนกระทั่งได้รับการยกย่องสรรเสริญได้รับความศรัทธา แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถรักษาความดีที่ตนทำไว้ได้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก" วาทะป๋า ที่ลูกป๋าบางคน ตีความไปถึงบิ๊กบัง
"ตอนนี้ ป๋าอาจจะต้องแอ๊กชั่นอะไรให้บรรดาคนรักป๋า หรือป๋ารัก รู้ว่า ป๋ายังเป็นคนเดิม ยังไม่หมดไฟ อย่างที่บางคนวิจารณ์กัน จนป๋าท่านก็น้อยใจ" ลูกป๋าคนหนึ่งเล่า
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ป๋าเปรม มีความผ่อนคลาย สบายๆ นับตั้งแต่ถูกมองว่า ญาติดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่ไปออกงานใหญ่ 2 งานด้วยกัน ทั้งงานเลี้ยงวันกองทัพบก และงานรักเมืองไทย
"ป๋าอ่อนลงมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตลอดไป ตอนนี้ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน และผมยังเชื่อว่า ป๋าท่านยังเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนจุดยืน" ลูกป๋าอีกคนกล่าว
แต่อย่างน้อย ช่วงสงกรานต์ ที่ป๋าเปรม เปิดบ้าน 18 เมษายน นั้น ถูกจับตามอง ทั้งการที่ผู้นำเหล่าทัพจะตบเท้าเข้ารดน้ำขอพร รวมถึงรอดูว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเข้ามาพบป๋าในโอกาสปีใหม่ไทยหรือไม่
ลำพังป๋าเปรม นั้นดูจะรู้ตัวดีว่า กำลังทำอะไรอยู่ และไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ที่ป๋ากำลังจับตามองคือ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะป๋าก็ไม่แน่ใจว่า "ตู่" ของป๋า เปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ หลังจากที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีหญิง
นี่กระมังที่ทำให้ในหนังสือ "ลับลวงพราง ภาค 5" จะมีประโยคหนึ่งของป๋าเปรม ที่หยอกเอิน พล.อ.ประยุทธ์ แบบทีเล่นทีจริง เกี่ยวกับนายกฯ ปู ไว้ให้ถามไถ่กันทั่วว่า จริงหรือไม่
เพราะขนาดป๋าเปรมเองก็ยังอดใจอ่อน เอ็นดู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าป๋าจะเป็นไปตามข่าวลือในเรื่องส่วนตัวหรือไม่ แต่ความเป็นผู้หญิง อ่อนหวานนุ่มนวลของนายกฯ ปู ก็ทำให้ป๋าเปรม เกือบเผลอใจรักอย่างลูกอย่างหลานไปแล้ว
อย่าว่าแต่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.เปรม ที่จะถูกมองว่า อ่อนลง เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ยังมีข่าวร่ำลือ ถึงเสียงชื่นชมและเอ็นดู น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากสถานที่บางแห่ง ว่า "สุภาพอ่อนโยนดีนะ"
หรือแม้แต่เสียงสะท้อนจากกองทัพ จากนายทหารในหลายขั้วหลายระดับ แม้แต่ ผบ.เหล่าทัพบางท่าน ที่เฝ้ามองนายกฯ ปู คนสวยที่แม้จะมีพุงคนนี้อยู่
"นายกฯ เก่งขึ้นนะ การพูดจาอะไรดีขึ้น"
"นายกฯ สวยนะ น่ารัก"
"นายกฯ ท่านเข้าใจทหาร ให้เกียรติกองทัพ"
"นี่ถ้าไม่ได้เป็นน้องสาวทักษิณ ก็คงจะดี"
"น่าเห็นใจนะ ก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นนายกฯ ก็ต้องมีผิดพลาด บกพร่อง บ้าง แต่ก็เก่งขึ้น"
แต่ด้วยเหตุที่มีเรื่องสี และการบางขั้ว จึงทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่แค่ถูกจับตามอง แต่ยังถูกจับผิดในทุกเรื่อง ทั้งการใช้ การพูดภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ภาษาไทย การใช้คำผิด อ่านผิด เรียกผิด อากัปกิริยาต่างๆ โดยเฉพาะการกดโทรศัพท์มือถือดูในระหว่างอยู่ในกระบวนแห่พระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และการนั่งสัปหงก ก็ถูกโจมตีอย่างแรงถึงความไม่เหมาะสม
แถมภาพนี้ยังมี บิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. และ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนอยู่เบื้องหน้าในภาพด้วย จนทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่า ขนาด ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งก็สำคัญและต้องรับรายงานสถานการณ์ตลอดเวลา หรือต้องอ่านข้อความ ก็ไม่ได้ควักโทรศัพท์ออกมาดู
พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้พี่ชาย ที่ซึ่งคอยเป็นผู้กำกับและกุนซือให้น้องสาวมาตลอด ก็คงเหนื่อยที่จะแก้ไขความผิดพลาดบกพร่อง
ที่ผ่านมา มีรายงานว่า นอกจากการอยู่เบื้องหลังการทำงาน การตัดสินใจต่างๆ ของนายกรัฐมนตรี แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคอยแนะเรื่องการพูดจา ที่ให้เน้นการเทิดพระเกียรติในหลวงและสถาบัน
รวมทั้งการดูแลเสื้อผ้าหน้าผม นั้นไม่ใช่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะดูแลเอง หรือมีเพื่อนช่วยแนะนำเท่านั้น แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นดีไซเนอร์ส่วนตัวให้ด้วย เพราะหากเจอเสื้อผ้าหรือชุดแบบไหน ที่เห็นว่าเหมาะกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เขาก็จะแฟกซ์ หรือส่งอี-เมลนั้นมา เพื่อให้น้องสาวไปจัดหาหรือตัดแล้วใส่ตามแบบนั้น โดยเฉพาะงานสำคัญๆ
นี่เป็นวิบากกรรม ที่สองพี่น้องชินวัตร ยังต้องพบเจอ เพื่อพิสูจน์ว่า เป็นทองแท้ หรือไม่ โดยมีกองทัพและผองอำมาตย์ จับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว...
........
ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 เมษายน 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น