Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“บาปกรรมของการยึดอำนาจในสังคมไทย”


คอลัมน์ ชูธงแดงแต่งแต้มรัฐธรรมนูญ 55
.ดร.ธเนศวร์  เจริญเมือง
เชียงใหม่
เมื่อ 30  มีนาคม 2555
สัมภาษณ์โดย ศรีอัปสรา  ฐิตารีย์

จาก REDPOWER ฉบับ 25 เดือน เมษายน 55

Red Power    ในฐานะที่อาจารย์เข้าร่วมต่อสู้กับขบวนการคนเสื้อแดง  และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยตลอด  6 ปีที่ผ่านมา   อาจารย์ได้ฟังคำถามของ พลตรีสนั่น ขจรประศาสตร์ และคำตอบของ พลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน   อาจารย์มีความเห็นอย่างไร 
. ดร.ธเนศวร์           ผมรู้สึกภาคภูมิใจแทนพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดง และกลุ่มคนรักทักษิณที่ยืนหยัดต่อสู้ที่ต่อสู้กับอำนาจอธรรม อย่างตรงเป้า และได้พิสูจน์แล้วว่าประชาชนมีวุฒิภาวะสูงกว่า พวกศาสตราจารย์และนักวิชาการอีกหลายคนในมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะรู้ความจริงว่า คำถามของพลตรีสนั่น และคำตอบของ คุณสนธิในประเด็นสำคัญ ใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังปฏิวัติ  ถามอีกอย่างก็คือ ใครคือผู้ปฎิวัติตัวจริง
การไม่ตอบคำถามของพลเอก สนธิ ที่กล่าวว่า แม้ตายก็ไม่ขอบอกก็คือว่าท่านได้ตอบคำถามแล้ว    คือตอบว่าคนที่สั่งให้ทำการยึดอำนาจนั้น  บอกไม่ได้ ก็ชัดเจนแล้วครับ
ข้อสรุปจากคำตอบของพลเอกสนธิคือ
1. พลเอกสนธิไม่ได้เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติตัวจริง
2. การปฎิวัติ หรือ รัฐประหาร เมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นความเลวร้าย จึงทำให้ พลเอกสนธิไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่หัวหน้าตัวจริง และก็ไม่ยอมเปิดชื่อว่าใครคือตัวจริง ถ้าเป็นความดีงามก็ต้องเปิดเผยแล้ว 
3. คณะรัฐประหาร  สื่อสารมวลชนส่วนใหญ่  รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความชื่นชมการยึดอำนาจมาตลอด 6 ปี  ว่า เป็นวีรกรรม  มีบางคนเท่านั้นที่เลี่ยงไปพูดว่าก็เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว  ก็ต้องก้าวต่อไป แต่ไม่ยอมวิพากษ์วิจารณ์รัฐประหาร 
มาถึงวันนี้ ถ้าดีงามจริงตามที่พวกเขาโฆษณา หรือยอมรับกลายๆ  ทำไมถึงหลบเลี่ยง  ไม่ออกมายอมรับการเป็นหัวหน้าคณะผู้ยึดอำนาจกันเล่า   ทั้ง ๆ ที่ได้มีกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ยึดอำนาจกันไปหมดแล้ว
4. เมื่อการทำรัฐประหารมีเป้าหมายที่มุ่งทำลาย นายกฯทักษิณ โดยตรงว่าเป็นผู้นำที่มีแต่ความเลวร้าย   ส่วนคณะที่ทำรัฐประหารนั้นเป็นผู้ที่กล้าหาญและเสียสละ  วันนี้กลับไม่กล้าเปิดเผย    ก็เพราะเขารู้แล้วทั้งในและต่างประเทศว่าการรัฐประหารในประเทศไทยทำให้ประเทศไทยถอยหลัง และกลายเป็นตัวตลกระดับสากล   ประเทศของเรามีรัฐประหารมากที่สุดในโลก  มีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก   ประเทศของเราน่าสมเพชมากในสายตาชาวโลก  ก็เพราะเราไม่เคยเคารพกฎกติกาใดๆ  ไม่พอใจอะไร ก็ใช้กำลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 
Red Power    เมื่อความจริงปรากฏอย่างนี้ อาจารย์มองสถานการณ์ข้างหน้าอย่างไร
. ดร. ธเนศวร์          ผมเชื่อมั่นว่าขบวนการคนเสื้อแดงและขบวนการคนที่รักทักษิณ จะขยายตัวก้าวไปอีก เพราะเหตุการณ์ของการเมืองที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า รัฐประหารเป็นสิ่งที่ผิด  บ้านเมืองต้องมีกติกา และเคารพกติกา ไม่ใช่ใช้อำนาจหรืออาวุธ-รถถังมาทำอะไรก็ได้ 
ประชาชนจำนวนมากตาสว่างแล้ว  พวกเขาเข้าใจการเมืองไทยดีกว่านักวิชาการหลายคนในรั้วมหาวิทยาลัย 
ก็ดีครับ ที่พลตรีสนั่น พยายามจะเอาคำตอบว่าใครอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ  คำถามที่คน ทั้งบ้านทั้งเมืองรู้คำตอบหมดแล้ว  ทำให้เกิดประเด็นการถกเถียง เรียนรู้ขึ้นมาอีกครั้ง  กระทั่งทำให้เกิดแรงกระเพื่อม  เป็นเสมือนเสียงไซเรน เรียกแขกที่มีรสนิยมเผด็จการต้องอยู่ไม่ติดบ้าน และมีแนวโน้มจะออกมาเคลื่อนไหว  ปั่นป่วน เพื่อทำลายสถานการณ์ปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี 
แม้ฝ่ายอำมาตย์จะได้พยายามปกปิดความเลวร้าย ที่พวกเขาได้ใช้อำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ครอบงำการเมืองและสังคมไทยมายาวนาน และเป็นผู้สั่งให้มีการยึดอำนาจมาหลายต่อหลายครั้งในประวัติศาสตร์   แต่เฉพาะการรัฐประหารครั้งสุดท้ายนี้ ถือว่าเป็นความล้มเหลวโดนสิ้นเชิง และถือเป็นหนี้กรรมของพวกเขา ที่ดันมาเลือก พลเอกสนธิ มาทำงานครั้งนี้  และพลเอกสนธิ  ท่านไม่ยอมเป็นหนังหน้าไฟให้
Red Power    ทั้ง ๆ ที่ พล.เอก สนธิ ไม่ยอมเปิดเผยชื่อของคนสั่งการ ทำไมอาจารย์ถึงคิดว่า พลเอกสนธิไม่ยอมเป็นหนังหน้าไฟปกป้องคนสั่งการ
. ดร.ธเนศวร์ คำตอบของพลเอกสนธิ ที่ว่าจนตายก็ตอบไม่ได้  ตีความได้ 2 อย่างครับ คือ ไปสัญญากับใครไว้ หรือคนนั้นต้องมีความสำคัญ  จึงตอบไม่ได้  ตายก็ตอบไม่ได้  แต่พลเอกสนธิตอนนี้ท่านเป็นนักการเมือง  นี่ก็น่าจะเป็นการเมือง   คือมีความหมายบางอย่าง   ผมเข้าใจว่าท่านคงต้องการให้สังคมเกิดการอภิปรายถกเถียงกันว่าใครนะอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ
                   มีข้อเท็จจริงบางอย่างที่น่าสนใจ  คือ ตอนที่พลเอกสนธิอยู่ในตำแหน่งประธาน คมช. ก็ต้องไปขอไปเป็นรัฐมนตรี  กับนายกฯคือพลเอกสุรยุทธ์ ที่ท่านเป็นคนแต่งตั้งเอง 
อีกข่าวหนึ่งคือ สิ่งที่พลตรีสนั่นถามเรื่องพลเอกเปรมได้สั่งให้พลเอกบัญชรไปสั่งให้ พลเอก มงคล อัมพรพิสิทธิ์ ไปขอร้องให้ พล.เอกสนธิ ปฏิเสธว่า พลเอก เปรมไม่เกี่ยวกับการยึดอำนาจ แต่ พลเอก สนธิ ไม่ได้ปฏิบัติตาม ว่าจริงหรือไม่  พลเอกสนธิไม่ได้ตอบ  ทั้งหมดนี้จึงสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งในกลุ่มคนที่เคยเกี่ยวพันกับรัฐประหาร  และพลเอกสนธิไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีกต่อไป
วิกฤติของระบอบอำมาตย์วันนี้ เกิดขึ้นจากบาปกรรมของผู้มีอำนาจที่เรียกใช้ พล.เอก.สนธิ ทำการยึดอำนาจ

Red Power    หากสถานการณ์เป็นตามที่อาจารย์วิเคราะห์ การปรองดองจะเกิดขึ้นได้หรือไม่

. ดร.ธเนศวร์ ผมอยากเห็นการปรองดองเพื่อบ้านเมืองของเรา  ผมอยากเห็นการเคารพกติกา  อยากเห็นความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตย เพื่อประเทศของเราจะได้แข่งขันทางเศรษฐกิจกับประเทศอื่นๆ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นับวันจะเป็นปัญหาใหญ่  

แต่ฝ่ายค้านพยายามที่จะต่อต้านการปรองดองในแทบทุกประเด็น  ยิ่งผมได้ทราบมาว่า คำถามของพลตรีสนั่นที่ให้พลเอกสนธิตอบนั้น  จัดพิมพ์เรียบร้อยและทำสำเนาแจกผู้สื่อข่าวก่อนที่จะลุกขึ้นถาม   ก็แสดงว่าทั้งหมดนี้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองทั้งสิ้น  และชี้ให้เห็นว่าการปรองดองเป็นงานที่ยากมาก ในเมื่อฝ่ายที่สนับสนุนรัฐประหารไม่ต้องการให้เกิดการปรองดอง 
 
Red Power    ถ้าเป็นอย่างนี้จะกระทบการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปหรือไม่

. ดร.ธเนศวร์ ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับ พ.. 2550 เกิดจากรัฐประหารและเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐประหาร  การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายเลย   ไม่มีที่ไหนหรอกครับที่ฝ่ายสนับสนุนรัฐประหารอยากเห็นระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง   เขาไม่ต้องการให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเข้มแข็ง  ยิ่งเข้มแข็งมากก็ยิ่งส่งผลเสียต่ออำนาจของฝ่ายที่มีอภิสิทธิ์  ฝ่ายที่ได้รับประโยชน์จากระบบสองมาตรฐาน 

60 กว่าปีที่ผ่านมา นับแต่การยึดอำนาจในปี พ.. 2490   กว่าระบอบประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นก็ต้องใช้เวลานานถึงเกือบ 30 ปี คือ การลุกขึ้นของนักศึกษาและประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.. 2516 และการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.. 2517

แต่พอขบวนนักศึกษาประชาชนเข้มแข็งมากขึ้น  ก็เกิดรัฐประหารอีกในปี พ.. 2519  และเกิดระบอบประชาธิปไตยแบบครึ่งใบนานเกือบ 10 ปีในยุคพลเอกเปรม   จากนั้นก็เกิดรัฐประหารอีกในปี พ.. 2535 และ พ.. 2549 

ยิ่งรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ..  2540   ยิ่งเห็นชัดเพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง  รัฐบาลเข้มแข็ง  รัฐประหาร 2549  จึงเกิดขึ้นเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตย  และไม่ต้องการเห็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งในประเทศนี้ 

เราต้องช่วยกันทำให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นอีกครั้งหนึ่งในไม่ช้านี้

เราต้องช่วยกันทำให้

      ประชาชนได้เลือกผู้แทนโดยตรงเพื่อไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

      หลังจากร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว  ก็ควรจะมีการลงประชามติรับรองรัฐธรรมนูญ  ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ผมมองว่า 2 สิ่งนี้จะช่วยทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งขึ้น เพราะเป็นการรวมมติมหาชน

ทั้งประเทศไปไว้ที่รัฐธรรมนูญ    เพื่อให้รัฐธรรมนูญไทยฉบับต่อไปมีความศักดิ์สิทธิ์  และได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้นกว่าเดิมๆ 

เราต้องไม่ท้อถอยครับ  การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของเราที่ผ่านมาล่าช้า เพราะมีคนขัดขวางและทำลาย  แต่ประชาชนไทยวันนี้ตื่นแล้ว  พวกเขาจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น  ต่อจากนี้ จะไม่มีใครยอมให้กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยต้องล่าช้าไปอีก  

ประชาชนไทยจะไม่ยอม  และนานาประเทศก็จะไม่ยอมให้รัฐประหารหรือระบอบอำนาจนิยมไม่ว่ารูปแบบใดเกิดขึ้นอีกในสังคมไทย. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น