การเมืองแบบประชาธิปัตย์ !

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข

ปีที่ 7 ฉบับที่ 357 ประจำวัน จันทร์ ที่ 30 เมษายน 2012

พรรคประชาธิปัตย์เพิ่งฉลอง 66 ปีการก่อตั้งพรรคไปไม่นาน ก็เกิดข่าวฉาวที่ตอกย้ำความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีนายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ภาพโป๊จากโทรศัพท์ของนายณัฏฐ์ไปโผล่ที่หน้าจอโทรทัศน์ระหว่างการประชุมสภา ไม่ว่าจะอ้างเพื่อลบภาพที่เพื่อนส่งมาให้หรือไม่มีเจตนาใดๆ ก็ตาม

แต่ก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ที่พยายามสร้างภาพเรื่องจริยธรรม ต้องกลับไปพิจารณาตัวเองเช่นกัน โดยเฉพาะ 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะฝ่ายค้าน ที่กล่าวหารัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามทำไม่ดีสารพัด หรือสั่งสอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหมือนเป็น “ผู้รู้” หรือ “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่ประสบความสำเร็จมาอย่างอุโฆษ

ทั้งที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์แก้ปัญหามากมายล้มเหลวไม่เป็นท่าแล้วยังถูกบันทึกในประวัติการเมืองไทยว่า เป็นรัฐบาลมือเปื้อนเลือดที่เข่นฆ่าประชาชนมากที่สุดอีกด้วย

ขณะที่ผลสำรวจความเห็นของประชาชนกรณีนี้ ปรากฏว่าร้อยละ 83.4 เสื่อมศรัทธาต่อรัฐสภาและร้อยละ 35.5 เรียกร้องให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะเพิกเฉยและให้เรื่องเงรยบหายไปเอง หรือจะตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือกดดันให้นายณัฐแสดงความรับผิดชอบนั้น สุดท้ายจะลงท้ายอย่างไรนั้น ล้วนมีผลต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น

โดยเฉพาะนายอภิสิทธ์ที่ชอบอ้างเรื่องคุณธรรมแชะจริยธรรมของนักการเมือง ขณะที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนก็ออกมาถ่มน้ำลายรดฟ้ากันแล้ว ซึ่งไม่แปลก เพราะแม้แต่นายอภิสิทธิ์เองยังถูกตอกกลับที่เคยอภิปรายเรื่องจริยธรรมในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ให้พิจารณาตัวเองกรณีที่กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชนชุมนุมขับไล่และมีการผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม

แต่พอนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีและเกิดเหตุการณ์เมษา-พฤษภาอำมหิตที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือยร้อยและบาดเจ็บพิการเกือบ 2,000 คน นายอภิสิทธิ์กลับอ้าง “ความชอบธรรม” เหตุผลสารพัดเพื่อจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป

เช่นเดียวกับ 9 เดือนที่โจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พรรคประชาธิปัตย์ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายเรื่องบทบาทของพรรคที่ยังเล่นการเมืองแบบเก่าๆ และน้ำเน่า โดยเฉพาะการเอาเรื่องส่วนตัวฝ่ายตรงข้ามมาสร้างกระแสให้กับพรรค แต่กลับยิ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยิ่งตกต่ำ

อย่างกรณีนายบุญยอด สุขถิ่นไทย นำเรื่องส่วนตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่จดทะเบียนสมรสกับนายอนุสรณ์ อมรฉัตร มาโจมตี โดยลืมไปว่า นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้จดทะเบียนกับ นางภักดิพร สุจริตกุล เช่นกัน

หรือโรงแรมโฟร์ซีซั่น “ว5” ที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โหมให้สังคมมองไปเรื่องของประเด็น “ชู้สาว” ระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตาม “สื่อเสี้ยม” ที่จ้องเล่นงานนัฐบาลอยู่แล้ว แทนที่จะเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน

โดยเฉพาะรายการ “สายล่อฟ้า” ซึ่งดำเนินรายการโดยคยใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ คือ นายเทพไท เสนพงศ์ นายศิริโชค โสภา และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ใช้คำพูดที่กักฬขะและหลายคาย สองแง่สองง่ามประเด็น “ว5” จนพรรคประชาธิปัตย์ถูกรุมประณามไปทั่ว

เช่นเดียวกับการสร้างกระแสรายวัน เพื่อโจมตีรัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นนายอภิสิทธิ์หรือสมาชิกพรรค ก็ถูกตั้งคำถามกลับในสิ่งที่ออกมาพูด หรือถูกจับได้ว่าพูดโกหก หรือพูดพล่อยๆ

อย่าง คำโจมตีเรื่องเศรษฐกิจที่ว่า “แพงทั้งแผ่นดิน” โดยน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ที่โจมตีรัฐบาลว่า มะนาวยิ่งลักษณ์แพงลูกละ 12 บาท แต่ถูกตอบโต้กว่า มะนาวอภิสิทธิ์ลูกละ 15 บาท หรือไข่ไก่ราคาแพงใบละ 8 บาท ทั้งที่ราคาจริงอยู่ที่ 2.70-3.50 บาทแล้วยังถูกตอกกลับสมัยรัฐบาลนายอภิสิทิ์เรื่อง “ไข่ชั่งกิโล” และน้ำมันปาลม์ขาดตลาดอีก

สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต้องปลาบปลื้มกับการเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดถึง 66 ปี แต่ความเก่าก็ไม่ได้หมายความถึงความดีและคุณธรรม เพราะอาจแก่เฒ่าแบบ “เฒ่ากระโหลกกะลา” แล้วยังเป็น “เฒ่าตัณหากลับ” อีก

หากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เลิกการเล่นการเมืองแบบเก่าๆ ที่ค้านไปทุกเรื่อง สร้างข่าว สร้างกระแส โยไม่คำนึงถถึงข้อเท็จจริงหรืออหลักฐานลองรับ พรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะเป็นพรรคขนาดกลางในสมัยหน้า แม้ยังมีฐานเสียงอย่างแน่นในภาคใต้ก็ตาม

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับ 357 วันที่ 28 เมษายน – 4 พฤษาภาคม พ.ศ. 2555 หน้า 8 คอลัมน์ สามแยกสามแพร่ง โดย คุณศรี สามแยก