โดย ทีมข่าว Sunai FanClub
กรณีศึกษาเกี่ยวกับศาล icc
จากการมาเยือนของประธานสภาประเทศโกตดิวัวร์
จากกรณีศึกษาและแนวทางที่จะนำนายอภิสิทธิ์ เวทชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปขึ้นศาลอาญาระหว่าประเทศ
(ICC) โดยมีแนวทางจากกรณีกาศึกษาจากเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนโดยการใช้อาวุธจริงในสาธารณรัฐโกดิวัวร์ดังนี้
อดีตประธานาธิบดีโลร็องด์ แบ๊กโบ
นับเป็นอดีดผู้นำประเทศคนแรกที่ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ศาลอาญาระหว่างประเทศในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับกาสั่งการให้ทหารเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงและฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเนื่องจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีจนความรุนแรงดังกล่าวเกือบกลายเป็นสงครามกลางเมือง
ทั้งนี้กองกำลังสหประชาชาติได้เข้ามาระงับความรุนแรง และสามารถจับตัว นายโลร็องด์ แบ๊กโบ ได้ ณ ที่ซ่อนตัวในที่แห่งหนึ่งซึ่งช่วยยุติความรุนแรงดังกล่าวในสาธารณรัฐโกดิวัวร์
ที่ดำเนินกว่า 4 เดือน
หน่วยงานสหประชาชาติซึ่งปฏิบัติภายในประเทศโกตดิวัวร์
ได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากวิกฤตการเมืองราว 1,012 คน เป็หญิง 103คนและเด็ก 42
คน ถูกฆ่าในเหตุปะทะกันทางการเมือง
และอย่างน้อย 505 คน ถูกฆ่าในเมืองดูโกอู
แม้ว่าโกตดิวัวร์ ไม่ได้เป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรม
แต่ก็ได้มีการประกาศยอมรับเขตอำนาจของศาลไอซีซีเมื่อวันที่ 18 เมษายน
2546 และหลังจากนั้น
ประธานาธิบดีของไอวอรีโคสต์ก็ได้ประกาศยืนยันการยอมรับเขตอำนาจศาลอีกครั้งในปี 2553
และ 2554 โดยอาศัย “มาตรา 12 ของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ
ระบุถึงเงื่อนไขเบื้องต้นในการใช้เขตอำนาจศาลดังนี้
…
ข้อ 3 ในกรณีที่รัฐใด ๆ
ไม่ได้เป็นภาคีต่อธรรมนูญกรุงโรมตามข้อกำหนดในย่อหน้า 2 รัฐดังกล่าวก็อาจยอมรับการปฏิบัติตามเขตอำนาจศาลของศาลอาญาระหว่างประเทศตามความผิดที่มีขึ้นได้
ทั้งนี้โดยการแจ้งความจำนงต่อนายทะเบียนของศาล...” แต่เป็นการประกาศยอมรับเฉพาะคดีนี้เท่านั้นดังนั้น ICC. จึงมีอำนาจในการพิจารณาคดีดังกล่าว
ดังนั้น
ในวันที่ 3
ตุลาคม 2554 องค์คณะตุลาการพิจารณาเบื้องต้นที่
3 จึงได้อนุญาตให้อัยการของศาลไอซีซีทำการสืบสวนความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี
ในประเทศไอวอรีโคสต์ จากความขัดแย้งระหว่างนายแบ๊กโบ อดีตประธานาธิบดี
และนายอลาสซาเน ออตตารา ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
ที่เป็นเหตุให้ผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายปะทะกันหลายครั้ง
จนกองกำลังของสหประชาชาติซึ่งนำโดยฝรั่งเศสต้องเข้าแทรกแซง และมีการจับกุมตัวนายบักโบ้ในเวลาต่อมา
นอกจากนี้
กรณีการนำตัวนายบักโบ้ไปดำเนินคดีที่ศาลไอซีซียังถูกเปรียบเทียบกับกรณีของนายซาอิฟ
อัล อิสลาม กัดดาฟี บุตรชายของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย
ที่ไอซีซีตัดสินใจให้เข้ารับการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศได้
ซึ่งในกรณีนี้นายหลุยส์
โมเรโน่ โอคัมโป้ หัวหน้าอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศกล่าวว่า การที่ศาลอาญาระหว่างประเทศยินยอมให้มีการพิจารณาคดีของนายซาอิฟ
และนายอับดุลลาห์ อัล-เซนุสซี่
อดีตหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของลิเบียภายในประเทศลิเบียนั้น
เป็นเพราะรัฐบาลใหม่ของลิเบียมีสิทธิที่จะดำเนินการในคดีนี้
ซึ่งตามหลักการของไอซีซีแล้ว จะให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศนั้นๆก่อน
ซึ่งหากว่ากระบวนการดังกล่าวราบรื่นดี ไอซีซีก็จะไม่เข้าไปแทรกแซง
ในขณะเดียวกันก็อาจมองได้ว่า
การนำตัวอดีตผู้นำไอวอรีโคสต์ขึ้นศาลในครั้งนี้
เป็นการพิสูจน์ตัวเองของนายโอคัมโป้ว่า
ในที่สุดเขาก็นำตัวผู้นำประเทศเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของไอซีซีได้
หลังจากที่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูว่า ที่ผ่านมาเขามักมีอคติทางการเมือง
และมักนำตัวชาวแอฟริกันผิวดำขึ้นศาลเท่านั้น โดยการออกหมายจับพันเอกโมอัมมาร์
กัดดาฟีก็ถูกมองว่า
เป็นไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับชาติตะวันตกในการใช้กำลังทางการทหารเข้าแทรกแซง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น