ที่มา:มติชนรายวัน 29 ต.ค.2556
หากศึกษา "แถลง" ระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายสุริยะใส กตะศิลา จะเห็นถึงลักษณะตรงกัน
ตรงกันในลักษณะ "คนละเรื่อง เดียวกัน"
นั่นก็เห็นได้จาก ระยะเวลาในการเป่านกหวีดเพื่อนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ทางการเมือง ทั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายสุริยะใส กตะศิลา
ยึด "สถานการณ์" กำหนด "เวลา" ไม่แตกต่างกัน
สถานการณ์ 1 คือ รอคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พฤศจิกายน สถานการณ์ 1 คือ รอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระ 3
น่าสนใจก็ตรงที่ ไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่านายสุริยะใส กตะศิลา ใช้วลี ดีเดย์ อย่างเดียวกัน
นั่นก็คือ คำว่า "เป่านกหวีด"
ขณะเดียวกัน ทั้ง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว มีบทสรุปตรงกัน ไม่ว่าที่ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ว่าที่แยกอุรุพงษ์ ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในลักษณะจรยุทธ์ของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ มีความเชื่อมโยง
เท่ากับ "แยกกันเดิน" แต่ "ร่วมกันตี"
ลักษณะ "ร่วม" ของการเคลื่อนไหวนับแต่เดือนพฤษภาคม 2556 จนต่อเนื่องมาถึงเดือนตุลาคม น่าศึกษาอย่างเป็นพิเศษ
เดือนพฤษภาคม เป็นการชุมนุม ณ ท้องสนามหลวง
ระหว่างนี้มีการเคลื่อนไหว 2 ส่วนที่สัมพันธ์กัน 1 การเปิดเวทีผ่าความจริง 1 การปรากฏตัวของ "หน้ากากขาว" ในนาม "กองทัพประชาชน"
เดือนสิงหาคม เกิด "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" (กปท.)
เดือนสิงหาคม เวทีผ่าความจริงถือ "อุรุพงษ์" เป็นจุดสำคัญชุมนุมข้ามคืนแล้วเดินเท้าไปยังอาคารรัฐสภา
ตามมาด้วยการป่วนการประชุมถึงขั้นยกเก้าอี้ทุ่ม
ขณะเดียวกัน เกิดปรากฏการณ์ "ชะอวดโมเดล" ก่อนการประกาศปิดถนนครั้งใหญ่ในเดือนกันยายน ที่เด่นเป็นอย่างมากคือปิดถนนจากประจวบคีรีขันธ์ถึงสุราษฎร์ธานี ประสานการซ้อมยึดศาลากลางที่ชุมพร
จากนั้น ม็อบ กปท.ก็เคลื่อนจากสวนลุมพินีหมายจะปักหลักบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ถูกกดดันให้ถอนตัวไปยึด "แยกอุรุพงษ์" ดำเนินยุทธวิธีในแบบ "ชะอวดโมเดล" โดยยึดกุมฤกษ์เดือนตุลาคมเป็นสำคัญ
สะท้อนอาการ "ระบาด" แห่งโรค "อนาธิปไตย"
ภายหลังการยุติบทบาทการเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ปรากฏสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (สปท.)
ล่าสุดคือการประชุมตัวแทน 77 จังหวัด 2,500 คน
มติที่ประชุมประกาศสนับสนุนการเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น คปท. ไม่ว่าจะเป็น กปท. ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวปราสาทพระวิหาร
ที่ประชุม สปท.เอ่ยถึงหมดยกเว้น "ประชาธิปัตย์"
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมีการต่อสายและเชื่อมประสานระหว่างแกนสำคัญอย่างคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กับ นายสุริยะใส กตะศิลา
กระทั่ง บทบาทของ สปท.ก็เป็น 1 ใน 12 แนวร่วมของ "ประชาธิปัตย์"
อาการแพร่ระบาดของ "ชะอวดโมเดล" ที่ปักหลักอยู่ถนนเพชรเกษม ประจวบคีรีขันธ์ และแยกอุรุพงษ์ จึงถูกมองว่าเป็นการเชื่อมโยง
สรุปตาม "สื่อ" ประชาธิปัตย์ นั่นคือ "หัวเชื้อ"
หัวเชื้อรอสถานการณ์จากคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ รอสถานการณ์จากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมวาระ 3
"หัวเชื้อ" รอเสียง "นกหวีด"
เหตุปัจจัยอันใดทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่าง "ประชาธิปัตย์" กับ นายสุริยะใส กตะศิลา ได้
นี่คือการขับเคลื่อนขบวนการโค่นระบอบทักษิณอีกคำรบ 1 เพียงแต่มิได้เป็นการนำโดยหัวขบวนเก่าจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น