Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ม็อบลุยเฮือกสุดท้าย 'เทือก'แตกหักวันนี้!

จากไทยรัฐออนไลน์




แต่อุบแผนปฏิบัติการลับ ฉะ‘กรณ์’อย่าออกมาต้าน ‘ปู’ขอยุติ-พร้อมเปิดเจรจา

“ยิ่งลักษณ์” เรียกถกด่วน รมต.-ผบ.ตร. ประเมินม็อบโค่นล้มระบอบทักษิณ ออกทีวีพูลปัดข้อเสนอตั้งสภาประชาชน อ้างขัดรัฐธรรมนูญ ชงเปิดโต๊ะเจรจาด้วยตัวเอง วอร์รูมรัฐบาลขู่งัดยาแรง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯกำราบม็อบยึดสถานที่ราชการ ศอ.รส.ตั้งลำขอคืนพื้นที่ ก.คลัง ประสาน ตม.ปิดช่อง “เทือก” บินออกนอกประเทศ มท.1 มั่นใจคุมอยู่ศาลากลางจังหวัด มวลชนราชดำเนินยกพลบุกกลาโหมจี้ทหารยืนเคียงข้างประชาชน ด้าน กปท.ลุย สตช.เป่านกหวีด-ตัดไฟกดดันตำรวจ มือมืดยิงหัวนอตใส่รอง ผกก.สส.ภ.จ.นครพนม หน้าผากแตกเลือดอาบ “สุเทพ” ยึดศูนย์ราชการเปิดเวทีถาวร โวยึดศาลากลางค่อนประเทศ เมินเทียบเชิญ “ปู” เดินหน้าปฏิรูปประเทศ 29 พ.ย. ดีเดย์เฮือกสุดท้ายเคลื่อนมวลมหาชนคว่ำรัฐบาล นปช.นัดชุมนุมใหญ่ 30 พ.ย. กางปีกป้องประชาธิปไตย

กลุ่มผู้ชุมนุมโค่นล้มระบอบทักษิณ เดินหน้าเชิงสัญลักษณ์ปิดล้อมกระทรวงต่างๆ หน่วยงานของรัฐอย่างต่อเนื่องทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด บั่นทอนอำนาจรัฐให้อ่อนแอ แถมกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยตั้งสภาประชาชนให้ได้ จน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกโทรทัศน์ร่วมเฉพาะกิจ ส่งสัญญาณรัฐบาลมีอำนาจรัฐเต็มร้อย พร้อมย้ำเดินไปหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมเวทีประชาธิปไตย เพื่อเปิดฉากเจรจาหาทางออกให้ประเทศไทย

นายกฯเรียก รมต.–ตร.หารือด่วน

เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 28 พ.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ภายหลังที่ประชุมโหวตลงคะแนนไว้วางใจในเวลา 11.20 น. นายกฯเดินทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เรียกรัฐมนตรีประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.

ลั่นรัฐบาลกุมอำนาจเต็มร้อย

ต่อมาเวลา 13.55 น. ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า ตามที่มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยการประท้วงและเข้ายึดสถานที่ราชการบางแห่ง ปรากฏเป็นข่าวตามที่ทราบโดยทั่วกันนั้น ขอให้ความมั่นใจกับประชาชน รวมถึงเพื่อนมิตรต่างชาติที่เป็นห่วงเป็นใยในสถานการณ์ว่า รัฐบาลได้ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นเกิดความรุนแรง ประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตาย ดังเช่นเหตุการณ์ในอดีต การที่รัฐบาลใช้แนวทางสันติไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศ หรือไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยได้ ทุกวันนี้การบริหารราชการแผ่นดิน การบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ยังดำเนินการอยู่ แม้การให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนบางหน่วยงานที่อาจได้รับผลกระทบ และมีความไม่สะดวกบ้าง แต่รัฐบาลมีแผนรองรับที่จะให้บริการอย่างทั่วถึง

อ้อนม็อบยุติชุมนุม–คืนพื้นที่ยึด

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ต้องการเล่นเกมทางการเมือง เพราะเกมการเมืองจะทำให้ประเทศถดถอย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอ ข้อเรียกร้องของประชาชนทุกกลุ่มที่ชุมนุมที่ยังยึดสถานที่ราชการอยู่ แต่ข้อเรียกร้องจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ให้จัดตั้งสภาประชาชนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นจริงได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงขอยืนยันอีกครั้งว่ามีความตั้งใจอย่างแท้จริง ที่จะให้เกิดความร่วมมือในการหารือ เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ ขจัดความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันที่เรื้อรังต่อเนื่องยาวนาน และสร้างความเสียหายให้กับประเทศมามากพอแล้ว ดังนั้นขอเสนอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม คืนสถานที่ราชการเพื่อให้กลไกระบบราชการเดินหน้าต่อไปได้

พร้อมเปิดฉากเจรจาทุกรูปแบบ

นายกฯกล่าวว่า ในการเจรจาแกนนำผู้ชุมนุม รัฐบาลพร้อมทุกรูปแบบ จะให้ไปเจรจาเองก็ได้ เพราะอยากให้บ้านเมืองเกิดความสงบ เมื่อถามว่าหลังอภิปรายเสร็จสิ้นรู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ นายกฯตอบว่าก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อยากให้ทุกอย่างในบ้านเมืองสงบมากกว่า อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน พร้อมจะเปิดเวทีพูดคุย เพราะรัฐบาลไม่ต้องการการเผชิญหน้า แต่พร้อมที่จะร่วมมือหาแนวทางกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อวางกระบวนการแก้ไขปัญหาให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ช่วงเวลาต่อไปนี้ เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนทุกคนควรร่วมใจกันเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ด้วยการน้อมนำกระแสพระราชดำรัส รู้รัก สามัคคี เพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่ในหลวงที่เป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน

ขู่ฉีดยาแรงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมรัฐมนตรีและตำรวจเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุม นายกฯได้สั่งให้รัฐมนตรีทุกคนทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์ต่างๆต่อประชาชนและผู้ชุมนุม โดยให้สื่อสารประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจและให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวภายใต้ระบอบประชาธิปไตย หลังจากนี้รัฐบาลจะขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการยึดสถานที่ราชการ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยอาจจะประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรักษาพื้นที่หน่วยงานราชการ

“ประชา” ยันรัฐไม่สั่งสลายม็อบ

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวที่รัฐสภาถึงการชุมนุมตามศาลากลางจังหวัดว่า ศาลากลางจังหวัดที่ภาคใต้ยังเปิดบริการประชาชนตามปกติ ในภาพรวมทุกส่วนราช– การยังทำงานได้ปกติ ส่วนกรณีนายสุเทพนำมวลชนเดินทางไปยังหน่วยราชการต่างๆ ไม่ใช่การบุกยึด เป็นเพียงการแสดงสัญลักษณ์ ผู้ชุมนุมเดินไปยังสถานที่ต่างๆ เป็นสิทธิตามกฎหมาย แต่หากมีการล่วงละเมิดกฎหมายมากเกินไปคงต้องขอร้องกัน ยืนยันรัฐบาลจะไม่สลายการชุมนุมหรือใช้ความรุนแรง ส่วนที่นายสุเทพประกาศไม่พูดคุยกับรัฐบาล เชื่อว่ายังพูดคุยกันได้ ต้องถามนายสุเทพว่าจะเอาอะไรกันแน่ จะไปถึงจุดไหนขอให้คุยกันดีกว่า การประกาศว่าไม่สนใจการยุบสภา แต่ต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณ อย่าลืมว่ารัฐบาลมาตามระบอบประชาธิปไตย จะล้มล้างคงไม่ถูกต้อง

มท.1 มั่นใจเอาอยู่ม็อบ ตจว.

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวที่รัฐสภาว่า ได้สั่ง ผวจ.ว่าผู้ชุมนุมเป็นคนไทย จะมาศาลากลางเป็นร้อยเป็นพันคนก็มาได้ ให้คุยกันด้วยดี ส่วนสถานการณ์การชุมนุมในต่างจังหวัด ไม่มีการเข้าในพื้นที่ศาลากลาง 14 แห่ง ยกเว้น จ.สุราษฎร์ธานี แต่ได้เจรจาจนผู้ชุมนุมลงมาอยู่บริเวณสนามหน้าศาลากลาง ไม่มีคำว่ายึดศาลากลาง คาดสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ในที่สุด

ศอ.รส.ตั้งลำกระชับพื้นที่ ก.คลัง

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมพยายามขับเคลื่อนมวลชนกดดันรัฐบาลแบบดาวกระจายในหลายพื้นที่ แต่เป็นเพียงการเดินเพื่อเป็นสัญลักษณ์ เช่นเดียวกับกรณีการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดแต่ละจังหวัดในภาคใต้ ตำรวจได้วางกำลังเพื่อป้องกันการกระทบ กระทั่งของมวลชนที่มีความเห็นต่างกัน จึงเพิ่มสายตรวจและจุดตรวจเข้มแข็ง แสดงกำลังเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนที่ช่วงนี้เกิดเหตุความวุ่นวายบ่อยครั้ง เชื่อว่าหากตำรวจคุมสถานการณ์ตรงจุดนี้ได้ สถานการณ์น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนกรณีการขอคืนพื้นที่กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ได้จัดทีมประสานงานเตรียมเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อขอคืนพื้นที่ แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้าง และมวลชนเข้าไปเป็นจำนวนมากต้องค่อยๆดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เช่นเดียวกับการขอคืนพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน

ดับข่าวลือจับลูกชาย “สุเทพ”

เวลา 15.15 น. ที่ บช.น. ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น.1 แถลงสถานการณ์ชุมนุมระบุว่ากรณีมีกระแสข่าวตำรวจจะจับตัวลูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นตัวประกัน เพื่อให้นายสุเทพมอบตัวและยุติการชุมนุม จากการสอบถาม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ทราบว่าไม่เป็นความจริง คาดว่ามีการปล่อยข่าวจากฝั่งผู้ชุมนุม เพื่อเรียกให้มวลชนมาชุมนุมเพิ่มเติม ให้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ปกป้องนายสุเทพ นายสุเทพหนีความผิดไม่พ้น เพราะศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ขณะนี้การประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศป้องกันไม่ให้นายสุเทพ หลบหนีไปต่างประเทศ

“บิ๊กอู๋” กำชับพิเศษดูแลทำเนียบฯ

พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น.1 กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ได้กำชับให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะแนวตำรวจที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ให้ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อผู้ชุมนุมอย่าได้ตอบโต้ใดๆ และห้ามใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด แม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะกลั่นแกล้งก็ตาม แกนนำที่ดูแลการชุมนุมควรควบคุมดูแลการ์ด เพราะทุกคืนจะมีการตั้งวงดื่มสุรา พอเมาก็ออกมาทำร้ายตำรวจนำประทัดยักษ์ หนังสติ๊กมายิ่งใส่แนวตำรวจ ขอร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว

ยกพลบุก กห.จี้ทหารยืนข้าง ปชช.

ด้านการชุมนุมของกลุ่มโค่นระบอบทักษิณ ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อเวลา 11.30 น. น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ได้นำกลุ่ม ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปที่กระทรวงกลาโหม เพื่อเรียกร้องทหารออกมายืนเคียงข้างประชาชน มี พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ รองเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาพบกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อรับมอบดอกไม้และนกหวีด พร้อมกล่าวกับ น.ส.จิตภัสร์ ว่ากระทรวงกลาโหมไม่สามารถหยุดปฏิบัติงานได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานความมั่นคง ต้องดูแลความปลอดภัยของบ้านเมือง ขอให้เข้าใจเรา ทหารมีความห่วงใยอยากให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ ปลอดภัยทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ขอยืนยันว่าทหารจะยืนเคียงข้างประชาชนและดูแลประชาชนทุกฝ่าย

ขณะที่ น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า ขอฝากดอกไม้และนกหวีดไปให้ปลัดกระทรวงกลาโหม และอยากให้ พ.อ.คงชีพเป่านกหวีด เพื่อเป็นสัญญาณของคนรักชาติเหมือนกัน แต่ พ.อ.คงชีพปฏิเสธที่จะเป่านกหวีดขอเพียงรับดอกไม้และนกหวีดแทน

รมว.กลาโหมกำชับห้ามใช้กำลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมได้แยกย้ายกลับ ภายในกระทรวงกลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ได้มาตรวจความเรียบร้อย พร้อมกล่าวขอบคุณกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความเรียบร้อยว่า “เมื่อเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้แสดงความห่วงใย ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบนโยบายให้ผมไปกำชับกำลังพลว่าจะต้องไม่มีความรุนแรงใดๆ เพราะประชาชนที่มาชุมนุมล้วนเป็นพี่น้องร่วมชาติกับเราทั้งนั้น ผมเชื่อว่าประชาชนมีความรู้สึกที่ดี มีความเข้าใจทหารและตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากระทรวงกลาโหมได้ซักซ้อมการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ ทั้งการเจรจา การใช้รถฉีดน้ำควบคุมฝูงชนพร้อมมีคำสั่งให้ทหารงดพกอาวุธทุกประเภท รวมถึงปืนประจำกายของกองรักษาการณ์หน้ากระทรวง เข้ามาไว้ด้านใน พร้อมปิดประตูห้ามบุคคลภายในและภายนอกเข้าออก โดยได้นำรั้วลวดหนามมาวางทางเข้า-ออกทุกประตู

ขรก.ศธ.ปีนรั้วร่วมชุมนุม

ขณะที่เวลา 11.00 น. นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำผู้ชุมนุมโค่นล้มระบอบทักษิณ นำมวลชนพร้อมรถหกล้อติดเครื่องขยายเสียง ตั้งแถวเดินจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เส้นทางถนนประชาธิปไตย ผ่านแยกประชาเกษมมุ่งหน้าจะไปกระทรวงศึกษาธิการ แต่ขบวนต้องหยุดขบวนที่แยกวังแดง ถนนนครราชสีมามีแนวแบริเออร์และลวดหนามกั้นอยู่ จึงหันหัวรถกลับไปปักหลักชุมนุมด้านหน้าอาคารหอประชุมคุรุสภา ที่ด้านในถูกปิดประตูทุกด้าน และตำรวจนำรถควบคุมผู้ต้องหา มาจอดขวางประตูอีกชั้น โดยแต่ละตึกให้เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาฯ ลงมาอยู่พื้นที่ด้านล่างทั้งหมด ห้ามออกไปภายนอกในวันทำงาน แต่ข้าราชการบางส่วนก็ยังแอบปีนรั้วหนีออกมาด้านหัวมุมสะพานวิศสุกรรมนฤมาณ เพื่อกลับบ้าน และบางส่วนเข้าไปร่วมชุมนุมด้วย นายอิสสระ สมชัย กล่าวปราศรัยขอให้ตำรวจ ผู้บริหารกระทรวงฯเปิดประตูให้ข้าราชกลับบ้าน พร้อมขอเชิญชวนข้าราชการเข้าร่วมชุมนุม ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ยุคปฏิรูปการเมือง เพื่อไม่ให้บ้านเมืองตกอยู่ในมือตระกูลชินวัตรตระกูลเดียว จากนั้นนำนกหวีดมอบให้ตัวแทนข้าราชการแล้วเดินทางกลับที่ตั้ง

“เทือก” คุมทัพพักแรมศูนย์ราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมโค่นระบอบทักษิณ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ ตลอดคืนวันที่ 27 พ.ย. ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมหนาตากระจายอยู่รอบด้านหน้าอาคารบี บางส่วนไปอาศัยนอนพักที่ลานชั้น 1 ขณะที่บางส่วนกางเต็นท์สำเร็จรูปและปูผ้านอน โดยมีผู้บริจาคที่นอนปิกนิกหลายร้อยชุดให้ใช้ปูรองนอน โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่นายสุเทพ นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำผู้ชุมนุม ใช้พื้นที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินเป็นที่หารือและปักหลักพักค้างแรม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของการ์ดหลายสิบคน

ตั้งเวทีปราศรัยถาวรปักหลักยาว

ในช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ย. บรรยากาศกลุ่มผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา มีกิจกรรมบนเวทีรายงานสถานการณ์ข่าวสารการเมือง ส่วนแกนนำได้หารือถึงการเคลื่อนไหวตามปกติ ขณะที่ยังมีข้าราชการของหน่วยงานในศูนย์ราชการอาคารบี เดินทางมาทำงานตามปกติ เช่น สำนึกงาน กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ต่อมาในบ่ายบรรยากาศเริ่มคึกคัก มีแกนนำสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน  บริเวณถนนหน้าอาคารดังกล่าวได้จัดตั้งเวทีถาวรขนาดใหญ่ สูง 1.6 เมตร กว้าง 14 เมตร และนำโรงครัวของภาคและจังหวัดต่างๆมาตั้งไว้บริการ เพื่อรองรับผู้ชุมนุมที่เข้ามาสมทบเพิ่มเติมด้วย

โวยึดศาลากลางค่อนประเทศ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีประชาชนลุกขึ้นมาเป็นแนวร่วมจำนวนมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัดรวมตัวที่ศาลากลางกว่าค่อนประเทศแล้ว เพราะหากปล่อยให้ระบอบทักษิณอยู่ต่อไปจะทำให้ประเทศเสียหาย แม้นายกฯจะยุบสภาหรือลาออกก็ไม่ใช่ทางออกของปัญหา หากมีการเลือกตั้งก็ยังมีการทุจริต ได้รับเลือกกลับเข้ามาอีก ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้จัดตั้งสภาประชาชน อาจต้องแก้ไขกฎหมายบางมาตรา เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากระบอบทักษิณเป็นเผด็จการ การได้เสียงข้างมากจากการเลือกตั้งซื้อเสียงและเข้ามาทำร้ายประเทศ ทำให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการต่อสู้จะชนะหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชน

ไม่รับข้อเสนอนายกฯปู

นายเอกนัฎ พร้อมพันธ์ โฆษกกลุ่มผู้ชุมนุมโค้นล้มระบอบทักษิณ แถลงว่า  กรณีนายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ยุติการชุมนุม เป็นเพียงมารยาหลอกให้ตายใจ และขุดหลุมให้นำไปสู่การเจรจาที่ไม่มีข้อยุติ เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง ยืนยันว่ากลุ่มฯจะไม่เจรจากับรัฐบาล เพราะข้อเสนอของรัฐบาลไม่มีความจริงใจ ส่วนกระแสข่าวจะรื้อเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ยืนยันว่าขณะนี้แกนนำมีมติไม่ยุบเวทีดังกล่าว

ตรึง 3 เวทีสู้จนปิดฉากรัฐบาล

ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่าได้หารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุม โดยยืนยันจะไม่ยุบเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่จะมีเวทีหลัก 3 เวทีคือ 1. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นเวทีสะสมมวลชนและเป็นโรงอาหารใหญ่ 2. เวทีกระทรวงการคลัง เป็นส่วนหน้าสำหรับรักษาระบบการเงินประเทศ และ 3. เวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ยืนยันทุกเวทีจะเดินหน้าต่อไปถึงวันที่ 30 พ.ย. ถ้ารัฐบาลจบเราก็จบ แต่ถ้าไม่จบ ต้องขอมติมวลชนว่าจะเดินหน้าไปต่อหรือไม่

คปท.งดเคลื่อนขบวนชั่วคราว

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บริเวณแยกนางเลิ้ง ถนนพิษณุโลก ช่วงเช้าคณะแกนนำ คปท.งดการเคลื่อนไหวเดินขบวนตามที่กำหนดไว้ว่าจะมีการเดินขบวนครั้งใหญ่ในวันที่ 28 พ.ย.ชั่วคราว หลังจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา แจ้งระงับการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้แนวร่วมพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ให้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมแกนนำหรือสลายการชุมนุมของกลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ดาวกระจายไปทั่วเมือง ขณะที่นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย คปท. กล่าวว่า จะมีการวางกำลังทุกทางเข้า-ออก และสอดส่องเคร่งครัด เพื่อเฝ้าระวังมือที่สามสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน โดยเร่งนำทรายบรรจุกระสอบไปกองไว้ริมเกาะกลางถนน ห่างจากแนวแท่งแบ–ริเออร์ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ประมาณ 200 เมตร เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันพื้นที่

ไม่เจรจาจนกว่า รบ.หยุดบริหาร

ต่อมาเวลา 15.15 น. นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. และนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท.แถลงข่าวภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯแถลงเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลทุกกลุ่มยุติการเคลื่อนไหว แล้วมาตั้งโต๊ะเจรจาว่า คปท.จะไม่ยุติชุมนุม และจะไม่มีการเจรจากับนายกฯ จนกว่ารัฐบาลจะยุติการบริหารประเทศ การแสดงความ จงรักภักดี คปท.จะช่วยกำจัดคนไม่ดีให้พ้นออกไปจากบ้านเมือง ในวันที่ 29 พ.ย. คปท.พร้อมเคลื่อนขบวนชุมนุมใหญ่ แต่ยังไม่ขอบอกสถานที่ ยืนยันว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ว่ากลุ่มใดถูกสลายผู้ชุมนุม คปท.พร้อมต่อสู้และจะเข้าสู่พื้นที่ทำเนียบรัฐบาลแน่นอน

ยื่นหนังสืออย่าทำร้ายมวลชน

กระทั่งช่วงค่ำภายใน สตช.ยังคงมืดมิดไม่มีไฟฟ้าใช้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ต้องกำชับให้ตำรวจรักษาความปลอดภัยดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังส่งเสียงโห่ร้องกดดัน ก่อนที่ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ เข้ายื่นหนังสือผ่านตัวแทน ผบ.ตร. เรียกร้องให้ตำรวจอยู่เคียงข้างประชาชน อย่าทำร้ายประชาชน ทำให้บรรยากาศคลี่คลายลง

กปท.บุกเป่านกหวีดหน้า สตช.

เมื่อเวลา 12.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุม กปท. นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายทศพล แก้วทิมา นำกลุ่มชุมนุมเดินทางไปหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน บรรยากาศในช่วงแรกเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ชุมนุมถ้อยทีถ้อยอาศัยกับตำรวจ มีการเป่านกหวีด ส่งเสียงโห่ร้อง ปรบมือแสดงความดีใจเป็นระยะ เมื่อเวลาผ่านไปบรรยากาศเริ่มเข้าสู่ความตึงเครียด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ต้องลงมาสังเกตการณ์ สั่งให้ดูแลความปลอดภัยภายใน สตช. ขณะที่นายทศพลยืนยันว่า การเดินทางมาเพื่อต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องให้ตำรวจร่วมมือกับประชาชน จะไม่มีการปีนรั้ว บุกรุกเข้าไปภายใน สตช.ขอชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา

ตัดไฟสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ต่อมาช่วงบ่ายสถานการณ์ทวีความเข้มข้นขึ้นเมื่อผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเอาผ้าคาดใบหน้า ใช้คีมตัดเหล็กตัดกระแสไฟฟ้าใน สตช. 3 จุด คือบริเวณด้านหน้าถนนพระราม 1 บริเวณหัวมุมตึกกองพิสูจน์หลักฐาน และด้านหน้าอาคารนิติเวชวิทยา ถนนอังรีดูนังต์ ส่งผลให้ไฟฟ้าใน สตช.ดับสนิท แต่ไม่คาบเกี่ยวกระทบถึงโรงพยาบาลตำรวจ ที่มีคนไข้นอนรักษาตัวอยู่ 414 คน เป็นผู้ป่วยหนักห้องไอซียูถึง 48 คน แต่ทำเอาญาติ และผู้ป่วยหลายคนตื่นตระหนก พยายามประสานขอย้ายโรงพยาบาลกันโกลาหล กระทั่ง พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจออกมายืนยันว่า โรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้และมีมาตรการเตรียม พร้อมอยู่แล้ว

ยิงหัวนอตใส่ ตร.หัวแตกเลือดอาบ

ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมบางคนเริ่มปฏิบัติการยั่วยุตำรวจ โดยใช้หนังสติ๊กยิงหัวนอตใส่ตำรวจควบคุมฝูงชน ที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณอาคารสำนักงานเลขานุการ ตร. ติดกับรั้ว รพ.ตำรวจ ส่งผลให้ พ.ต.ท.มานะ ธัญญะวานิช รอง ผกก.สส.ภ.จ.นครพนม หัวหน้าชุดควบคุมฝูงชน ที่รับผิดชอบพื้นที่ถูกหัวนอตเข้ากลางหน้าผากแตกเลือดอาบ ก่อนนำส่งโรงพยาบาล แต่เหตุการณ์ไม่ได้ลุกลามบานปลาย เมื่อตำรวจได้รับคำสั่งให้อดทนอดกลั้นอย่าตอบโต้ ทั้งนี้ ผบ.ตร.ประกาศยืนยันจะไม่ให้ผู้ชุมนุมปักหลักพักแรมที่นี่ จะไม่ยอมให้ สตช.ถูกยึดแน่นอน ถ้ามีการบุกเข้ามาตัดน้ำตัดไฟ จะดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ศาลยกคำร้อง “สนธิ” วืดขึ้นเวที

เมื่อเวลา 10.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ที่เคยถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้ายยึดสนามบิน บุกทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัว ได้ยืนคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอลดจำนวนหลักประกันปล่อยชั่วคราว ขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ต้องขออนุญาตในแต่ละครั้ง ไม่ต้องวางหลักประกันเพิ่ม และขออนุญาตขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อชี้นำทางความคิดให้มีการปฏิรูปการเมืองก้าวให้พ้นระบอบทักษิณ ศาลเห็นว่าคำร้องของนายสนธิไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ศาลเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวตามคำสั่งเดิม ส่วนคำร้องขอขึ้นเวทีปราศรัยเห็นว่าหากนายสนธิขึ้นเวทีแล้ว ไปกระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายใดๆ  กระทบต่อความเสียหายความสงบเรียบร้อย หรือกระทำการใด เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน อันอาจเป็นการผิดเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราว ศาลจะสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายสนธิทันที ในชั้นนี้ให้ยกคำร้อง

ชี้กองทัพมีอำนาจต่อรองเพิ่ม

นายสนธิให้สัมภาษณ์ภายหลังรับทราบคำสั่งศาลอาญาว่า  วันนี้แม้ว่าจะแพ้หรือชนะก็คงไม่สำคัญแล้ว เพราะสถานการณ์ในการชุมนุมของกลุ่มต่างๆที่ต่อต้านรัฐบาล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภารกิจของนายสุเทพถือว่าสำเร็จที่สามารถระดมมวลชนได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากนี้เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง พรรคเพื่อไทยจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำลง เนื่องจากไม่สนับสนุนนายสุเทพเปรียบเสมือนกึ่งลอยแพ สื่อและภาคประชาชนเริ่มตื่นตัว มีการจับตามองเรื่องการเมืองขึ้น ส่วนอำนาจต่อรองจะตกอยู่ที่กองทัพมากขึ้น ทางกองทัพควรออกมาแสดงบทบาทหากรัฐบาลทำไม่ถูกต้อง

ม็อบต้าน–ม็อบหนุนรัฐบาลขึ้นพรึบ

ด้านความเคลื่อนไหวผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในหลายพื้นที่บุกยึดศาลากลางจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ข้าราชการหยุดงาน เมื่อเวลา 08.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักชุมนุมประท้วงที่สนามหน้าศาลากลางหลังเก่า จ.นครศรีธรรมราช มีข้าราชการหยุดทำงาน และแกนนำ ผู้ชุมนุมนำป้ายผ้าไวนิลขนาดใหญ่พื้นสีม่วง ตัวหนังสือสีเหลือง มีข้อความว่า “ศาลาประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราช” มาปิดทับป้าย “ศาลากลางจังหวัดนครศรี– ธรรมราช” สร้างความสนใจให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา

ขณะที่ ศอ.บต.จ.ยะลา กลุ่มเครือข่ายผู้นำศาสนา และประชาชนผู้รักสันติ รักประชาธิปไตยใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดยนายมะหะมะ วาแมดีซา ที่ปรึกษานายก อบจ.ยะลา เข้ายื่นแถลงการณ์ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.ผ่านไปยังนายกฯ เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนรัฐบาล พร้อมมอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้กับนายกฯและรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศชาติต่อไป

สงขลาเปิดให้บริการ ปชช.ปกติ

ส่วนที่ศาลากลาง จ.สงขลา ส่วนราชการต่างๆ ยังเปิดให้บริการประชาชนตามปกติ ไม่มีการหยุดงานหรือปิดศาลากลางแต่อย่างใด โดยผู้ชุมนุมยังปักหลักชุมนุมภายในศาลากลางอย่างสงบ ขณะที่สถาบันการศึกษาในพื้นที่ประกาศหยุดการเรียนการสอน 2 วัน รวม 15 แห่ง ส่วนที่หน้าศาลากลาง จ.สตูล ผู้ชุมนุมเข้ายึดพื้นที่กางเต็นท์ตั้งเวทีเปิดปราศรัย ขณะที่หน่วยงานราชการต่างๆที่ปฏิบัติหน้าที่บนศาลากลาง เจ้าหน้าที่ยังหยุดงานไปถึงวันที่ 29 พ.ย. ส่วนที่ศาลากลาง จ.ตรัง เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ข้าราชการหยุดงาน แต่มีเวทีผู้ชุมนุมหน้าศาลากลาง ขณะที่ศาลากลาง จ.ภูเก็ต มี อส.และฝ่ายปกครองคอยดูแลความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเงียบเหงาเช่นกัน ขณะผู้ชุมนุมไม่เข้ามายึดพื้นที่ภายในศาลากลางแต่อย่างใด ด้านศาลากลาง จ.พังงา ประกาศปิดหลังจากผู้ชุมนุมตั้งเวทีปราศรัยกดดัน ที่ศาลากลางจ.ชุมพร ผู้ชุมนุมมารวมตัวกันใช้เป็นสถานที่กดดันให้หน่วยงานราชการหยุดงานเป็นวันที่ 2 มีนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาเข้าร่วมชุมนุม ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 จำนวน 22 โรงสั่งปิดเรียน

ผู้ชุมนุม 2 ฝ่ายหวิดปะทะที่เลย

ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา ผู้ชุมนุมนำดอกไม้และนกหวีดมามอบให้พ.อ.ทนงศักดิ์ กิตติศันท์ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ก่อนเดินทางต่อไปที่สำนักงานอัยการ มอบดอกกุหลาบให้แล้วเดินทางต่อไปที่หน้าอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลาง จ.นครราชสีมา นำดอกกุหลาบและนกหวีดมามอบให้นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา ก่อนเดินทางกลับมาล็อกประตูทางเข้าศาลากลาง ทำให้ข้าราชการต่างๆ ตกใจรีบเดินทางออกจากที่ทำงานบริเวณด้านข้างศาลากลาง ท่ามกลางเสียงนกหวีดที่ผู้ชุมนุมมาเป่าดังสนั่น

ส่วนที่หน้าศาลากลาง จ.เลย ผู้ชุมนุมเดินขบวนมาที่ประตูทางเข้าศาลากลาง แต่ถูกตำรวจและ อส.ตั้งแผงกั้นปิดทางเข้า-ออกไว้ไม่ยอมให้เข้าไป จนเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเกิดการกระทบทั้งดันแผงกั้นเหล็กไปมาแต่ไม่สามารถผ่านไปได้ พร้อมประกาศให้นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.เลย ออกมารับช่อดอกไม้แต่ได้ส่งรอง ผวจ.ลงมารับแทนทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ จึงประกาศว่าใครพบ ผวจ.ที่ไหนให้เป่านกหวีดใส่ที่นั้น พร้อมกับใช้เท้าเหยียบดอกไม้เพื่อระบายอารมณ์ ก่อนสลายตัวกลับไป

แดงเชียงใหม่ป้องศาลากลาง

ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.เชียงใหม่ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กลุ่ม นปช.เชียงใหม่ ระดมคนเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆ มาชุมนุมกันและประกาศให้คนเสื้อแดงออกมาช่วยกันปกป้องศาลากลาง หลังมีข่าวว่ากลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะนัดรวมตัวมายึดศาลากลาง คนเสื้อแดงยอมไม่ได้เพราะเป็นบ้านเกิดของนายกรัฐมนตรี หากกลุ่มดังกล่าวเข้ามาจะนำถุงปลาร้าปาใส่ ด้านนายภานุพงศ์ วีระตันยาภรณ์ แกนนำกลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเชียงใหม่ กล่าวว่า จะไม่ยึดสถานที่ราชการแน่นอน ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ ผู้ชุมนุมเดินขบวนไปยังศาลากลาง จ.นครสวรรค์ ขอพบนายชัยโรจน์  มีแดง ผวจ.นครสวรรค์ โดยนำนกหวีดและดอกไม้มามอบให้และร่วมเป่านกหวีด 3 ครั้ง ก่อนแยกย้ายกลับ

หนุน–ต้านหวุดหวิดฟาดปาก

ต่อมาที่ประตูทางเข้าศูนย์ราชการ จ.เพชรบูรณ์ กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายเสรีชนนำดอกไม้และนกหวีดมามอบให้กับนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.เพชรบูรณ์ และเตรียมเดินทางกลับ แต่นายสิทธิชัย ต๊ะอาจ แกนนำ นปช.51 นำมวลชนพร้อมเครื่องเสียงมาด่าทอทำให้เกิดปากเสียงจนหวิดปะทะกัน ทำให้ตำรวจต้องรีบเข้าห้ามปรามจนเหตุการณ์คลี่คลาย ส่วนที่ จ.พิษณุโลก กลุ่มแพทย์ พยาบาล นิสิต นักศึกษา เดินทางมาร่วมชุมนุมที่ศาลากลางต่อมานายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.พิษณุโลก ลงมารับหนังสือ ผู้ชุมนุมส่งนกหวีดให้เป่า แต่ถูกปฏิเสธ ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจเป่านกหวีดไล่

แดงสุพรรณห้ามปิดจวน ผวจ.

ที่ศูนย์ราชการ จ.สุพรรณบุรี พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ ประธาน นปช.สุพรรณบุรี นำมวลชนคนเสื้อแดงรวมตัวเปิดเวทีปราศรัยอยู่นอกรั้วของศาลากลาง พร้อมประกาศห้ามไม่ให้ใครมาปิดล้อมสถานที่ราชการและบังคับให้ข้าราชการหยุดงานเด็ดขาด สนับสนุนรัฐบาลทำงานต่อไป ที่ศาลากลาง จ.ตราด ผู้ชุมนุมนำดอกไม้นกหวีดมามอบให้ ผวจ.ตราด แล้วสลายตัวไป ที่ศาลากลาง จ.อุทัยธานี กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาขอให้นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผวจ.อุทัยธานี แสดงอารยะขัดขืนอนุญาตให้ข้าราชการหยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลา พร้อมเป่านกหวีด นายวันชัยยอมทำตามข้อเรียกร้องโดยมีข้อแม้ว่า จะให้ข้าราชการที่มีหน้าที่ดูแลระบบสารสนเทศและบริการประชาชนอยู่ปฏิบัติงานได้  ส่วนที่ศาลากลาง จ.สมุทรสงคราม กลุ่มผู้ชุมนุมนำดอกไม้มามอบให้นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผวจ.สมุทรสงคราม พร้อมกับนกหวีดและสั่งให้หน่วยงานราชการหยุดงาน

แดงปทุมตีกันกลุ่มไล่รัฐบาล

ด้านหน้าศาลากลาง จ.ปทุมธานี กลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานี นำดอกกุหลาบแดงมามอบให้กำลังใจนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผวจ.ปทุมธานี พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี และข้าราชการเพื่อเป็นกำลังใจ ขณะตำรวจมาคอยดูแลความสงบทั้งภายในและภายนอกศาลากลางจังหวัด ต่อมานายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานี พร้อมพวกประกาศ ห้ามปิดศาลากลาง ต่อมากลุ่มต่อต้านเดินทางมาตามถนนปทุมธานี-นนทบุรี ถือธงชาติโบกสะบัดและเป่านกหวีด ทำให้ตำรวจต้องรีบวางกำลังสกัดกั้นไม่ให้เผชิญหน้ากัน

นปช.ตั้งป้อมปกป้องรัฐบาล

เคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ที่ยังคงปักหลักชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อแสดงพลังปกป้องรัฐบาลต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 5 เมื่อเวลา 10.00 น. แกนนำ นปช.ขึ้นเวทีแถลงท่าทีต่อสถานการณ์การเมืองกำลังเขม็งเกลียวขึ้น โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า ขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น ผบ.สูงสุดของม็อบที่ยึดสถานที่ราชการ อ้างจะโค่นระบอบทักษิณ แต่ความจริงกลับทำให้ประเทศไทยไม่สามารถเดินหน้าได้ หวังสถาปนาการปกครองแบบใหม่ ข้อเสนอของนายสุเทพเป็นแค่ข้อเสนอลมๆแล้งๆ จะนำประเทศไปสู่หายนะครั้งยิ่งใหญ่ โอกาสจะกู้คืนกลับมาได้ยาก ขอความร่วมมือประชาชนที่มีสติ ยกเลิกไปร่วมทำร้ายประเทศไทย การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะประชาชนไม่นิยม จึงต้องโค่นล้มระบอบประชาธิปไตย โดยทำให้สังคมไทยเป็นรัฐที่ล้มเหลว เกิดการตั้งรัฐบาลในนามผู้ที่ก่อความไม่สงบ

“ตู่” ฮึ่มกองทัพห้ามเล่นนอกกติกา

นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ทางออกทางเดียวที่คนกลุ่มนี้ คือการตีไพ่เปิดประตูให้เกิดรัฐประหารโดยทหารหรือองค์กรอิสระ เหมือนที่กลุ่มพันธมิตรฯเคยทำ รัฐบาลไม่ใช้กำลัง ศอ.รส.จับกุมนายสุเทพ และผู้ชุมนุม ใช้การเมืองนำการใช้กำลัง เป็นแนวทางที่ถูกต้อง นปช.วิงวอนคนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยให้ใช้ความอดทนอดกลั้น ถ้าใช้ความสะใจจะพ่ายแพ้ เชื่อนายสุเทพจะขยายการชุมนุมไปจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. ตรงกับวันที่อัยการส่งฟ้องศาลข้อหาฆ่าคนตาย แต่ถ้าไม่ไปพบศาลในวันดังกล่าวจะถูกหมายจับคดีฆ่าคนตายทันทีอย่างไร ก็ตาม การสู้กับคนชั่วเราไม่ต้องชั่วเหมือนเขา แต่รัฐบาลและ ศอ.รส.ควรเอาข้อเท็จจริงออกมาให้ประชาชนเห็น ควรทำความจริงให้ปรากฏ เรามีหน้าที่ทำให้สถานการณ์นี้เดินไปถึง 12 ธ.ค. เพื่อลากนายสุเทพสู่ศาล ส่วนในวันที่ 30 พ.ย. คนเสื้อแดงที่ร้างเวทีจะกลับมาเข้าฝักอีกครั้ง กองทัพไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะถ้ากระทำการ จะเสียประชาชน เมื่อประชาชนลุกขึ้นมาสู้ กองทัพมีกำลังเท่าไรไม่สามารถฆ่าคนในชาติได้หมด

“ธิดา” ย้ำชุมนุมใหญ่ 30 พ.ย.

ต่อมาในช่วงค่ำ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. ขึ้นปราศรัยอีกรอบ ว่าตอนนี้มีการปล่อยข่าวว่าแกนนำ นปช.ยกเลิกชุมนุมใหญ่ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แกนนำยืนยันว่าไม่มีการยกเลิกชุมนุม  ยังนัดชุมนุมใหญ่ตามนัดวันเดิม เพื่อแสดงพลังของฝ่ายประชา– ธิปไตยต่อต้านอำนาจระบอบอำมาตย์ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยว่า ข้อเรียกร้องของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้มีสภาประชาชน เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ ทางออกที่ง่ายที่สุดให้นายสุเทพไปผูกคอตาย หรือฆ่าตัวตายจะง่ายกว่า แม้แต่นายกรัฐมนตรีต้องการเจรจาด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงเกิดเหตุปะทะ นายสุเทพก็ไม่ยอมเจรจา เนื่องจากต้องการให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง หากเป็นเช่นนั้นก็ให้ยึดสถานที่ราชการต่อไป สุดท้ายนายสุเทพจะตายซากเอง

สื่อต่างชาติเกาะติดการเมืองร้อน

สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ บีบีซีและซีเอ็นเอ็น รายงานเกาะติดสถานการณ์เหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่ากลุ่มผู้ประท้วงยังคงเดินขบวนไปชุมนุมตามสถานที่ราชการต่างๆทั้งใน กทม.และที่ศาลากลางในหลายจังหวัด ที่ส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของพรรคพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกดดันรัฐบาล ขณะที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องกลุ่มผู้ประท้วงยุติการชุมนุมและหันมาเจรจากัน ท่ามกลางความวิตกของนานาชาติ หวั่นลุกลามเป็นเหตุรุนแรง ล่าสุด นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาแสดงความเป็นห่วงด้วยเช่นกัน

เปิดแผนขจัดระบอบทักษิณ 29 พ.ย.

ต่อมาเวลา 21.15 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า เป้าหมายแนวทางที่ต้องการเปลี่ยนแปลงในการปฏิรูปประเทศไทยให้สมบูรณ์เสียที จะเกิดได้ต้องขจัดระบอบทักษิณหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยเสียก่อน การปฏิบัติการคราวนี้ ในการขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่น– ดินไทย ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาร่วมให้มากันมากกว่า 1 ล้านคน 2 ล้านหรือ 3 ล้านคน ร่วมแรงร่วมใจที่ยิ่งใหญ่ให้ออกมาให้ปฏิบัติการให้สำเร็จ หากประชาชนไม่ออกมาการปฏิบัติการครั้งนี้ก็จะล้มเหลว หลวงปู่และตนต้องติดคุกแน่นอน ผมจะได้ไปเรียนกรรมฐานในห้องขัง การเคลื่อนครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พระคุณเจ้าเดินนำหน้าขบวน ดังนั้นเรื่องนี้ต้องจบให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้นายกฯไปทำอะไรบาดตาบาดใจอีกต่อไป แผนปฏิบัติการที่ว่านั้นจะเก็บไว้คืนวันที่ 29 พ.ย. พูดเสร็จอาจจะปฏิบัติการเลยทันที พี่น้องต้องเตรียมรองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ เป้ย่ามเอามาด้วยใส่ผ้าขนหนู ขวดน้ำ ข้าวห่อด้วย คราวนี้ถ้าแพ้ก็ไม่คิดจะซัดทอดใคร

เป่านกหวีดปลุกประชาชนลุกฮือยึด

นายสุเทพกล่าวอีกว่า  ส่วนกรณี  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกมาแถลงรัฐบาลจะปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมโดยไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งที่นายกฯสั่งตำรวจใช้อาวุธทุกอย่างให้สลายผู้ชุมนุมที่กระทรวงการคลังให้ได้เมื่อคืนวันที่ 27 พ.ย. ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่นายกฯพูดปากกับใจไม่ตรงกัน ส่วนที่นายกฯบอกยังมีอำนาจบริหารประเทศอยู่ ขอให้ปากแข็งไปเถอะ วันที่ 29 พ.ย.พี่น้องลุกฮือขึ้นทุกวัน  ส่วนที่นายกฯบอกว่าจะเจรจาด้วย ขอบอกว่าไม่ต้องส่งใครมาคุย ไม่ต้องมาคุยด้วย ส่วนที่นายกฯระบุว่าการตั้งสภาประชาชนไม่มีรัฐธรรมนูญรองรับ ตอนนี้ไม่มี แต่จะมีในเร็วๆนี้

ถล่ม “กรณ์” ยับแส่วิจารณ์ม็อบ

นายสุเทพกล่าวว่า ส่วนกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่ผู้ชุมนุมยึดกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ไม่สบายใจถึงกลยุทธ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม และบอกต้องรักษากฎเกณฑ์การชุมนุม เรื่องนี้นายกรณ์มีสิทธิ์ไม่เห็นด้วย แต่ผู้ชุมนุมมีสิทธิ์ดำเนินการใดที่จำเป็นให้เกิดความสำเร็จในการต่อสู้ระบอบทักษิณ ผู้ชุมนุม แกนนำทุกคนไม่เคยติดหนี้นายกรณ์แต่ประการใด และเราได้ลาออกจาก ส.ส.ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ มุ่งหน้าเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่สนใจผลประโยชน์ของพรรคการเมืองอีกต่อไป แกนนำทั้ง 9 คนจะไม่ทำตามคำสั่งใครนอกจากคำสั่งของมวลมติมหาชนที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่เท่านั้น ขอเตือนนายกรณ์ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ปฏิบัติการเสร็จไม่ต้องออกมาพูดอะไรอีก ไม่เช่นนั้นจะลำบากมากที่สุดในชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น