"หนุ่ม เรดนนท์" หรือ ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 13 ปี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2554 ที่ศาลอาญารัชดา ด้วยข้อหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ พรบ.คอมพิวเตอร์ บัดนี้ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 เวลา 16:15 น. ทางทีมข่าว นปช. จึงได้เดินทางไปสัมภาษณ์
ทีมข่าว นปช : รู้สึกอย่างไรบ้างครับที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ครับ ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ก็ดีใจ.. ดีใจเป็นธรรมดา เพราะมันนานแล้วตั้งสามปี คือถ้าหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันจริง ๆ มันควรจะได้ออกเร็วกว่านี้ แต่ก็เป็นความผิดของผมด้วยที่เรื่องอภัยโทษช้าไปหน่อย พี่ทำเรื่องช้าไปนิดนึง
ทีมข่าว นปช : ช้าเป็นเพราะไปสู้คดีด้วยหรือเปล่า ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ใช่ ก็เพราะไปสู้อุทธรณ์ไง
ทีมข่าว นปช : ประสบการณ์ตอนที่อยู่ในคุกเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
หนุ่ม เรดนนท์ : คือช่วงหลัง ๆ คงไม่ต้องนับหรอกเพราะเราได้รับการดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาล จากฝ่ายเรานี่แหละ แต่ไอ้ก่อนหน้านั้นที่พวกเสื้อแดงเข้ามานี่ (ปี 53) พวกเราถูกทำร้าย ถูกกลั่นแกล้ง ช่วงแรกนี่จะเป็นช่วงที่ลำบากมากสำหรับพวกเราทุกคน ทุกแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็จะโดนหนักนิดนึง
ทีมข่าว นปช : แล้วช่วงที่เขามาในคุกแรก ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?
หนุ่ม เรดนนท์ : มันใหม่มากกับการเข้ามาอยู่ในคุกเพราะเราไม่เคย ใจเนี่ย.. ไม่ได้คิดว่าจะอยู่นาน เพราะว่าน่าจะได้รับการประกันตัว ไม่เคยคิดว่าจะต้องอยู่มาจนถึงวันนี้ แต่ว่าด้วยกระบวนการกฎหมาย ด้วยความไม่ยุติธรรมก็ทำให้เราต้องติดอยู่จนถึงวันนี้เลย ประกันตัวก็ไม่เคยได้
ทีมข่าว นปช : ติดมาไม่เคยได้ประกันตัว แล้วก็สู้คดีมา จนในที่สุดก็ขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อไหร่ครับ ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ใช่ เมื่อตอนที่อากง (อำพล) คือที่ทำให้ตัดสินใจคือนักวิชาการ 10 คน นักวิชาการหลายคนเนี่ย ร่วมกันค้ำประกันอากงบวกด้วยเงินสด จำนวนนึงซึ่งน่าจะ 2 ล้าน 3 ล้าน แล้วทำให้อากงประกันไม่ได้ นั่นตรงนั้นที่คุยกับอากงว่าถ้าครั้งนี้ไม่ผ่าน ก็จะขออภัยโทษ การยื่นประกันครั้งนั้นเป็นตัวที่ทำให้พี่ตัดสินใจ แล้วก็มีผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาคุยกับเราว่า ให้ยุติคดีโดยเร็ว แล้วเขาจะช่วยเรื่องอภัยโทษให้ ช่วงนั้นกระแสอากงกำลังมาแรงมาก
ทีมข่าว นปช : 3 ปีที่อยู่ในคุกได้รับบทเรียนอะไรบ้างครับ ?
หนุ่ม เรดนนท์ : จริงมันมีหลายประเด็น เรื่องความอดทน การคาดหวังอะไรต่าง ๆ มันไม่ใช่ว่าเราคาดหวังว่าจะได้อะไรแล้วเราจะได้ หลายครั้งที่เราคาดหวังว่าเราจะได้ประกันตัว เราก็ไม่ได้ หลายครั้งที่คิดว่า ลูกจะมาเยี่ยมก็มาเยี่ยมไม่ได้ คนที่เรารักก็ไม่มาเยี่ยมเรา หลายคนที่คิดว่าเขาน่าจะห่วงใยเรา ก็ไม่มาห่วงใยเรา ตรงนี้ฝึกให้เรารู้จักว่า ไม่คาดหวังอะไร ปล่อยวาง มันเหมือนถ้าเราไปยึดติด มันไม่ใช่เรื่องธรรมะ แต่เราต้องทำใจแล้วก็อดทนอยู่กับมันให้ได้
ทีมข่าว นปช : เพื่อน ๆ ในคุกเป็นไงบ้าง ?
หนุ่ม เรดนนท์ : เพื่อนในคุกผมว่าก็ไม่ต่างจากเพื่อนข้างนอกหรอก เป็นสังคมขนาดเล็ก ๆ ด้วย
ทีมข่าว นปช : รู้สึกอย่างไรกับคดี 112 ?
หนุ่ม เรดนนท์ : จริง ๆ แล้วเรื่อง 112 ผมต้องแยกแยะระหว่างคนที่มีต้นทุนทางสังคมอย่าง อ.สุรชัย กับ คุณสมยศ กับพวกที่เป็นคดีปลีกย่อย ควรจะแยกกัน อย่างผม อย่างเอกชัย อย่าง ยุทธภูมิ อย่างณัฐก็เหมือนกัน มันควรจะได้รับการผ่อนปรน หรือได้รับการช่วยเหลือมากกว่า มันจะเป็นผลเสียมาก ๆ เลยนะกับการที่เอาคดี 112 ที่เป็นประชาชนธรรมดา ผมว่ามันไม่มีประโยชน์เลยกับการที่เอามากักไว้ คือการปล่อยเราไปคนนึงมันก็ไม่ทำให้เกิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นควรจะแยกแยะ แยกกลุ่มคนตรงนี้ออกมา แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่โดนคดีแบบนี้ จะทำจริงทุกคน ผมเชื่ออย่างนั้น
ทีมข่าว นปช : เพื่อน ๆ 112 ที่อยู่ในเรือนจำตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ทุกคนผมพูดตรง ๆ ว่าได้รับการดูแลอย่างดี กับเจ้าหน้าที่นะ ซึ่งถ้ามี 100 คน ก็จะมีคนสองคนที่ยังมองพวกเราเป็นพวกที่ไม่ดี แต่ว่าจะไม่ค่อยเข้ามาข้องเกี่ยวอะไรกับเรามาก ความดีของรัฐบาลที่เห็นได้ชัด แต่ผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลหรือเปล่า อ.ธิดา หรือว่า หมอเหวง หรือว่าคนที่อยู่ฝ่ายเรา มีความใส่ใจ ซึ่งต่างจากแต่ก่อนมาก
ทีมข่าว นปช : คุณหนุ่มเขียนจดหมายถึง อ.ธิดา หลายครั้ง รู้สึกว่าอาจารย์ให้การช่วยเหลือดีไหม ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าแกจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผมเขียนไป เพราะดูเหมือนว่ามันห่างกันมาก ความรู้สึกเหมือนว่า 112 ไม่มีใครอยากจะสนใจ แต่อาจารย์ก็ยังแวะมา ยังให้กำลังใจแล้วก็ เรารู้ว่าอาจารย์ก็มีปัญหา แต่เราดูตรงที่ว่าอาจารย์มีน้ำใจให้เรามากแค่ไหน ทุกครั้งที่เราร้องขอไป อาจารย์ก็จะมีตอบกลับมา โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ เนี่ยเรารู้สึกว่าอาจารย์ให้เกียรติ์เรานะ จดหมายแต่ละฉบับที่เขียนไปอาจารย์ใส่ใจ และตามเรื่องให้เรา
ทีมข่าว นปช : รู้สึกอย่างไรกับการที่มีนักโทษการเมืองหลงเหลือถูกจองจำอยู่ตามเรือนจำ ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ผมบอกได้เลยว่าในช่วงชีวิตนึง ช่วงเวลานึงผมเคยคิดถึงประชาธิปัตย์ ว่าคดีอย่างผมเนี่ย พวกเดียวกันไม่สามารถช่วยได้ ประชาธิปัตย์จะช่วยได้ไหม ประชาธิปัตย์นี่ถ้าฉลาดนิดนึง จริง ๆ แล้วนะจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เรื่องพวกนี้คุณเข้ามาช่วยเหลือเขาเลย หาคนมาเยี่ยมเขา แล้วเข้าใจว่าเป็นประชาชนคนเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแยก แดง เหลือง ไอ้คนที่ติดคุกที่หลักสี่ หรือว่า 112 อย่างผม มันไม่ใช่ว่าจะรักหรือชื่นชอบทักษิณ หรือว่ามีอุดมการณ์ที่แดงจ๋ากันทุกคน มันไม่ใช่ วันนี้คุณช่วยเหลือเขา ความคิดเขาก็อาจจะเปลี่ยนไป ถ้าคุณมองว่าเขาเป็นประชาชนเหมือนกันที่ได้รับความเดือดร้อน ในสมัยตั้งแต่ รศ.130 มาแล้วก็มีการพระราชทานอภัยโทษ และมีการช่วยเหลือนักโทษการเมืองมาตลอด แต่ทำไมยุคนี้ถึงต้องมากักกัน มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย คือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ปล่อยทั้งหมด อย่างผมได้รับพระราชทานอภัยโทษในวันนี้ ผมก็ดีใจ ใครก็ได้ที่เข้ามาช่วยผม เพราะผมมีลูก คนที่ผมรักอยู่ จะยังไงผมขอบคุณหมดทุกคน ก็คาดหวังว่าจะมีการปล่อยตัวพวกเขาโดยเร็ว โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านก็อยากให้มีความคิดว่า พวกเขา (นักโทษ) ก็ประชาชนเหมือนกัน
ทีมข่าว นปช : ตอนนี้ก็ออกมาจากคุกแล้ว มีแผนการในการใช้ชีวิตอย่างไร ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ยังไม่สามารถวางแผนได้เลย บริษัทที่เคยทำอยู่ มันก็คงกอบกู้ไม่ได้ ธุรกิจที่ผมทำคือ ไอที ซึ่งมันล้าสมัยไปแล้ว แม้แต่มือถือผมยังใช้ไม่เป็นเลยวันนี้ แล้วก็เรื่องสายตาด้วย จะให้ทำคอมพิวเตอร์คงทำไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำถ้าขายหรือทำวิชาชีพอื่น แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ก็อยากจะพักยาว ๆ อยากจะใช้เวลา 3 ปีกับลูกเพื่อชดเชยที่เสียไป
ทีมข่าว นปช : อยากจะฝากบอกอะไรกับพี่น้องเสื้อแดงครับ ?
หนุ่ม เรดนนท์ : ในฐานะที่เป็นนักโทษ 112 ไม่อยากให้พวกเสื้อแดงแบ่งแยกว่า อันนี้เป็นนักโทษหลักสี่ อันนี้เป็นนักโทษที่นี่ เราเองก็มีอุดมการณ์เหมือนกัน ออกมาจากจุดเดียวกัน ก็คือไปฟังคนปราศัยบนเวทีมา ผมเองโดนคดี 112 พวกเราหลายคนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพก็โดน 112 ทำไมต้องแบ่งแยกกันด้วย ต้องแบ่งแยกว่า 112 ต้องไม่ไปเยี่ยมนะ หรือว่าดูแลให้มันน้อยหน่อย ไม่ย้ายไปหลักสี่ ผมเข้าใจว่าการสูญเสียจากการชุมนุมในราชประสงค์มันก็หนักหนาสาหัส แต่ว่าพวกที่ติดคุกมันก็คือการติด ก็คือตกนรกทั้งเป็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น