ภายหลังปรากฏข้อมูล พฤติกรรม “พี่-น้อง ตระกูลเทือกสุบรรณ” ที่เกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร ตามหน้าสื่อมวลชน โดยล่าสุด “เชน เทือกสุบรรณ” ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถครองควบคุมอารมณ์ได้ จนถึงกับ “ทุ่มเก้าอี้” กลางห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดย “พระนครสาส์น” ได้รวบรวมพฤติกรรมการแสดงออกในสภาผู้แทนราษฎร ของ “บุคคล” ใน “ตระกูลเทือกสุวรรณ” มานำเสนอไว้ ในเรื่อง “เทือกแก๊งสเตอร์…สุเทพ – เชน – ธานี เทือกอันธพาล!!!” นั้น ล่าสุด “ทีมงานพระนครฯ” ได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของ “3 พี่น้องเทือกแก๊งสเตอร์” ผ่าน “บัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน” ที่ได้แจ้งเอาไว้กับ “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)” เมื่อทั้ง 3 คนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.สุราษฎร์ธานี หลังการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2556 กลับพบสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ ทั้ง 3 คนมีรายได้จาก “สวนปาล์ม” และ “สวนยางพารา” รวมกันเกือบ 50 ล้านบาท !!!
ซึ่งในขณะที่กำลังมีการชุมนุมของกลุ่มผู้ที่ระบุว่าเป็น “เกษตรกรชาวสวนยางพารา” และบางพื้นที่มี “ชาวสวนปาล์ม” เข้าร่วมชุมนุมปิดถนนในหลายจังหวัดภาคใต้ แม้จะมีการเสนอมาตรการช่วยเหลือต่างๆนา ๆ แล้วก็ยังไม่ยอมยุติการชุมนุมนั้น “พระนครสาส์น” จึงขออนุญาตนำเสนอข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของสถานการณ์ที่ กำลังเกิดขึ้น
โดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” พี่ใหญ่ของตระกูลเทือกสุบรรณ นั้นได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเอาไว้กับ ป.ป.ช. เมื่อเข้ารับตำแหน่ง “ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์” เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2554 ระบุว่า มีทรัพย์สินรวม 141,785,824.24 บาท มีหนี้สินรวม 47,973,015.97 โดยมีรายได้ต่อปีโดยประมาณรวม 42,886,959 บาท แบ่งเป็น เงินเดือน ส.ส.1,362,720 บาท เงินบำนาญ 64,260 บาท และมีรายได้อื่นๆ โดยเป็นรายได้จาก สวนยาง,สวนปาล์ม สูงถึง 41,459,970 บาท (สี่สิบเอ็ดล้านสี่แสนห้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบบาท)
ส่วน “เชน เทือกสุบรรณ” พี่-น้องลำดับที่ 4 ของตระกูลเทือกสุบรรณ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 7 คนนั้น ได้แจ้ง บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเอาไว้กับ ป.ป.ช. เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 10 กันยายน 2554 ระบุว่า มีทรัพย์สินรวม 47,717,208.88 บาท และมีหนี้สินรวม 3,313,683.00 บาท โดยมีรายได้ต่อปีโดยประมาณรวม 8,805,000 บาท ซึ่งแบ่งเป็น เบี้ยประชุมในส่วนของภรรยา 15,000 บาท ในส่วนของนายเชนนั้น มีรายได้เป็นเงินเดือนและค่าตอบแทน 1,362,000 บาท เบี้ยประชุม 128,000 บาท ซึ่งมีรายได้จากสวนยางพาราสูงถึง 3,000,000 บาท (สามล้านบาท)และรายได้จากสวนปาล์มน้ำมันสูงถึง 2,000,000 บาท(สองล้านบาท) นอกจากนี้เป็นรายได้จากสวนผลไม้อีก 800,000 บาท
สำหรับ “ธานี เทือกสุบรรณ”น้องคนรองสุดท้องของตระกูล ได้แจ้ง บัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. เอาไว้เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2554 ระบุว่ามีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 58,501,534.13 บาท และมีหนี้สิน 19,665,641.56 บาท โดยมีรายได้โดยรวมประมาณ 8,601,960 บาท ซึ่งแบ่งเป็นเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทน ส.ส. 1,1251,960 โดยคู่สมรสมีเงินเดือนจากบริษัท 180,000 บาท โดยนายธานี มีรายได้จากสวนปาล์ม 1,800,000 บาท (หนึ่งล้านแปดแสนบาท)โดยประมาณ คู่สมรสมีรายได้จากสวนปาล์มอีก 360,000 บาท(สามแสนหกหมื่นบาท)โดยประมาณ
นอกจากนี้คู่สมรสของนายธานี ยังมีรายได้จากร้านค้า 3,120,000 บาท และนายธานีมีรายได้จากการรับขนส่งอีก 1,240,000 บาท
ซึ่งเมื่อรวมพี่น้องทั้ง 3 คนในตระกูลเทือกสุบรรณจะพบว่า มีรายได้จากยางพาราและสวนปาล์ม รวมกันสูงถึง 48,619,970 บาท (สี่สิบแปดล้านหกแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบ)
( สุเทพ 41,459,970 บาท + เชน 5,000,000 (ยาง 3,000,000 บาท + ปาล์ม 2,000,000 บาท) + ธานี 2,160,000 (ปาล์ม ธานี 1,800,000 บาท + คู่สมรส 360,000 )
ถึงว่า…ทำไม “ม็อบยางพารา” ครั้งนี้ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ถึงออกตัวเต็มที่ !!
และถึงว่า … ม็อบยางพารา ถึงยังไม่สามารถจบลงง่ายๆ แม้เกษตรกรหลายกลุ่มจะประกาศยุติการชุมนุมไปแล้ว !!!
เอ๊ะ !!! แล้ว… “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เนี่ย “สะกด” อย่างนี้ หรือเปล่า ???
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น