ที่มา:มติชนรายวัน 12 ก.ย.2556
โด่งดังขึ้นมาในฐานะวาทะแห่งสัปดาห์
และอาจจะกลายเป็นวาทะแห่งเดือนหรือแห่งปีไปได้ง่ายๆ
ก็คือคำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี
บนเวทีเดินหน้าผ่าความจริงครั้งล่าสุดที่วัดดอกไม้ เขตยานนาวา เมื่อค่ำวันที่ 7
กันยายน
และได้รับการเผยแพร่ให้กระจายกว้างขวางยิ่งขึ้นโดยนายวิทเยนทร์
มุตตามระ อดีตผู้สมัคร
ส.ส.ของประชาธิปัตย์เอง
จนเป็นเรื่องขึ้นมาสมใจ
วาทะ
"เรียกแขก"
ที่กระจายไปอย่างกว้างขวางก็คือ
"นายกรัฐมนตรีก็หลบเลี่ยงปัญหาเหล่านี้
ผมก็ดูไม่ออกครับว่าที่อยู่ในประเทศมา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา
ไปทำอะไรบ้าง
"เมื่อเช้าเห็นแวบๆ มีข่าวไปทำอะไร โครงการอะไร Smart Lady
แปลว่าอะไร ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดหรอกครับ
เหมือนกับว่าจะประกวดใช่มั้ย
"หา Smart Lady แปลว่าอะไร Smart lady
นี่ผมถามอภิมงคล (ม.ล.อภิมงคล โสณกุล) แล้ว
แปลว่าผู้หญิงฉลาด
"แต่นี่ผมก็ถามว่า อ้าว แล้วถ้าทำโครงการนี้เนี่ย
ทำไมต้องทำ ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด
ทำไมต้องประกวดผู้หญิงฉลาด
"เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหาอีโง่
ไม่มีใครไปแข่งได้"
ปฏิกิริยาของสังคมวงกว้างตามมาโดยพลัน
นายจะเด็จ
เชาวน์วิไล ผอ. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า
คำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ดูถูกผู้หญิงเกินไป พูดไม่ไห้เกียรติผู้หญิง
ผลที่ตามมาทำให้ภาพลักษณ์นายอภิสิทธิ์ดูไม่ดีเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าเวลาวิจารณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น มักเป็นไปในเรื่องการดูถูกผู้หญิงทั้งหมด
ซึ่งต้องระวัง
ที่ดาหน้าออกมาพร้อมเพรียงก็คือ ส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทย ประมาณ
20 คน นำโดย น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล
ส.ส.บัญชีรายชื่อ
เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ออกมาขอโทษกับคำพูดดังกล่าวต่อผู้หญิงทั้งประเทศ
เพื่อเป็นการแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
นายอภิสิทธิ์ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกพรรค
เพราะการที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก่อความวุ่นวายในขณะนี้ถือว่านายอภิสิทธิ์ก็มีส่วนร่วมเช่นกัน
และที่
"จัดเต็ม" ไม่น้อยหน้าใครก็คือ "หลานโอ๊ค" นายพานทองแท้
ชินวัตร
ที่ตั้งคำถามย้อนกลับไปว่า
ถ้าดูถูกอีกฝ่ายหนึ่งว่าโง่
แล้วคนที่แข่งขันแพ้คนโง่จะเรียกว่าอะไร
แต่เรื่องเหลี่ยมคมทางถ้อยคำ
เคยยอมใครง่ายๆ หรือ
นายอภิสิทธิ์ตอบข้อถามเรื่องปราศรัยดูถูกสตรีว่า
ตนพูดตามที่เห็นในกูเกิลไม่ได้พูดถึงใคร ส่วนใครจะร้อนตัวหรือไม่ไม่ทราบ
และไม่รู้ว่ามีความไม่พอใจเรื่องอะไร
ที่อ้างว่าเป็นการดูถูกผู้หญิงก็ต้องถามว่าทำไม
"เพราะผมบอกว่ามีการประกวดสมาร์ทเลดี้แปลว่า
ผู้หญิงฉลาดก็ถูกแล้ว เขาคงไม่ประกวด
"อีโง่"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับการดูถูกผู้หญิง"
คมบาดใจไม่แพ้กัน
ก็ต้องวาทะคนข้างบ้านที่เป็นญาติสนิท อย่างนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ข้ามทวีปมาจากสวิตเซอร์แลนด์ว่า
"พรรคประชาธิปัตย์ควรกลับไปคิดพิจารณาทบทวนว่าสมัยเป็นรัฐบาลเคยทำอะไรให้ผู้หญิงบ้าง
เท่าที่ทราบไม่ปรากฏชัดเจนว่ามีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือเพราะวันๆ
มัวแต่พูดจาดูถูกดูแคลน
ไม่ให้เกียรติผู้หญิง
"ทุกวันนี้ผู้หญิงมีความรู้ความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชาย
ประเทศทรงอิทธิพลอย่างเยอรมนี หรือประเทศในแถบเอเชียอย่างเกาหลีใต้
ก็มีผู้นำเป็นผู้หญิง
"ให้ระวังคำพูด
เพราะคำพูดที่ออกจากปากทุกคำจะเป็นสิ่งที่ประชาชนใช้ตัดสินได้ว่า
"ใครโง่ใครฉลาด"
แต่วาทะบนเวทีปราศรัย
ไม่สามารถแยกออกได้จากยุทธศาสตร์โดยรวมของพรรคประชาธิปัตย์
ยุทธศาสตร์โค่นล้มรัฐบาลโดยไม่เลือกวิธี
ไม่ว่าจะปั่นป่วนการประชุมสภา
ปลุกพลังข้างนอก
และเดินสายปราศรัยเพื่อจะลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในทุกด้านทุกประเด็น
ให้ประชาชนผู้รับสื่อผู้รับฟัง
ได้เลือกได้ตัดสินใจ
ใครโง่ ใครฉลาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น