หน้า 3 มติชนรายวัน ฉบับวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2556
แม้อนุศาสน์ของท่านซุนวู อัน บุญศักดิ์ แสงระวี แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยจะระบุว่า
รบได้ให้แสดงรบไม่ได้ จะรุกให้แสดงไม่รุก ใกล้ให้แสดงไกล ไกลให้แสดงใกล้ ให้ล่อด้วยประโยชน์
ให้ชิงเมื่อระส่ำระสาย
ข้าศึกแน่นให้เตรียมรับ ข้าศึกแข็งให้หลีกเลี่ยง ข้าศึกโกรธง่ายให้ก่อกวน ข้าศึกยโสให้เหิมเกริม ข้าศึกสบายให้เหนื่อยล้า ข้าศึกกลมเกลียวให้แยกสลาย ให้จู่โจมเมื่อไม่ระวัง ให้รุกรบเมื่อไม่คาดคิด
ทั้งหมดรวมศูนย์เพื่ออธิบาย อันสงครามนั้น คือ การใช้เล่ห์เพทุบาย
การศึกระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันมีการเป่านกหวีด ณ เวทีบรรจบถนนเศรษฐศิริกับถนนกำแพงเพชร ริมเส้นทารถไฟสามเสน โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงดำเนินไปอย่างชนิด
"เทหมดหน้าตัก ไม่ชนะ ไม่เลิก"
กระนั้น ที่เห็นบน "หน้าตัก" ก็มิใช่ว่าจะเป็น "ทั้งหมด" แม้ยามดึกบรรยากาศจะเหมือนกับสถานการณ์ในคืนฝนตกใหญ่
แต่ก็เสมอเพียง "ปลายบน" แห่ง "ภูเขาน้ำแข็ง"
การเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ 1 คือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มแพทย์ไทยหัวใจรักชาติ 1 คือการเคลื่อนไหวของประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย)
กลุ่มแรกเคลื่อนกำลังไป "อุรุพงษ์" ก่อน "สามเสน"
คนที่เคลื่อนไหวอย่างนี้มีทั้ง พล.อ.อ.สามารถ โสดสถิตย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทอ. และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์
ขณะที่ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ไปเฉพาะเวที "สามเสน"
การไปเยี่ยมเยียนและขึ้นเวทีให้กำลังใจของบุคคลอย่าง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป และ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ที่เวที "อุรุพงษ์" ก็เช่นเดียวกับการปรากฏตัวของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และ นายคมสันติ์ โพธิ์คง ที่เวที "สามเสน"
แม้ นายอุทัย ยอดมณี แห่งเวที "อุรุพงษ์" ประกาศจะปักหลักอยู่ที่เดิม
แต่ นายสุริยะใส กตะศิลา แห่งสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) ยอมรับว่า "เมื่อประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ขยับ หลายฝ่ายก็ขยับตาม"
"จำนวน" คนเข้าร่วมย่อม "เย้ายวน" ใจอย่างยิ่ง
เพราะ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ชุมนุมจากพฤษภาคม-สิงหาคม คนก็ยังอยู่หลักร้อย เพราะ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ชุมนุมจากสิงหาคม-ตุลาคม คนก็ยังอยู่หลักร้อย
เริ่มต้น "ประชาธิปัตย์" ระดมได้ "หลักหมื่น"
จากนี้จึงเห็นอย่างเด่นชัดว่า "งานนี้" พรรคประชาธิปัตย์เล่นเอง ไม่เหมือนกับงานอื่นๆ ในกาลอดีตก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 อาจเสมอเป็นเพียง "แนวร่วม"
หลังเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 นับแต่เดือนพฤษภาคม 2551 เป็นต้นมา พรรคประชาธิปัตย์เล่นบท "เติมคน"
ส่ง "สมาชิก" บางส่วนเข้าไป "ปราศรัย"
เมื่อประสบผลสำเร็จจากการจัดตั้งรัฐบาลได้นับแต่เดือนธันวาคม 2551 ที่เคยอยู่ "ใต้ดิน" ก็ขึ้นอยู่บนดิน
ไม่ว่าจะเป็น นายกษิต ภิรมย์ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง
สถานการณ์การชุมนุม ณ เวทีสามเสน ก็เช่นเดียวกัน คนที่เคยแอบๆ ซ่อนๆ อย่าง นายประมนต์ สุธีวงศ์ ก็เริ่มเผยตัว การจัดตั้งกลุ่มใหม่อย่าง "แพทย์ไทยหัวใจรักชาติ" ของ นพ.ประมวล วีรุตมเสน ก็ไม่ลับๆ ล่อๆ อีกแล้ว
เวที "อุรุพงษ์" อาจยังสงวนท่าที
ขณะที่ นายสุริยะใส กตะศิลา พร้อมขึ้น "เวที" อย่างเต็มที่
บทเรียนจากการชุมนุมก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 บทเรียนจากการชุมนุมระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2551 คือความจัดเจนชุดใหญ่
มี "โอกาส" เกิดขึ้นอีกในปี 2556"
หากพิจารณาสถานการณ์ จากเดือนพฤษภาคมเรื่อยมาจนถึงเดือนพฤศจิกายน ก็จะต้องร้อง "ฮ้อ"
การเกิดขึ้นที่ "สนามหลวง" การเกิดขึ้นที่ "สวนลุมพินี" การเกิดขึ้นที่ "ชะอวด" การเกิดขึ้นที่ "หน้าโค-ออป" กำลังได้รับการบูรณาการโดย "ประชาธิปัตย์"
"การศึก" มิ "หน่ายเล่ห์" อย่างที่ซุนวูว่าไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น