ข่าวเจาะลึก
จาก REDPOWER ฉบับ
25 เดือน เมษายน 55
ธรรมดาน้ำแกงย่อมเผ็ดกว่าน้ำล้างชามแกงฉันใด
หัวขบวนคณะรัฐประหารย่อมเผ็ดกว่าหางขบวนฉันนั้น
เริ่มต้นเราเชื่อกันว่า พลเอกสนธิ
บุญยรัตกลิน ในฐานะผบ.ทบ.คือหัวหน้าคณะรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญเมื่อ 19 กันยายน
2549 แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่เป็นฉบับ 2550 เพื่อวางโครงสร้างอำนาจให้แก่ตนเองซึ่งหากเป็นจริงตามที่เราเชื่อกัน
พลเอกสนธิ จะต้องปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับลากตั้ง
สว.นี้ด้วยชีวิตชนิดที่ต้องกอดรัฐธรรมนูญไว้กับอกตกน้ำก็ไม่ปล่อย แต่เอาเข้าจริงๆพอมาถึงวันนี้บิ๊กบังกลับหลังหันกลายมาเป็นผู้ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง
แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นผู้ปกป้องรัฐธรรมนูญ 2550
ฉบับเผด็จการไว้เหมือนจงอางหวงไข่
การเมืองไทยมันซับซ้อนสมกับสัจธรรมคำว่า
“ไอ้ที่เห็นไม่ใช่ ไอ้ที่ใช่ไม่เห็น”
ก็ถึงขนาดแพ้มติในรัฐสภาแบบหูรูดด้วยมติ
399 ต่อ 199 ประชาธิปัตย์กับ สว.ลากตั้งกลุ่ม 40 (คือกลุ่มลูกป๋าขี้ข้าสนธิลิ้ม)
ยังแสดงอาการบ้าหลุดโลกโดยประชาธิปัตย์ไปตั้งแก๊งค์ข้างถนนต่อต้านมติรัฐสภาที่หาดใหญ่
เมื่อวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยทำเก๋ออกเอกสารชื่อปฏิญญาหาดใหญ่ และกลุ่ม
สว.40 ไปชุมนุมมวลชนที่สวนลุมพินีเมื่อ 2 มีนาคม (น่าจะออกปฏิญญาสวนทวาร ณ สวนลุมจะได้เก๋ไม่แพ้
ปชป.) และกลุ่มพันธมิตรก็จัดชุมนุมซ้ำอีกที่สวนลุมพินีเมื่อ 10 มีนาคม
(น่าจะออกปฏิญญาพันธมารม้วนเสื่อก็จะได้ไม่น้อยหน้ากัน)
ประมวลเหตุการณ์แล้วก็รู้ได้ทันทีว่ากลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตรสนธิลิ้มนี้เองไม่เช่นนั้นพวกมันจะลงเรี่ยวลงแรงประท้วงชนิดแก้ผ้าให้ขายหน้าประชาชีเช่นนี้หรือ
ก็ลงคะแนนด้วยหลักการประชาธิปไตยโดยชอบแพ้เขาในสภาแล้วยังมีหน้ามาชุมนุมปลุกระดมให้ล้มมติรัฐสภา
อย่างนี้จะไม่เรียกว่าแก้ผ้าแล้วจะเรียกว่าอะไร?
โดยเฉพาะประชาธิปัตย์สงขลาถึงขนาดติดป้ายโชว์หน้า
ส.ส.ผู้ลงคะแนนแพ้(แต่คนไม่แพ้)อย่างนี้เขาเรียกว่า “พวกอันธพาลทางการเมืองใช่หรือไม่ ?”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จึงชี้ชัดทางการเมืองแล้วว่าประชาธิปัตย์คือน้ำแกง
ส่วน พลเอกสนธิ คือน้ำล้างชามแกง เพราะประชาธิปัตย์เผ็ดแรงเผ็ดนานกว่า
คมช.
แต่เพราะมันเป็นการรัฐประหาร “แกงไตปลา” ตัวน้ำแกง คือ ปชป. จึงเผ็ดหูอื้อ,ส่วนน้ำล้างชามแกงคือ คมช.
ก็ยังมีรสเผ็ดกร่อยๆ
ถ้าใช้ทฤษฎีอิ๊กคิวซังจากภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องเณรน้อยเจ้าปัญญาที่ตัวโชกุนชอบตั้งคำถามให้อิ๊กคิวซังตอบเสมอๆก็จะได้ความดังนี้
ปุจฉา
แล้วหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะและหัวหน้าพันธมารอย่างนายสนธิลิ้ม จะมีบุญบารมีอะไรไปใช้ให้บิ๊กบังในฐานะผู้บัญชาการทหารบกขับรถถังออกมาฉีกรัฐธรรมนูญปี
2540 ฉบับประชาชนได้เล่า ?
วิสัชนา ก็หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตัวจริงกับหัวหน้าพันธมารตัวจริงเป็นบุคคลคนเดียวกัน
ที่ไม่ใช่ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสนธิ ยังไงเล่าครับ ส่วนชื่ออะไรแม้ตายแล้วก็ไม่ขอพูด
วันนี้เณรน้อยกลายเป็นอิ๊กคิวหนั่นผู้ปุจฉา
และโชกุนกลายเป็น โชบังผู้วิสัชนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น