Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จดหมายจากศ.ธงชัย วินิจกุล ถึงอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ

จดหมายจากศ.ธงชัย วินิจกุล ถึงอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ
แปลจาก web http://robertamsterdam.com/thailand/2012/06/26/thailands-red-shirts-meet-the-icc/

วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2555
อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี)
กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์

เรื่อง: คำร้องขอต่อไอซีซีให้ช่วยเหลือนำความยุติธรรมมาให้เหยื่อผู้ถูกกระทำจากเหตุการณ์นองเลือดปี 2553 ในประเทศไทย
เรียน: อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ

ผมเขียนถึงท่านในฐานะพลเมืองไทยคนหนึ่ง ในฐานะอดีตนักโทษทางการเมืองซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในกรุงเทพฯ ปี 2519 และในฐานะผู้เชียวชาญเกี่ยวกับประเทศไทย ขณะนี้ผมเป็นศาสตราจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ผมศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประเทศไทยและกระบวนการการสร้างประชาธิปไตยเป็นเวลา 30ปี ผมศึกษาหลายวิชารวมถึงความรุนแรงในปี 2516, 2519 และ 2535 รวมถึงวัฒนธรรมการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษในประเทศไทย ผมได้ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 โดยเฉพาะเหตุการณ์นองเลือดในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปี 2553 และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เหมือนกันการสังหารครั้งก่อน มีความเป็นไปได้ที่กองทัพและกลุ่มคนที่สั่งฆ่าจะได้รับการยกเว้นโทษอีกครั้งและเหยื่อจะไม่ได้รับความยุติธรรมอีกครั้ง ผมร้องขอไอซีซีให้ช่วยยุติการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งนำไปสู่การสังหารพลเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า โดยให้เริ่มทำการสอบสวนกรณีการสังหารในปี 2553 และนำคดีนี้ขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ

ได้โปรดให้ผมอธิบายประวัติศาสตร์ของการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษอย่างเป็นระบบในประเทศไทย
ในเดือนตุลาคม ปี 2516 การชุมนุมครั้งใหญ่ได้ยุติเผด็จการทหารซึ่งปกครองประเทศไทยเป็นเวลาสามทศวรรษ มีผู้เสียชีวิต 72 ราย และมีผู้บาดเจ็บหลายพันราย ท่ามกลางความตื่นเต้นแห่งรุ่งอรุณแห่งประชาธิปไตย รัฐบาลใหม่ประกาศนิรโทษกรรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทั้งหมดเพื่อความสมานฉันท์ทางสังคมและการเมืองในประเทศ นิรโทษกรรมยังหมายถึงว่าจะไม่มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ประชาธิปไตยอันอ่อนเยาว์คงอยู่เพียงสามปีเมื่อกองทัพกลับมามีอำนาจอีกครั้งในเดือนตุลาคม ปี 2519 รัฐประหารเกิดขึ้นในวันเดียวกับการสังหารหมู่นักศึกษาและประชาชนที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยเพื่อต่อต้านอุบายของกองทัพในการนำเผด็จการกลับมา ประชาชนราว 40 คนเสียชีวิตและหลายร้อยคนบาดเจ็บ แต่วิธีการที่พวกเขาถูกสังหารนั้นเลวร้ายเกินบรรยาย นอกจากจะถูกสังหารโดยอาวุธหนักแล้ว บางคนถูกเผาทั้งเป็น ถูกข่มขืนและถูกแขวนคอ หลังจากนั้นศพของพวกเขายังถูกประชาทัณฑ์หรือลากไปทั่วสนามฟุตบอล ทุกอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นในที่สาธารณะมีคนมุงดูหลายร้อยคน ผู้รอดชีวิตกว่าสามพันรายถูกคุมขังตั้งแต่หลายวันไปจนถึงห้าเดือน และนักศึกษา 19 ราย (รวมถึงผม) ถูกคุมขังสองปี ในปี 2521 เนื่องด้วยเหตุผลของการปรองดองสมานฉันท์ มีการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อยกเว้นการกระทำผิดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ นักศึกษาที่ถูกคุมขังได้รับการปล่อยตัว ผู้กระทำผิดได้รับการยกเว้นโทษราวกับว่าการสังหารหมู่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อเท็จจริงคือ เพื่อการปรองดองสมานฉันท์ มีการส่งเสริมให้ประชาชนลืมเหตุการณ์และปล่อยให้ความทรงจำนั้นเลือนลางไป เหตุการณ์นั้นไม่ถูกกล่าวถึงในที่สาธารณะเป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้น และไม่เคยถูกบันทึกไว้ในหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์ที่ควบคุมโดยรัฐจึงถึงทุกวันนี้ ในขณะเดียวกับ ต้องขอบคุณระบบการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษเพราะผู้มีอำนาจหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ยังคงเสวยสุขกับเอกสิทธิ์ของพวกเขาหลายปีหลังจากนั้น บางคนมีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ทางการเมืองอีกครั้งในปี 2535 เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกนำตัวมาลงโทษ
กระบวนการสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทยอยู่ในสภาวะขึ้นๆลงๆตลอดเวลาในช่วงยุค 80 ช่วงเวลาที่มีการเปิดกว้างและเป็นประชาธิปไตยกลับมามีมากขึ้นในปี 2531 แต่ก็ไม่ต่างจากในอดีต ช่วงเวลานั้นมีระยะสั้นๆ ในปี 2534 เผด็จการทหารกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้อยู่ไม่นาน เพราะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ในปี 2535 อีกครั้ง มีประชาชนมากกว่า 70 เสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้หลายวันกับทหารบนท้องถนนที่ยิงประชาชนผู้ต่อต้านรัฐบาล ในที่สุด รัฐบาลทหารก็ยอมแพ้และลาออก แต่พวกเขาทำเช่นนั้นหลังจากล้างความผิดการกระทำอาชญากรรมให้กับพวกเขาโดยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ประชาชนเรียกร้องให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีอำนาจแม้แต่จะบังคับให้เหล่าผู้บังคับบัญชาการกองทัพให้การ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะเอาคนผิดมาลงโทษเลย หลังจากนั้น เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คอขาดบาดตาย รายงานการสอบสวนที่ได้ตีพิมพ์หลายปีหลังจากนั้นแสดงให้เห็นถึงการสอบสวนที่ไม่สะเพร่าและขาดความพยายามที่แม้แต่จะค้นหาข้อเท็จจริงขั้นพื้นฐาน และที่แย่ที่สุดคือ มีการเซ็นเซ่อร์รายงานที่ตีพิมพ์ต่อสาธารณะชนอย่างหนัก โดยมีการขีดฆ่าชื่อทั้งหมดและข้อมูลสำคัญถึงขนาดที่ว่าทำให้ไม่สามารถเข้าใจรายงานได้ การทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษคือการเพาะพันธุ์ความไม่แยแสต่อประชาชนอย่างสิ้นเชิง
ตลอดเหตุการณ์โศกนาถกรรมที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า บทบาทของระบบความยุติธรรมไทยไม่เคยมีความเป็นอิสระในการค้ำจุนความยุติธรรม ระบบตุลาการไทยยึดถือว่าหากรัฐประหารใดที่ทำสำเร็จถือว่ามีความชอบด้วยกฎหมาย ระบบรับใช้ผู้มีอำนาจไม่ว่าพวกเขาจะขึ้นสู่อำนาจอย่างชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นตุลาการจึงยอมรับว่าคำสั่งและกฎหมายทั้งหมดที่บังคับใช้โดยคนที่มีอำนาจกลุ่มเล็กนั้นชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการนิรโทษกรรมให้กับตนเองของผู้นำทางการทหารจากการกระทำผิดทุกอย่าง เช่นการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยทิ้ง นอกจากนี้ตุลาการไทยยังถือว่าคำสั่งประหารชีวิตโดยไม่มีการพิจารณาคดีในศาล การจับกุมและคุมขังโดยไม่มีการตั้งข้อหา และปฏิบัติการสังหารฝ่ายตรงข้ามโดยมิชอบด้วยกฎหมายของกองทัพเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เช่นเดียวกันกับกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดในปี 2516, 2519 และ 2535 ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำตัวผู้ที่ต้องรับผิดขอบต่อความป่าเถื่อนมาลงโทษในประเทศไทยได้เพราะการสมรู้ร่วมคิดของตุลาการ การทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษสำหรับผู้นำที่มีอำนาจเป็นวัฒนธรรม เป็นระบบและชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความยุติธรรมให้กับเหยื่อผู้ถูกกระทำจากโศกนาถกรรมเหล่านั้น เมื่อไม่มีความยุติธรรม ประชาธิปไตยจึงไม่ต่างจากละครเวทีตลก
การทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษคือปัจจัยที่ชัดเจนว่าทำไมการสังหารหมู่ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2553 เกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้นำทางการเมืองและกองทัพในเหตุการณ์นั้นไม่ความกังวลเลยว่าพวกเขาจะถูกลงโทษหลังจากนั้น พวกเขาผลิตข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จและสร้างหลักฐานเพื่อเป็นข้ออ้างในการสังหารประชาชน เพิกเฉยต่อข้อปฎิบัติสากลในเรื่องของหลักการควบคุมฝูงชนอย่างสิ้นเชิงโดยการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุอย่างมหาศาลและวิธีการที่โหดร้ายสังหารพลเรือน มีการใช้อาวุธหนัก กระสุนจริง พลซุ่มยิงและวัตถุระเบิด พวกเขาให้ข้อมูลเท็จ โกหก และชี้นำประชาชนในทางที่ผิดอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างบรรยากาศของความกลัวและสร้างความชอบธรรมให้กับการสังหาร แม้แต่อาสาพยาบาลก็ถูกขัดขัดขวางการทำงาน ถูกยิงและถูกสังหารด้วยเช่นกัน ประชาชนกว่า 90 รายเสียชีวิต และบาดเจ็บอีกหลายพันราย และมีอีกหลายคนถูกจับกุมและได้รับการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม หลักฐานของกระทำอันไร้มนุษยธรรมมีมากมายถูกเเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยนักข่าวในประเทศและต่างประเทศ และยังมีการแบ่งปันข้อมูลกันระหว่างประชาชนกันเองในโซเชียลมีเดีย แต่ผู้นำทางการเมืองและกองทัพมักเมินเฉยต่อหลักฐานและการวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น และบ่อยครั้งแทนที่จะตอบโต้ด้วยเหตุผล ความเห็นใจหรือคำอธิบาย แต่กลับตอบโต้ด้วยมุขตลกหรือคำพูดเสียดสี พวกเขาย่อมรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแน่นอน นั้นคือการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษคือประเพณีปฏิบัติทั่วไป เป็นวัฒนธรรมของอำนาจ ซึ่งบ่มเพาะความหยาบโลนอันป่าเถื่อน
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ เหยื่อและประชาชนเปลี่ยนไป ต่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากความป่าเถื่อนครั้งก่อนหน้านี้ พวกเขาเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างรอบคอบและปฏิเสธการนิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ผู้กระทำความผิด พวกเขาประกาศว่า พวกเขาไม่ต้องการการปรองดองสมานฉันท์โดยปราศจากความจริงและความยุติธรรม แต่โชคร้ายคือ ระบบตุลาาร ตั้งแต่ตำรวจไปจนถึงอัยการและตุลาการคืออุปสรรคนการค้นหาความจริงและสร้างความยุติธรรม ผู้นำทางการเมืองถ้าไม่มีส่วนร่วมในความป่าเถื่อนก็มักจะขาดความกล้าหาญที่จะสนับสนุนความยติธรรมเพื่อยุติการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษอย่างเป็นวัฒนธรรมและเป็นระบบ พวกเขาพยายามที่จะปกปิดอาชญกรรมอีกครั้งในนามของความสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ และความจำเป็นที่ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า
หากการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษเกิดขึ้นอีกครั้ง จะมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นอีกกี่ครั้งก่อนที่จะมีการยอมรับว่าหนึ่งชีวิตต้องได้รับการเคารพ? จะมีความป่าเถื่อนเกิดขึ้นต่อประชาชนอีกกี่ครั้งก่อนที่ประชาชนทุกคนจะได้รับความเท่าเทียมบนผืนแผ่นดินเดียวกัน? จะต้องมีการบูชายัญความจริงหรือความยุติรรมอีกมากเท่าไรจนกว่าจนมีความยุติธรรมและความจริงจะถูกเปิดเผยโดยปราศจากความกลัว?
ไอซีซีสามารถช่วยยุติวัฒนธรรมการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษได้ ผมเข้าใจว่ามีการยื่นคำร้องขอให้อัยการไอซีซีพิจารณาการสังหารหมู่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2553 ในประเทศไทยแล้ว ผมหวังว่าท่านจะพิจารณาคำร้องนี้อย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าไอซีซีจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อนำความยุติธรรมมาให้เหยื่อและประชาชนในประเทศที่ระบบความยุติธรรมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ อย่างน้อยที่สุด การดำเนินการของไอซีซีสามารถสนับสนุนก้าวต่อไปข้างหน้าก้าวใหญ่ในการยุติการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษในอนาคต
ในต้นยุค 90 หลังจากการสังหารหมู่ปี 2553 แต่ก่อนที่จะมีการจัดตั้งศาลไอซีซี ผมพยายามหาทางที่จะนำคดีปี 2519 ขึ้นสู่องกรค์ระหว่างประเทศ ผมเรียนรู้ด้วยความผิดหวังอย่างใหญ่หลวงว่ามันเป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรก ในทางกฎหมาย ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีองค์กรระหว่างประเทศที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดีที่จะพิจารณาคดี ประการที่สอง ในเชิงทางการทูต ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศสำคัญที่นานาชาติรู้สึกกังวลใจ แน่นอนว่าประเทศเสวยสุขกับการมีชื่อเสียงในทางที่ดี ดังนั้นประเทศอื่นจึงเต็มใจปล่อยให้ประเทศไทยแก้ไขปัญหาตนเอง นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตในการสังหารหมู่ค่อนข้างน้อย ผมเชื่อว่าสำหรับศาลไอซีซีแล้ว ความยุติธรรมไม่ได้สำคัญน้อยลงตามความเจริญเติบโตของประเทศหรือจำนวนผู้บาดเจ็บเสียชีวิต
การทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษอาจจะเหนียวแน่นมากกว่าในประเทศอย่างประเทศไทยเพราะนานาชาติไม่ใส่ใจเนื่องจากไม่ใช่ประเทศนานาชาติรู้สึกกังกล ดังนั้นนานาชาติจึงเต็มใจที่จะมองข้าม การทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษถูกเก็บซ่อนดีกว่าในประเทศอย่างประเทศไทยเพราะอาญชากรรมมีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือความรุนแรงขนาดใหญ่ ดังนั้น มันจึงกลายเป็นระบบ ดังนั้นอาชญากรรมจึงเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและจำนวนคนตายก็พอกพูนขึ้น ความเงียบ ความกลัว และการลืมเลือนยังคงดำเนินต่อไป
ผมขอร้องไอซีซีว่าได้โปรดใช้ความพยายามเท่าที่จะทำได้ช่วยยุติการทำผิดแต่ไม่ต้องรับโทษในประเทศไทย
ด้วยความเคารพ
ธงชัย วินัจกุล ศาสตราจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ2 กรกฎาคม 2555 เวลา 10:35

    ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่รักษาเหี้ยกำลังกลับมาอีกครั้ง เตรียมตัวให้พร้อมเป็นทาสกันนะครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ2 กรกฎาคม 2555 เวลา 10:57

    การทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ เป็นแรงเสริมให้ฆาตรกรเกิดความย่ามใจ ที่จะใช้การฆ่าเป็นเครื่องมือยุติปัญหา เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ2 กรกฎาคม 2555 เวลา 11:14

    ขอให้แม่งติดคุกตลอดชาติทุกตัวด้วยเถิด สาธุ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ2 กรกฎาคม 2555 เวลา 12:12

    สนับสนุน และชื่นชม อ ธงชัย วินิจกูล มาตั้งแต่ 6 ตุลา 19 ครับ อ.ยืนหยัดอยู่เคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตยมาโดยตลอด ไม่เปลี่ยนแปลง

    ตอบลบ