Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ถอดรหัสคดี ‘ฆาตกร 91 ศพ’ชะตากรรมบนศาลอาญาระหว่างประเทศ!


ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับ 359 วันที่ 12 - 18 พฤษาภาคม พ.ศ. 2555 หน้า 11 คอลัมน์ กรีดกระบี่บนสายธาร
โดย เรืองยศ จันทรคีรี

ในที่สุดก็มีข่าวว่าศาลคดีอาญาระหว่างประเทศหรือศาลโลก รับฟ้องคดีสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 นับเป็นอีกเรื่องที่น่าฮือฮาในระดับโลก แต่กลับเงียบเชียบ จึงมีประเด็นที่น่าจะต้องขบคิดสำหรับผู้ติดตามข่าวสารทั้งหลายด้วยหลากหลายประเด็นคือ

ประการแรก เป็นไปได้หรือไม่ที่คดีนี้มีโอกาสเข้าถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้ลงสัตยาบรรณเป็นภาคีโดยสมบูรณ์แบบของศาลโลก ตรงนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ นอกจากมีทางเดียวที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลไทยจะต้องประกาศยอมรับเขตอำนาจของศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ ถ้ามีไฟเขียวตรงนี้ก็เป็นอันเชื่อได้ว่านายอภิสิทธิ์คงต้องตกเป็นจำเลย 100% จะเบี่ยงเบนเป็นอะไรไปไม่ได้

ถ้าเกิดมีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้จริง นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ยังจะได้รับอานิสงค์จาก พ.ร.บ.นี้เช่นกัน คือ พ้นผิดจากกฎหมายไทย แต่การมีสัญชาติอังกฤษของนายอภิสิทธิ์ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพ้นไปจากการเป็นจำเลยของศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ และมีความเป็นไปได้ที่นายอภิสิทธิ์อาจใช้การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเงื่อนไขกดดันต่อรองแลกกับการไม่ให้รัฐบาลประกาศยอมรับเขตอำนาจของศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ!

นี้เป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจมาก ซึ่งเท่ากับเป็นการนำเอาชะตากรรมของการเมืองไทยเข้าสู่เกมต่อรองอย่างถึงพริกถึงขิง ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับนายอภิสิทธิ์ ว่าฝ่ายไหนที่จะกระทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอย่างจริงจัง!

เชื่อว่าถึงที่สุดแล้วนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์คงใช้ศักยภาพทุกอย่างในการต่อรองและการกดดัน ที่สำคัญคือเครือข่ายอุปถัมภ์พรรคประชาธิปัตย์จะกล้าเสี่ยงเพียงไรที่จะลงมาเล่นเกมเพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลประกาศการยอมรับเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะถ้าทำเช่นนั้นแม้จะมีบารมีมากล้นพ้นเพียงไร ก็เป็นเกมที่ใหญ่เกินไปที่จะเอาตัวเองเข้าไปติดบ่วง ซ้ำยังจะยิ่งจมปลักดำดิ่งตามนายอภิสิทธิ์ไปด้วย ลงท้ายแล้วเชื่อว่าเครือข่ายอุปถัมภ์คงจำใจต้องลอยแพเสียตัวขุนอย่างนายอภิสิทธิ์ไปอย่างสุดความสามารถจะช่วยอะไรได้?

เชื่อว่ารายการนี้เมื่อผ่านมาทางฝ่ายผู้ปฏิบัติคือ กองทัพบกไทย ได้มีการเตรียมพร้อมมีระบบป้องกันตัวที่ดีในแง่หลักฐานและเอกสารต่างๆ ผู้ปฏิบัติถือการทำตามคำสั่งที่มีลายลักษณ์อักษรปรากฏเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าจะเป็นอีกเงื่อนตายที่รัดคอนายอภิสิทธิ์ให้ตกอยู่ในฐานะลำบากเมื่อต้องเป็นจำเลยในศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ พูดง่ายๆ คือ ถ้าจำเป็นแล้วผู้นำกองทัพในอดีตและปัจจุบันก็สามารถลอยแพนายอภิสิทธิ์ได้เหมือนกัน เพราะเรื่องอะไรที่จะโง่ไปกอดคอตายกับนายอภิสิทธิ์

รายการนี้ปล่อยให้คนสั่งรับกรรมไปตามลำพัง ส่วนเรื่องของคนปฏิบัติหรือคนฆ่าคงต้องว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าองค์กรระดับนี้คงไม่มีมวยล้มแน่นอน น่าจะเป็นการดำเนินการที่ตรงไปตรงมา และลงท้ายมีความเป็นไปได้สูงที่เราจะรู้จักนายอภิสิทธิ์ในฐานะใหม่ นั่นคืออาชญากรสงคราม

งานนี้ถ้าศาลคดีอาญาระหว่างประเทศเข้าถึงและเอาผิดนายอภิสิทธิ์ได้ จะกลายเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับประเทศไทย อย่างน้อยที่สุดคงไม่มีผู้มีอำนาจคนใดในอนาคตที่คิดปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้ำประกันได้อย่างดีว่า โอกาสของประชาธิปไตยในประเทศไทยจะพัฒนาก้าวหน้าต่อไป รวมทั้งยังเป็นหมุดตอกลงบนยอดอกของผีดิบเผด็จการกลบหลุมฝังศพไปเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่จะมีบารมีมากล้นพ้นเพียงไรก็ตาม?

งานนี้ถ้าเป็นไปได้จริง จะทำให้กองทัพไทยเกิดความสำนึกอย่างใหม่ทางวาทกรรม ต้องหันมาทบทวนให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชน เลิกความคิดเก่าๆ ที่รับใช้วาทกรรมชนิดไม่ลืมหูลืมตา รวมทั้งอาจจะต้องนิยามความหมายของชาติเสียใหม่

ถ้าเป็นเช่นนี้คงจะมีรอยร้าวระหว่างบุคลากรในกองทัพกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่มีทางประสานกันได้ตลอดไป นั่นน่าจะหมายถึงเรื่องดีที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องได้รับบทเรียนที่เจ็บปวด และเลิกคิดเล่นกับอำนาจนอกเกม กลายเป็นบทจบและการสูญพันธุ์ของแมลงสาบได้ในยุคโลกาภิวัตน์นี้?

รหัสคดีนี้อาจจะเป็นผลทำให้พรรคประชาธิปัตย์อาจต้องยกป้ายลง หรือถูกจำหน่ายออกไปจากสารบบความทรงจำของการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยในสมัยหน้า

จากข้อมูลทั้งหมดที่ถอดรหัสมา ระบอบอำมาตย์ที่ครอบงำอำนาจในประเทศไทยมายาวนานเกือบ 100 ปีก็มีโอกาสที่จะถึงจุดอวสานตามนายอภิสิทธิ์ไปด้วย เป็นไปได้ที่ชาติบ้านเมืองไทยจะเข้าสู่ยุคที่เรียกว่าฟ้าสีทองผ่องอำพัน ประชาชนกลายเป็นเสียงชี้ขาดและประชาชนจะปฏิเสธผู้ที่อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

เครือข่ายอุปถัมภ์ที่เป็นหลุมดำเบื้องหลังนายอภิสิทธิ์ ถ้าไม่ต้องการเปลืองตัวตามนายอภิสิทธิ์ก็ต้องถึงเวลาตัดสินใจเลือกก้าวข้ามความกลัวที่เหลวไหลและไร้เหตุผล ยินยอมรับครรลองของระบบประชาธิปไตยและต้องตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยเท่านั้นเอง

ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงก็ถือเป็นความยุติธรรมที่ถูกคืนสู่สังคมไทย รวมทั้งบุคคลอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นนายอภิสิทธิ์และเครือข่ายคงจะดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย หากแต่เฮือกนี้อย่าประมาท จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะบางทีหมาจนตรอกหรือสัตว์อะไรก็ตามที่เข้าตาจนแล้วก็ย่อมน่ากลัวและกัดไม่เลือกเหมือนกัน

แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบทบาทของศาลคดีอาญาระหว่างประเทศก็คือ การคืนความยุติธรรมให้กับสังคมไทยและเป็นบทพิสูจน์ว่าพลังอำนาจโลกาภิวัตน์นั้นมีจริง ซึ่งนายอภิสิทธิ์คือหนึ่งในบทเรียนของผู้ขวางกั้นกงล้อทางประวัติศาสตร์ที่คิดและกระทำตัวสวนทางกับสัจธรรมของโลก

ถอดรหัสคดีนี้จึงเอวังด้วยประการฉะนี้ เป็นเรื่องของกรรมในยุคโลกาภิวัตน์ที่พร้อมบดขยี้ไม่เลือกหน้าสำหรับผู้ที่ไม่ยอมหมุนวงล้อไปตามกาลเวลา และบดขยี้ให้พร้อมสูญพันธุ์จมดิ่งภายใต้โลกโลกาภิวัตน์ ใครทำอะไรไว้เห็นทีต้องทำใจยอมรับชะตากรรมนั้น !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น